วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ. กำแพงเสน จ.นครปฐม

บทที่ ๒๓ บทสรุปหลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ

ปราณโอสถ กายรวมใจ กรรมฐานในวิถีมรรคาปฏิปทา

ชื่อเรื่อง บทสรุปหลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ 

 

แสดงธรรมวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖ 

 

สาระสังเขป

          แสดงธรรมเกี่ยวกับหลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ โดยพิจารณาสี สัณฐาน ที่อยู่ หน้าที่ และความน่ารังเกียจ  ธาตุลมมีกลิ่น แต่ไฟไม่มีกลิ่น ทั้งลมและไฟไม่มีที่อยู่แน่นอนแต่อยู่ทั่วร่างกาย หากไม่พิจารณาให้เห็นปัจจัยของธาตุลมและธาตุไฟที่ปกติและเป็นทุกข์โทษ ก็จะไม่เห็นถึงความเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ต้องเริ่มจากกายรวมใจอย่างตั้งมั่นเหมาะสม แล้วพิจารณาตามกระบวนการที่กล่าวมาอย่างละเอียดรอบคอบถี่ถ้วนให้รู้ถึงปัจจัยการเกิดการดับทั้งธาตุในส่วนที่เป็นคุณและโทษ ธาตุทั้งสี่ดำรงอยู่ได้เพราะวิบากกรรมและสมดุลทั้ง ๘ ได้แก่ อาหาร อิริยาบถ อุตุ มีวินัยในการดำเนินชีวิต ขับถ่ายปกติ บริหารร่างกายให้เหมาะสมกับวัย บริหารอารมณ์ให้สมดุลรู้จักการทำการงานต่างๆ และผ่อนคลายวางว่างดับเย็น รักษาจิตไม่ให้กระเพื่อมจากสิ่งที่ได้สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ

  

เนื้อหา

เราท่านทั้งหลายได้เรียนรู้ศึกษาถึงบทสรุปของธาตุดิน ๒๐ ธาตุน้ำ ๑๒ ผ่านไปแล้ว โดยมีหลักพิจารณาคือ 

 โดยสี โดยสัณฐาน(รูปร่าง) โดยที่อยู่ โดยหน้าที่ และโดยความปฏิกูลพึงรังเกียจ 

 วันนี้เราท่านทั้งหลายมาตามดู เรียนรู้ ศึกษา ถึงธาตุลม ๖ กอง และไฟ ๔ กอง กันต่อ 

 ธาตุลมและไฟในร่างกายไม่ปรากฏสีชัดเจนนัก 

 มีกลิ่นแต่เฉพาะธาตุลมเท่านั้น ส่วนธาตุไฟหามีกลิ่นไม่ 

 ส่วนสัณฐานหรือรูปร่าง ยิ่งนำมาใช้กับธาตุลมและธาตุไฟหามีไม่ 

 และหากจะว่าโดยที่อยู่ด้วยแล้ว ธาตุลมกับธาตุไฟไม่มีที่อยู่ที่แน่นอนในร่างกายนี้ แต่จะชำแรกแทรกอยู่ไปทั่วสรรพางค์กาย ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนัง 

 

ส่วนหากจะพิจารณาโดยหน้าที่นั้น ธาตุลมทั้ง ๖ กอง และธาตุไฟทั้ง ๔ กอง มีหน้าที่ทั้งให้คุณและโทษต่อธาตุดินและธาตุน้ำพอ ๆ กัน 

 

ถ้าพิจารณาโดยปฏิกูลพึงน่ารังเกียจ ธาตุลมไม่ชัดเจนนัก จะมีก็แต่กลิ่นเท่านั้นที่ไม่น่าปรารถนา 

ส่วนธาตุไฟนั้นก็มองไม่เห็นความปฏิกูลพึงน่ารังเกียจใด ๆ 

 

แม้เป็นเช่นนี้แต่การพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ ก็ยังจำเป็นต้องพิจารณา แยกแยะ แจกแจงในแต่ละขั้นตอนให้ละเอียด รอบคอบ จนกระทั่งสิ้นสงสัย เข้าใจ รู้จักถึงธรรมชาติอันแท้จริงของธาตุลมทั้ง ๖ กอง ธาตุไฟทั้ง ๔ ให้ถ่องแท้ 

 

ธาตุลมโดยปกติ และธาตุลมที่เป็นทุกข์ โทษ ภัย โรคนั้น เกิดจากเหตุปัจจัยอะไร และจะดับ ก็ดับด้วยเหตุปัจจัยอะไร ไม่เว้นแม้แต่ธาตุไฟ ธาตุดิน และธาตุน้ำ หากยังไม่สามารถรู้เหตุปัจจัยแห่งการเกิดและดับของธาตุทั้ง ๔ ภายในกายนี้ ก็จักมาสรุปลงตรงหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ยังไม่ได้ ไม่สมบูรณ์ ถือว่ายังมีเชื้อแห่งเหตุปัจจัยของการเกิดอยู่ 

 

แต่การที่จะพิจารณารู้สภาวธรรมที่ปรากฎตามความเป็นจริงของเหตุปัจจัยเช่นนี้ได้นั้น สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากกายรวมใจ ใจรวมกาย อย่างตั้งมั่น เหมาะสม แล้วพิจารณาตามกระบวนการดังกล่าวมาอย่างรอบคอบ ละเอียด ถี่ถ้วน ชัดเจน จนสิ้นสงสัย รู้แจ่มแจ้งถึงเหตุปัจจัยของการเกิดและดับทั้งธาตุที่เป็นคุณและธาตุที่เป็นโทษ จนเห็นแจ่มชัดถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอยู่จริง 

 

เช่นนี้จึงชื่อว่า เป็นผู้วาง ว่าง ดับ เย็น ได้อย่างสมบูรณ์ 

 

มีคำถามแทรกเข้ามาขณะที่เขียนว่า 

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าธาตุดินเป็นโรค ธาตุน้ำเป็นโรค ธาตุลมเป็นโรค ธาตุไฟเป็นโรค 

ตอบได้ว่า ธาตุทั้ง ๔ นอกจากอยู่ได้ด้วยวิบากแห่งกรรมแล้ว ยังดำรงอยู่ได้ด้วยสมดุลทั้ง ๘ อันได้แก่ 

๑. อาหาร สมดุลคือไม่มากไป ไม่น้อยไป บริโภคให้เหมาะแก่วัย เช่น ขณะเยาว์วัย คือ ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ ๑๕ – ๑๖ ไม่ควรกินอาหารที่มีรสจัดทุกชนิด เพราะจะเป็นเหตุให้ธาตุทั้ง ๔ ที่กำลังเจริญเติบโตเสียสมดุล และถูกเหนี่ยวรั้ง รบกวน ด้วยรสอาหารที่เป็นเหตุให้ธาตุทั้ง ๔ อ่อนแอ 

แม้ที่สุดอายุตั้งแต่ ๔๐ ขึ้นไปก็ควรลดอาหารที่ทำลายธาตุทั้ง ๔ เช่นกัน เช่น อาหารที่มีรสจัด เครื่องดื่ม เครื่องเสพติดที่มึนเมาทั้งปวง สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ธาตุทั้ง ๔ พิการ 

 

๒. อิริยาบถที่สมดุล ควรอยู่ในอิริยาบถทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เหมาะแก่วัย พอควรแก่ร่างกาย บริหารการดำรงอยู่ในอิริยาบถให้เกิดสมดุล รวมทั้งการเคลื่อนไหวออกกำลังกายก็ต้องให้เหมาะสมแก่วัย ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งไม่ควรอยู่ในอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่งมากเกินไป จะเป็นเหตุให้ธาตุทั้ง ๔ พิการ 

 

๓. อุตุ คือ อากาศสมดุล ควรอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเหมาะสมแก่วัยและเป็นคุณแก่ร่างกาย 

๔. มีวินัยในการดำรงชีวิต เช่น ถึงเวลานอนก็ควรได้นอนหลับพักผ่อน ถึงเวลาตื่นก็ควรตื่นขึ้นมา ด้วยความสดชื่นเบิกบาน ถึงเวลากินก็ควรได้กินอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหรือจำเป็นต่อธาตุภายในร่างกาย ถึงเวลาขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ก็ควรต้องได้ถ่ายของเสียออกมา มิเช่นนั้น จักเป็นการทำร้ายธาตุภายในร่างกายให้พิการ 

 

๕. อย่าอดกลั้นการขับถ่ายจนร่างกายมีของเสียตกค้าง แล้วกลายเป็นพิษต่อธาตุทั้ง ๔ 

 

๖. บริหารจัดการร่างกายให้เหมาะสมแก่วัย อย่ามากไป อย่าน้อยไป ไม่เว้นแม้แต่การงานที่ทำอยู่ 

 

๗. บริหารจัดการอารมณ์ให้อยู่ในสมดุล รู้จักหยิบ แล้วรู้จักวาง วางแล้วให้รู้จักว่าง ดับ เย็น อยู่เนือง ๆ ต่อเนื่องทุก ๆ วัน 

๘. รักษาสมดุลของจิตไม่ให้กระเพื่อมตามที่ตาเห็น หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส 

ข้อควรปฏิบัติทั้ง ๘ ประการดังกล่าวมานี้เป็นการช่วยยืดอายุ ถนอมธาตุทั้ง ๔ ภายในกายนี้ให้อยู่ยาวนานได้ในระดับที่ไม่เกิดทุกข์ โทษ โรค ภัย มากนัก ได้ดีทีเดียวแหละ 

คราวหน้าหากมีเวลาจะพยายามนำเอากรรมฐานกองอื่น ๆ มาให้ผู้อ่านศึกษา เรียนรู้ แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติได้จริง มาเล่าสู่กันต่อไป 

เจริญธรรม 

พุทธะอิสระ 

 

แหล่งข้อมูล

มูลนิธิธรรมอิสระ.  (๒๕๖๗). บทสรุป หลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ

ใน ปราณโอสถ กายรวมใจ  กรรมฐานในวิถีมรรคาปฏิปทา, (น. ๓๕๒ - ๓๕๕).  นครปฐม: มูลนิธิ.

 หลวงปู่พุทธะอิสระ. (๒๕๖๖). บทสรุป หลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ, สืบค้นวันที่ ๑๘ 

พฤศจิกายน ๒๕๖๗ จาก https://www.youtube.com/watch?v=Ip79_Il1zok&list=PL6Ru9Ju-iZKqkvGgNYgy2GKPPyzzXBoGG&index=9

หลวงปู่พุทธะอิสระ. (๒๕๖๖). บทสรุป หลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ, สืบค้นวันที่ ๑๘

พฤศจิกายน ๒๕๖๗ จาก https://issaradhamchannel.com/article/30807

หลวงปู่พุทธะอิสระ. (๒๕๖๖). บทสรุป หลักการพิจารณาธาตุลมและธาตุไฟ, สืบค้นวันที่ ๑๘

พฤศจิกายน ๒๕๖๗ จาก https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0Bo7J9VrpBsxT7p2XHQE7FaF4VhiBQ9FL9KU4BczNnkTrMWuCtFsMtZPDyNJTYHsLl

86 | 18 พฤศจิกายน 2024, 18:39
บทความอื่นๆ