บทที่ ๑๒ ปฏิบัติธรรมวิธีการแปลงวิชาปราณโอสถมาเป็นการเจริญวิปัสสนา วิถีจิต
ปราณโอสถ กายรวมใจ รักษาใจไม่ให้กระเพื่อม
ปฏิบัติธรรมวิธีการแปลงวิชาปราณโอสถมาเป็นการเจริญวิปัสสนา วิถีจิต
แสดงธรรมวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
สาระสังเขป
สอนการแปลงวิชาปราณโอสถมาเป็นการเจริญวิปัสสนา เจริญกรรมฐานวิถีจิต เริ่มจากกายรวมใจ ขั้นที่ ๒ ผ่อนคลายกายและจิต แล้วพิจารณาจิตว่ามีอารมณ์ใดปรุงแต่งจิตหรือไม่ ทั้งอารมณ์กุศลและอกุศล จิตกระเพื่อมส่ายไปมาหรือสงบ จิตรู้อยู่ จิตมีอุปาทานอยู่หรือไม่ เมื่อจิตมีตัวรู้ชัดเจน สงบ เย็นแล้ว เดินประคองจิตไม่ให้กระเพื่อม เป็นการเจริญปัญญา เจริญวิปัสสนา เจริญสติ ขั้นที่ ๓ รู้ลมหายใจ เมื่อเห็นลมที่เข้าและออกชัดเจน ไม่สับส่าย ไม่ขาดเกิน ขยับขึ้นขั้นที่ ๔ ตามดูลม ว่าลมเข้าไปสุดตรงไหน ผ่านจุดใด กลับมาอยู่ขั้นที่ ๓ รู้ลมเฉยๆ แล้วทิ้งลมหายใจ ขยับมาอยู่ในขั้นที่ ๒ ผ่อนคลาย สรุปว่ากายรวมใจ เป็นพื้นฐานของการทำวิถีจิต ว่างอย่างอิสระ สงบ เย็น และสามารถพัฒนาไปสู่ความรู้ในวิชาปราณโอสถได้
คำสำคัญ
ปราณโอสถ, ปราณ, สติปัฏฐาน, กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน, วิปัสสนา. วิถีจิต, ปัญญา, จิต, จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน, เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
เนื้อหา
พื้นฐานวิชาปราณโอสถ ถ้าจะแปลงมาทำวิปัสสนา เจริญวิถีจิต ทำได้ง่ายมาก โดยเฉพาะขั้นตอนแรก กายรวมใจ
พอกายรวมใจ พอทิ้งกายได้ปุ๊บ ก็เข้ามาอยู่กับจิต ชำระจิต ดูแลจิต รักษาจิต สำรอกจิต ไม่ให้จิตกระเพื่อม ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ทำจิตให้ผ่องแผ้ว แจ่มใส
ง่ายจะตายไป
อยู่กับ "นครจิต"นั้น อยู่กับจิตอย่างนั้น อยู่ทั้งวันทั้งคืนได้ ฝนตก ฟ้าร้อง น้ำท่วม ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ไม่สะดุ้งผวาอยู่ได้ง่ายๆ
ถ้าทำปราณโอสถเป็นพื้นฐานได้จนช่ำชอง เชี่ยวชาญ ชำนาญ ก็ทำวิปัสสนา เจริญปัญญา ฝึกวิถีจิตได้ ยิ่งง่ายใหญ่ ไปต่อยอดได้เยอะแยะ
มากมาย พื้นฐานต้องทำปราณโอสถให้ลุล่วงสำเร็จ
........
ลองดูซิ กายรวมใจ สอนไปแล้วเมื่อกลางวัน วิธีรวม รวมอย่างไร ไล่ไปตามอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ฝึกจนชำนาญ จะได้รู้ว่าอะไรคือกาย อะไรคือใจ ตั้งแต่หัวจรดฝ่าเท้า ตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมายันหัว
๐ ขั้นที่ ๑ กายรวมใจ
- ไล่ตั้งแต่หัว กะโหลกศีรษะ คอ บ่า ไหปลาร้า ๒ ข้าง
- กระดูกท่อนแขนบนตั้งแต่หัวไหล่ลงไปจนถึงข้อศอก ๒ ข้าง
- ท่อนแขนล่าง ๒ ข้าง ข้อมือ ๒ ข้าง ฝ่ามือ ๒ข้าง นิ้วมือทั้ง ๑๐
- ละจากนิ้วมือ ขึ้นมาที่ฝ่ามือ ๒ ข้าง
- ละจากฝ่ามือ มาถึงข้อมือ ๒ ข้าง
- ละจากข้อมือ มาถึงท่อนแขนล่าง ๒ ข้าง
- ละจากท่อนแขนล่าง มาที่ข้อศอก ๒ ข้าง
- ละจากข้อศอก มาถึงท่อนแขนบน ๒ ข้าง
- ท่อนแขนบน ละมาถึงบ่า ๒ ข้าง
- ละจากบ่า มาที่สะบัก ๒ ข้าง กล้ามเนื้อสะบัก กระดูกสะบักที่ติดอยู่กับหัวไหล่ด้านหลัง
- มาอยู่ที่โครงกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อสันหลัง แผ่นหลัง
- จากแผ่นหลังด้านบนลงไปถึงก้นกบ
- จากหลังเท้า มาที่ข้อเท้า ๒ ข้าง
จิตตามดูไป
- จากข้อเท้า มาที่หน้าแข้ง ๒ ข้าง
- จากหน้าแข้ง มาที่ห้วเข่า ๒ ข้าง
- จากหัวเข่า มาที่หน้าขา ๒ ข้าง
- จากหน้าขา มาที่ต้นขา ๒ ข้าง
- จากต้นขา มาที่ช่องท้องน้อยใต้สะดือ ช่องท้องเหนือสะดือ ซี่โครงอ่อนติดกับช่องท้อง มาที่ลิ้นปี่ ขยับมาที่ทรวงอก
- จากทรวงอก มาที่ไหปลาร้า
- จากไหปลาร้า มาที่ลำคอ
- จากลำคอ มาที่กรามซ้าย-ขวา
- จากกรามซ้าย-ขวา มาที่คาง
- จากคาง มาที่ริมฝีปากล่าง
- จากริมฝีปากล่าง ขึ้นมาที่ริมฝีปากบน
- จากริมฝีปากบน มาที่ใต้จมูก ขยับขึ้นมาที่สันจมูก
- เคลื่อนจากสันจมูก มาที่โหนกแก้ม ซ้าย-ขวา
- จากโหนกแก้ม มาที่กระบอกตา
- จากกระบอกตา มาที่โหนกคิ้ว ๒ ข้าง
- จากโหนกคิ้ว มาที่หน้าผาก
- จากหน้าผาก ไปที่กลางกระหม่อม
- ถึงกลางกระหม่อม สำรวจดูให้ชัด แล้วผ่อนคลาย
๐ ขยับขึ้นขั้นที่ ๒ ผ่อนคลาย
- ไม่ใช่ให้ขยับตัว แต่ผ่อนคลายจิต ผ่อนคลายระบบประสาท
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายอารมณ์
- พอถึงขั้นผ่อนคลาย ทีนี้ชำแรกไปที่จิต
๐ วิธีจะเข้าสู่วิปัสสนา มีหลักอยู่ว่า วาง ว่าง ดับ เย็น
ดูว่า :
- จิต มีกุศลหรืออกุศล
- จิต มีบุญหรือมีบาป
- จิต มีราคะหรือไม่มีราคะ
- จิต มีโทสะหรือไม่มีโทสะ
- จิตนี้ มีความโลภอยู่หรือไม่มีอยู่
- จิต ยึดถืออยู่หรือผ่อนคลาย ปล่อยวาง
- จิตนี้ กระเพื่อมอยู่หรือสงบนิ่งอยู่
- จิตนี้ สับส่ายอยู่หรือเยือกเย็นอยู่
- จิตนี้ มีตัวรู้ชัดหรือหลงๆ ลืมๆ
- จิตนี้ มีอุปาทานหรือไม่มีอุปาทานอยู่.. อุปาทาน คือ ความยึดถือ
- จิตนี้ มีสับส่าย ทุรนทุราย ว้าวุ่น ฟุ้งซ่านอยู่ หรือสงบอยู่
ตั้งคำถามค้นหา ถ้าจิตนี้รู้ชัด สงบ เย็น อยู่ พา"กาย" ออกเดิน
๐ เดินประคองจิตไม่ให้กระเพื่อม
- ยืนก็ไม่กระเพื่อม เดินก็ไม่กระเพื่อม
- รู้ชัดอยู่ สงบเย็นอยู่
- ไม่สัดส่าย ไม่ทุรนทุรายอยู่
เมื่อใดจิตนี้กระเพื่อม ว้าวุ่น ทุรนทุราย สับส่าย ไม่สงบ.. ต้องหยุดเดิน
สงบ ต้องไม่คิด ถ้าคิด ไม่สงบ
สงบ ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ไม่สงบ
- รู้อยู่ว่า จิตนี้สงบแล้ว
- รู้อยู่ว่า จิตนี้ไม่กระเพื่อมแล้ว
- รู้อยู่ว่า จิตนี้เย็น วาง ว่าง
ขั้นตอนนี้ เรียกว่าเป็นการเจริญปัญญา เจริญวิปัสสนา เจริญสติ
- รักษาความสงบจิตที่ไม่กระเพื่อม เคลื่อนไหวกายอย่างอิสระ ไม่ถูกอารมณ์ใดๆ ครอบงำได้
- ยืนก็เป็นอิสระ นั่งก็เป็นอิสระ นอนก็เป็นอิสระ เดินก็เป็นอิสระ
- "ความเป็นอิสระ" อยู่กับเราได้นานเท่าไหร่ มากเท่าไหร่ ให้ตั้งมั่นเพียงใด เมื่อนั้นมัจจุราชจะมองไม่เห็นเรา โรคาพยาธาตุ ทุกขโทมมัสจะไม่กล้ำกรายบีฑาเรา
สงบกับความผ่อนคลาย ให้สังเกตดูว่า ใกล้เคียงกันมาก
อยู่กับความสงบ และความผ่อนคลาย ไม่ต้องใส่ใจเรื่องอื่น จิตสะอาด
รักษาความสงบ ผ่อนคลายไว้ได้นานเท่าไหร่ จิตเราก็สะอาดได้นานเท่านั้น
อธิจิตเต จะ อาโยโค ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง
เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว แจ่มใส และขาวรอบ
เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสอน
........
๐ พาความสงบ อิสระ เข้ามายืน
- ยืนอยู่ด้วยความสงบ
- สงบกาย สงบใจ สงบวาจา
"สงบ"อย่างเป็นผู้ตื่นรู้ ไม่ใช่สงบแล้วไม่รู้
......
๐ ขยับขึ้นสู่ขั้นที่ ๓
รู้ลมหายใจ
ดูที่ลม
- ลมเข้าอยู่.. รู้
- ลมออกอยู่.. รู้
- เข้ายาว.. รู้
- ออกสั้น.. รู้
- เข้าสั้น.. รู้
- ออกยาว.. รู้
- รู้อยู่แค่ปลายจมูกกับกองลมที่เข้าและออก
- ยังไม่ถึงขั้นที่ ๔ ที่จะตามดูลม รู้แค่ลมเข้าและออกเฉยๆ
เมื่อเห็นลมที่เข้าและออกชัดเจน ไม่สับส่าย ไม่ขาดเกิน ขยับขึ้นขั้นที่ ๔
๐ ขั้นที่ ๔ ตามดูลม
"ลมเข้า"ไปสุดตรงไหน ผ่านจุดใด
- ลมเข้าจมูก ขึ้นหน้าผาก ผ่านกลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลัง ลงไปที่กระดูกสันหลังถึงก้นกบ ทะลุมาที่ช่องท้อง
- เริ่มผ่อนลมออกเบาๆ จากลมช่องท้อง ขยับขึ้นมาใต้สะดือ เหนือสะดือ จุดต่างๆที่เราเคยคุ้นเคยกับกายรวมใจนั่นแหละเอามาใช้เดินลม เป็นท่อลม
- มาที่ช่องท้อง ลิ้นปี่ ทรวงอก ลำคอ ออกปาก
ทำต่อได้เลย
๐ ขยับกลับมาอยู่ขั้นที่ ๓ รู้ลมเฉยๆ
ลมเข้าอยู่.. รู้
ลมออกอยู่.. รู้
แล้วภาวนา
- ลมเข้า.. สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข
- ลมออก.. สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
๐ ทิ้งลมหายใจ ขยับมาอยู่ในขั้นที่ ๒ ผ่อนคลาย
สมองผ่อนคลาย กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระบบประสาทผ่อนคลาย
- "รู้" ว่าร่างกายผ่อนคลายอยู่
- อวัยวะทุกส่วนในร่างกายผ่อนคลาย
- เมื่อเห็นว่าทุกอย่างผ่อนคลายแล้ว ยกมือไหว้พระกรรมฐาน
นั่งลง
กายรวมใจ เป็นพื้นฐานของการทำวิถีจิต ว่างอย่างอิสระ สงบ เย็น
และสามารถพัฒนาไปสู่ความรู้ในวิชาปราณโอสถ
พอ กราบพระ
อะระหัง สัมมา
---------------
แหล่งข้อมูล
มูลนิธิธรรมอิสระ. (๒๕๖๖). ปฏิบัติธรรมวิธีการแปลงวิชาปราณโอสถมาเป็นการเจริญวิปัสสนา วิถีจิต ใน ปราณโอสถ: กายรวมใจ รักษาใจไม่ให้กระเพื่อม, (น. ๒๒๙ - ๒๓๖).
นครปฐม: มูลนิธิ.
หลวงปู่พุทธะอิสระ เจริญพุทธมนต์ และปฏิบัติธรรม ช่วงเย็น วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕, สืบค้น เมษายน ๒๕๖๗ จาก
https://www.facebook.com/issaradham/videos/1547664292413949