บทที่ ๑๕ ปฏิบัติธรรม อิริยาบถบรรพ และสัมปชัญญะบรรพ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองต่อด้วยวิชาปราณโอสถขั้นกายรวมใจและขั้นผ่อนคลาย
ปราณโอสถ กายรวมใจ รักษาใจไม่ให้กระเพื่อม
ชื่อเรื่อง ปฏิบัติธรรม อิริยาบถบรรพ และสัมปชัญญะบรรพ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมอง
ต่อด้วยวิชาปราณโอสถ ขั้นกายรวมใจ และขั้นผ่อนคลาย
แสดงธรรมวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕
สาระสังเขป
บรรยายประโยชน์ของการบริหารสมองเพื่อป้องกันการเสื่อม สอนเจริญกรรมฐานอิริยาบถบรรพและสัมปชัญญะบรรพ และปราณโอสถ ฝึกรวมกาย ลม และจิต โดยหายใจพร้อมเคลื่อนไหวร่างกายในอิริยาบถต่างๆ อย่างมีความรู้สึกตัว จิตตั้งมั่นและผ่อนคลายทุกขณะ
เนื้อหา
เดี๋ยวเริ่มปฏิบัติธรรม
เมื่อเช้าได้พูดถึงเรื่องคุณสมบัติวิธีบริหารสมอง รักษาความเสื่อมของสมอง ปกติในช่วงพรรษานี้ จะสอนวิชาปราณโอสถ แต่วันนี้พิเศษ เป็นวันแม่แห่งชาติ และเป็นวันผู้สูงวัย เพราะว่าแต่ละคนที่มานั่งอยู่นี่ไม่มีคนหนุ่มคนสาว มีแต่พวกสว.ทั้งผู้ชายผู้หญิง
สิ่งหนึ่งที่ต้องกังวลและน่าเป็นห่วงที่สุด คือ เดี๋ยวนี้อาหารการกิน อาหารเสริม อาหารบำรุงทั้งหลายเป็นมลพิษแก่ร่างกาย ทำร้ายร่างกายและทำให้ความเสื่อมในร่างกายถูกเร่งเร้า เร่งรัด สุดท้ายจะลำบาก อายุไม่เท่าไหร่๔๐-๕๐ ก็หลงๆ ลืมๆ พอ ๖๐ ขึ้นไป เริ่มลืมเยอะขึ้น เริ่มเสื่อมมากขึ้น พอ ๗๐-๘๐ กลับบ้านไม่ถูก แยกแยะไม่ได้ จำอะไรผิดๆ
เราจะทำอย่างไรให้สมองเราตายช้าลง เสื่อมช้าลง ชะลอความเสื่อม และสามารถสร้างความจำ ทรงความจำไว้ได้
ที่จริงความจำ ลืมง่ายเป็นเรื่องดีนะ เราไม่ต้องทุกข์มาก แต่ถึงขั้นจำขี้ จำเยี่ยวไม่ได้ แยกแยะไม่ถูก ไม่รู้ว่ากินข้าวแล้วหรือยัง หรือยังไม่กิน อันนี้ไม่ดี กลับบ้านกลับช่องไม่ถูก อันนี้ไม่ดี เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียว เราจะต้องกลายเป็นภาระของลูก ของเมีย ของผัว ของครอบครัว ของคนใกล้ชิด จะต้องมาไล่ตามหาเราไม่จบสิ้น
ฉะนั้น เราต้องฝึก ต้องทำให้ตัวเราสามารถพึ่งตัวเราเองได้อย่างสมบูรณ์ เรียกว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน
ที่จริงเคยสอนพวกนี้มาเยอะมากแล้ว สอนหลายวิธีสอนทุกกระบวนการ ถ้าเอาไปทำทุกวัน ไม่ถึงคำว่า เสื่อม หรือถ้าเสื่อมก็เสื่อมน้อยมาก ต้องใช้เวลา และทำให้ความเสื่อมบรรเทาเบาบางลงได้ในระดับหนึ่ง
เรารู้อยู่แล้วว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา มันไม่มีอยู่จริง
แต่เราจะทำให้อยู่ได้แบบชนิดที่ไม่เพิ่มทุกข์ได้อย่างไร?
อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องคิด ต้องวิเคราะห์ วันนี้ เดี๋ยวเรามาฝึก
(กราบ)
---------
ลุกขึ้นยืน
๐ สอนท่ากายบริหาร อิริยาบถบรรพ ป้องกันสมองเสื่อม
พระพุทธเจ้าทรงเรียกวิธีนี้อยู่ในมหาสติปัฏฐาน ๔ ว่า อิริยาบถบรรพ กับสัมปชัญญะบรรพ อยู่ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
สติปัฏฐานทั้ง ๔ มีกาย เวทนา จิต และธรรม
ลองกางปีกดูซิ ติดเพื่อนมั้ย ถ้าติดก็ขยับ ไม่ต้องไปยืนชิดกัน
ฝึกให้ ๓ อย่างรวมกัน คือ กาย ลม จิต
๐ กาย :
จัดระเบียบลำดับในท่ายืน ยืนให้มั่นคง ไม่เอน ไม่โยก ไม่เอียง ทิ้งน้ำหนักเท้าขวา เท้าซ้ายเสมอกัน ลำตัวตั้งตรง สายตามองตรง ทอดลงต่ำ
๒ แขนทิ้งข้างลำตัว
๐ ลมหายใจ :
เริ่ม หายใจเข้า สังเกตดู
- หายใจเข้า ท้องจะป่อง
- หายใจออก ท้องยุบ
สัก ๕ ครั้ง คือ ๕ คู่ เข้า-ออก นับเป็น ๑
ครบ ๕ ครั้ง ทีนี้ผ่อนคลาย
พร้อม เริ่ม
๑. หายใจเข้า ยกแขนขวาชี้ตรงมาข้างหน้า :
- ช้าๆ ลมกับแขนพร้อมกัน ยกสุดเสมอไหล่ คือ หายใจเข้าเต็ม ชี้ตรง ไม่ใช่ยกชูเหนือหู เอาแค่เสมอไหล่
- หายใจออก ลดลง
........
สลับกัน หายใจเข้า : เมื่อกี้ขวา มาทีนี้ซ้าย
เอาสัก ๔ คู่
- ให้ลมกับแขนคล้องจองกัน พอดีกัน อย่าเร็วเกิน อย่าช้าเกิน
พอเริ่มหายใจเข้า เริ่มยกแขน ยกสุด หายใจเต็มพอดี หยุด
ทำ ๔ คู่ ๘ ครั้ง
- ทำทุกวัน เช้า เย็นๆ :
อายุมากๆ จะช่วยเพิ่มรอยหยักให้สมอง เซลล์สมองจะได้ตื่นตัว ไม่อยากเป็นคนหลงๆ ลืมๆ ขี้หลงขี้ลืม แก้ได้ ไม่ใช่แก้ไม่ได้ ไม่ปล่อยชีวิตให้จมปลักไปวันๆ ก็สามารถที่จะพยุงมันขึ้นมาได้
๒. ครบแล้ว ทีนี้ กางปีก
- ยกปีกขวา หายใจเข้า
- ลดปีกขวาลง หายใจออก
........
สลับกัน ขวา แล้วก็มาซ้าย
๔ คู่ ซ้าย-ขวา นับ ๑
- อย่ายกแขนเร็วเกิน อย่ายกช้าเกิน เกินอะไร เกินลมไง แขนกับลม ต้องพร้อมกัน
ความขี้หลงขี้ลืมและความเสื่อม ไม่ได้มีเฉพาะคนแก่นะ ใครที่รู้ตัวว่า อายุยังน้อยๆ แล้วหลงๆ ลืมๆ วิธีเหล่านี้แก้ได้ ทำได้มากเท่าไหร่ ความจำเราจะดีมากขึ้นเท่านั้น เป็นทวีคูณ เป็นเงาตามตัว
อย่าช้าไป อย่าเร็วไป
๔ คู่ ก็ ๘ข้าง
๓. ยกแขนตรงมาข้างหน้า เหนือศีรษะ พร้อมหายใจเข้า
ลดลง หายใจออก
อีก ๔ คู่
- เวลาลด ยกข้างไหนลดข้างนั้น
- สลับ ซ้าย- ขวา
- เวลายก ยกแขนตึงๆ ยึดแขนให้สุด มันไปกระตุ้นหลอดเลือดข้างลำคอซ้าย ขวาที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้ความดันของเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ดี
- ถ้ายกแขนไม่สุด หลอดเลือดข้างลำคอก็ไม่ได้รับการกระตุ้น
ทำบ่อยๆ เช้า-เย็น เราจะรู้สึกสมองเราโล่งขึ้น
๔. สลับปีก
- ยกปีกแขนขวายก ด้านข้างจนกระทั่งแขนแนบหู เฉพาะข้างเดียว
- ลดปีกขวาลง
- สลับ ยกปีกซ้ายตามพร้อมลมหายใจด้วย อย่าเอาแต่ยกแล้วไม่มีลม
เวลายกปีก ให้ปีกแนบหู ให้ต้นแขนแนบหู ไม่ใช่เอียงคอมาแนบ
๔ คู่ เหมือนกัน
๕. ยก ๒ แขนชี้ตรงมาข้างหน้า เสมอไหล่ พร้อมลมหายใจเข้า
- ลดลง หายใจออก
อีก ๔ คู่ - อย่าลืมลม ลมต้องพร้อมแขน เริ่มยกก็เริ่มหายใจ
- ลดลง หายใจออก
๖. ยกปีก ซ้าย-ขวา เสมอไหล่ อีก ๔ คู่
อย่าเร็วเกิน อย่าช้าเกิน ให้พอดีกับลม
๗. ยก ๒ แขนชี้ตรงมาข้างหน้าเหนือศีรษะ
ลดลงมาข้างหน้า อีก ๔ คู่
- ยืดแขนให้ตรง ให้แขน ๒ ข้างแนบหู เพื่อกระตุ้นหลอดเลือดข้างลำคอซึ่งมีหลอดเลือดใหญ่ไปเลี้ยงสมอง
ครบ ๔ คู่
๘. ยกปีกข้าง ซ้าย - ขวาเหนือศีรษะพร้อมลมหายใจ
อย่าเร็วเกิน อย่าช้าเกิน แขนเหยียดตึง
ร้อนใช่มั้ย พัก เอาน้ำแจก ดื่มน้ำทุกคน หาน้ำดื่ม
ลุกขึ้นยืน ทำขั้นต่อไป เมื่อกี้แค่วอร์มๆ เบื้องต้น ขั้นพื้นฐานเมื่อครู่นี้ทำได้ทั่วๆ ไป ไม่ต้องใช้พลังแห่งสัมปชัญญะ คือปัญญา
แต่ขั้นต่อไปนี้ จะใช้พลังแห่งสัมปชัญญะ คือ ปัญญา เพื่อกระตุ้นให้เซลล์สมองทั้งหลายตื่นตัว ค่อยข้างจะยากหน่อย
เริ่ม :
- หายใจเข้า ยกแขนขวาชี้ตรงมาข้างหน้า
- หายใจออก ลดลง
- แขนซ้าย หายใจเข้า
- ออก ลดลง
๐ หายใจเข้า ชี้ ๒ แขนตรงมาข้างหน้า
- ออก วาด ๒ แขนไปอยู่ที่ปีกซ้าย – ขวา
- เข้า ลดลง
๐ หายใจเข้า กางปีก ๒ ข้างเสมอไหล่
- ออก วาดปีกชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า ลดลง
๐ ออก กางปีก ๒ ข้างเสมอไหล่
- เข้า ชี้แขน ๒ ข้างตรงมาข้างหน้า
- ออก ยกเหนือศีรษะ
- เข้า ลดปีก ๒ ข้างลง
- หายใจเข้า ชี้แขน ๒ ข้างตรงมาข้างหน้า
- ออก กาง ๒ ปีก
- เข้า ลดลง
ผ่อนคลาย
เริ่ม
๐ หายใจเข้า กาง ๒ ปีกเสมอไหล่
- ออก ชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า ยกเหนือศีรษะ
- ออก ลด ๒ ปีก ลง
๐ หายใจเข้า ยก ๒ แขนชี้ตรงมาข้างหน้า
- ออก กาง ๒ ปีก
- เข้า เหนือศีรษะ
- ออก ชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า กาง ๒ ปีก
- ออก ลดลง
เริ่มยุ่ง แขนเริ่มพันกันจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ใช้ "สมอง"ในการกำกับควบคุมกาย
ใช้ "จิตและสติ"ในการกำกับควบคุมลมกับกายให้ประสานกัน
เตรียมพร้อม :
- หายใจเข้า กาง ๒ ปีกเสมอไหล่
- ออก ชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า เหนือศีรษะ
- ออก ลด ๒ ปีก ลง
- เข้า ชี้ตรง ๒ แขนข้างหน้า
- ออก กาง ๒ ปีก
- เข้า เหนือศีรษะ
- ออก ชี้ ๒ แขนตรงมาข้างหน้า
- เข้า กาง ๒ ปีก
- ออก ลดลงข้างลำตัว
- หายใจเข้า กาง ๒ ปีกเหนือศีรษะ
- ออก ลด ๒ แขนชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า กาง ๒ ปีก
- ออก ยก ๒ แขนเหนือศีรษะ
- เข้า ลด ๒ ปีก ลงข้างลำตัว
- หายใจเข้า ยก ๒ ปีกเสมอไหล่
- ออก แขนขวาชี้บน แขนซ้ายชี้ตรงมาข้างหน้า
- เข้า ลดแขนขวาลงเสมอไหล่
- ออก กางปีกซ้าย
- เข้า ชี้แขนขวามาข้างหน้า
- ออก ยกแขนซ้ายเหนือศีรษะ
- เข้า ลดแขนขวาลงข้างลำตัว
- ออก ลดแขนซ้ายลงข้างลำตัว
เริ่มพันกันแล้วใช่มั้ย
ลมกับแขน เสมอกันมั้ย
จิตรวมตัวได้ดีมั้ย
ยังง่วงอยู่มั้ย
ยังมีสมาธิตั้งมั่นอยู่ในความง่วงมั้ย
เอาใหม่ เตรียมพร้อม
- หายใจเข้า กาง ๒ ปีกเสมอไหล่
- หายใจออก ไพล่ ๒ ปีก ชี้ตรงมาข้างหน้า
- หายใจเข้า ยกเหนือศีรษะ แขนชิดหู
- ออก ลด ๒ ปีกลง ให้หลังมือแนบข้างลำตัว หลังมือต้องแนบข้างลำตัว ใช้หลังมือแนบข้างลำตัวให้ได้
- หายใจเข้า เอื้อมมือไปไขว้ประสานกันข้างหลัง
- หายใจออก ก้มคอ คางติดอก.. ไม่ใช่ก้มตัว ก้มคอ คางติดอก
- หายใจเข้า เงยคอขึ้น ยกแขนสูงทั้งๆ ที่มือยังประสานกันอยู่..ยกสูงๆ เงยคอขึ้น ยกแขนสูงๆ
- หายใจออก ผ่อนคลาย แขน ๒ ข้างอยู่ข้างลำตัว
พัก ให้น้ำอีกรอบแล้วกัน
มันดีต่อสุขภาพ ดีต่อเส้นเอ็น พังผืด ดีต่อข้อกระดูก ดีต่อสมอง และดีต่อสภาพจิตที่ตั้งมั่นได้ง่าย
๐ ท่านั่ง
ทีนี้นั่งขัดสมาธิกับพื้นได้มั้ย ใครไม่ได้ก็นั่งบนเก้าอี้ได้
- เอามือเท้าที่หัวเข่า ๒ ข้าง ง
- หายใจเข้า เหมือนเดิม ท้องป่อง
- หายใจออก ก้มตัวไปข้างหน้า เหยียดแขนไปให้ตึง เสือกแขนไปข้างหน้ามากๆ ก้มลงจนหน้าผากติดพื้น ก้มไปเยอะๆ ให้หน้าผากติดพื้น
- หายใจเข้า เงยคอ มองข้างบน แขนยังอยู่ข้าวหน้า เหลือกตาสูงๆ มองเพดาน คอตั้งบ่า ยังก้มตัวอยู่
- หายใจออก กลับมาตรง
สลับขา : ขาล่าง เอาไว้บน ขาบน เอาไว้ล่าง
- สูดลมหายใจเข้า ท้องป่อง มือเอาไว้ตรงไหน
- หายใจออก ก้มตัวลงไปข้างหน้า เสือกแขนไปเยอะๆ ตึงตะโพก ใช่มั้ย ตึงอีกข้างหนึ่ง จะทำให้ปวดหลัง หน้าผากแนบพื้น
- หายใจเข้า เงยคอ ยังไม่ต้องเงยตัว ตาเหลือกมองเพดาน
- ออก กลับมาตรง
เหยียดขาขวามาข้างหน้า ขาซ้ายทับขาขวา
- แขน ๒ ข้างเท้าไปข้างหลัง นั่งให้ผ่อนคลายให้สบาย อย่าลำบากลูก ที่นี่เขาสอนสบายๆ ไม่ลำบาก
- ขาซ้ายทับขาขวา เหนือเข่า ใกล้ๆกับตะโพก
- ก้มตัวลง เอามือ ๒ ข้างจับปลายเท้า ดึงปลายเท้าเข้าหาลำตัว ก้มลงเยอะๆ แขนตึง ดึงปลายเท้า ดึงๆ ตึงตะโพกมั้ย ก้มลงไป
- กลับไปข้างหลัง เอามือเท้าหลัง ผ่อนคลาย
สลับขา
- สูดลมหายใจเข้า
- หายใจออก ก้มตัวลง เหมือนเดิม ดึง
ขาข้างนี้ทำไมยาวเหลือเกินวะ มือกูเอื้อมไม่ถึงให้รู้ไว้แสดงว่า มึงกำลังพิการถ้ามึงดึง ๒ ข้างไม่เท่ากัน ถ้าไม่อยากพิการ ต้องเอื้อมให้ถึง ดึงให้ได้ - ดึงมาแล้วก้มตัวลง ก้มหน้าลง ไม่ได้ดึงตาตุ่ม ดึงปลายเท้า ดึง ดึง ดึงค้างไว้
พอ ผ่อนคลาย
- เอามือเท้าข้างหลัง เหยียดขา ๒ ข้างเอนตัวไปด้านหลัง
เอาฝ่าเท้า ๒ ข้างประกบกัน แล้วดึงเข้าหาตัว ข้อศอกดันหน้าขา ก้มตัวลง หน้าผากแนบหัวแม่โป้ง
- ดึงเข้ามาเยอะๆ ให้ส้นเท้าเข้ามาชิดลำตัว ดึงส้นเท้าเข้ามาเยอะๆ จะช่วยยืดเส้นหลัง ไม่ทำให้หลังเราตึง จะลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลัง สะโพก บ่า ไหล่
- ก้มไว้ก่อน ยังไม่ได้ให้เงยหน้า..
พอ/พัก :
- เหยียด ๒ แขน เท้าข้างหลัง เอนตัวไปข้างหลัง เหยียดขา มือเท้าให้ดีพอกับสะโพก ทิ้งคอไปข้างหลัง
เกร็งท่อนขา หน้าท้อง ยกสะโพกขึ้น ทิ้งคอไปข้างหลัง
ดื่มน้ำๆ พอๆ
ทีนี้ นั่งขัดสมาธิ
- แขนไขว้ไปข้างหลัง ฝ่ามือประสานกันหายใจเข้า
- หายใจออก ก้มลง ยกแขนสูงๆ หน้าผากแนบพื้น
พอ
เอาเข่า ๒ ข้างไขว้กัน ให้แนวเข่าตรงกัน เข่าล่างตรงกับเข่าบน ส้นเท้าอยู่ข้างสะโพก
- ให้แนวเข่าตรงกันให้ได้ ส้นเท้า ๒ ข้างอยู่ข้างสะโพก แล้วก้มลง.. ก้มลงเยอะๆ เหยียดแขน ๒ ข้างออกไปข้างหน้า จะไปยากเย็นอะไร
- สลับขา ให้เข่าตรงกัน ส้นเท้าอยู่ข้างตะโพก ก้มลง เหยียดแขน ๒ ข้างไปข้างหน้า
นั่งพับเพียบ ขาขวาทับขาซ้าย ส้นเท้าข้างหนึ่งไปข้างหลัง แล้วบิดตัวไป
- ข้างไหนที่ส้นเท้าไปข้างหลัง บิดตัวไปหา
- สลับกัน แล้วบิดตัวไป
- กลับมาตรง
ทำแล้วจะเบาหลัง ตั้งแต่สะโพกขึ้นไปจนถึงบ่าจะเบาลง
ให้น้ำ.. หาน้ำมาดื่ม ยึดเส้นยึดสาย ต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง น้ำดื่มเยอะๆ ยากินให้น้อย น้ำเปรียบเหมือนยา เหมือนโอสถ ดื่มให้มากๆ คนอายุมากขี้เกียจเยี่ยว เลยกินน้ำน้อย ตับ ไต วายหมด หยิบน้ำไปแจกกัน
จะ ๔ โมงแล้ว ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรเลย มัวแต่ยืดเส้นยืดสาย
๐ เจริญจิตภาวนา
มาเจริญจิตภาวนากันหน่อย นั่งอยู่อย่างนี้แหละ
ให้กายกับใจรวมกัน
ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องตรึก นึกอะไรทั้งนั้น
ใจรวมอยู่กับกาย กายอยู่กับใจ
อยู่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
- ใจอยู่ที่กลางกระหม่อม
- ใจอยู่ที่กะโหลกศีรษะ
- ใจอยู่ที่ต้นคอ
- ใจอยู่ที่บ่า
- ใจอยู่ที่ไหล่
- ใจอยู่ที่ท่อนแขน
- ไล่ไปทีละจุด ตั้งแต่บนลงล่าง หัวจรดปลายเท้า
- ให้ "ใจ" ไปตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ในร่างกาย
ให้จิตกับกายรวมกัน เรียกว่า กายรวมใจ
- ไล่ไปเรื่อยตั้งแต่กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง
ใจอยู่ที่ต้นคอด้านหลัง อยู่ที่บ่า อยู่ที่หัวไหล่ ๒ ข้าง
- ใจอยู่ที่แขนด้านบน ๒ ข้าง ใจอยู่ที่ข้อศอก ๒ ข้าง ใจอยู่ที่ท่อนแขนด้านล่าง ๒ ข้าง
- ใจอยู่ที่ข้อมือ ๒ ข้าง ใจอยู่ที่ฝ่ามือ ๒ ข้าง ใจอยู่ที่นิ้วทั้ง ๑๐
- ใจอยู่ที่หลังมือ ข้อมือ ท่อนแขน ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน
- ไหล่ ๒ ข้าง บ่า สะบัก ๒ ข้าง แผ่นหลัง ลงไปที่สะโพกก้น
- ท่อนขาด้านบน ข้อพับ หัวเข่า
- ท่อนขาด้านล่าง ข้อเท้า ส้นเท้า ฝ่าเท้า ๒ ข้าง นิ้วทั้ง ๑๐
- หลังเท้า ข้อเท้า หน้าแข้ง หัวเข่า ท่อนขาด้านบน
- เอว ท้องน้อย ใต้สะดือ เหนือสะดือ ช่องท้อง ซี่โครง ลิ้นปี่ ทรวงอก ไหปลาร้า ลำคอ
- กรามซ้าย-ขวา คาง ริมฝีปากบน กระพุ้งแก้ม จมูก เบ้าตา โหนกคิ้ว หว่างคิ้ว หน้าผาก กลางกระหม่อม
๐ ขั้นต่อมา ผ่อนคลาย
ผ่อนคลาย คือ การวางทุกอย่าง วางกาย วางอารมณ์ วางการยึดถือ
ขั้นนี้เรียกได้อีกอย่างว่า ขั้นเตรียมตัวตาย พร้อมตาย
ถ้าตายด้วยอารมณ์ผ่อนคลายแบบนี้ ความสงบ ระงับ สุคติภพก็เกิดขึ้น ตรงกับคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา ก่อนตายจิตไม่เศร้าหมอง ไปสู่สุคติ
วิชาปราณโอสถ นอกจากทำให้มีชีวิตอยู่อย่างที่ทุกข์น้อย เวลาตายก็ผ่อนคลายได้ด้วย ไม่ต้องไปอยู่ในทุคติภพได้ด้วย
พระโพธิสัตว์จึงมีอำนาจเลือกเกิดได้ด้วยวิชาปราณโอสถ
สมองผ่อนคลาย ร่างกายผ่อนคลาย
จิตใจผ่อนคลาย
อารมณ์ผ่อนคลาย
ทุกอย่างในร่างกายผ่อนคลายหมด
"ผ่อนคลาย" จนถึงขั้นคำว่า ลหุตา คือ ความเบา เบากาย เบาใจ เบาอารมณ์
กลับมาดูลมหายใจ
หายใจเข้า ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข
หายใจออก ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
แหล่งข้อมูล
หลวงปู่พุทธะอิสระ. (๒๕๖๖). ปฏิบัติธรรม อิริยาบถบรรพ และสัมปชัญญะบรรพ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองต่อด้วยวิชาปราณโอสถ ขั้นกายรวมใจ และขั้นผ่อนคลาย ใน
ปราณโอสถ: กายรวมใจ รักษาใจไม่ให้กระเพื่อม, (น.๒๔๓ - ๒๕๙). นครปฐม: มูลนิธิธรรมอิสระ.
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม และปฏิบัติธรรม วิชาปราณโอสถเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ ช่วงเช้าหลวงณ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม, สืบค้น มีนาคม ๒๕๖๗ จาก
https://www.facebook.com/issaradham/videos/472821777649831
หลวงปู่พุทธะอิสระ แสดงธรรม ช่วงเช้าเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕, สืบค้น มีนาคม ๒๔๖๗ จาก
https://www.facebook.com/watch/?v=454860123203220