22 พ ค 2554  13.20 น.  ธรรมะอาทิตย์ที่ 4  โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ


เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน
มึงหายเหนื่อยหรือยังวะ  กูก็ยัง
หายใจพักนี้ ไม่ค่อยเต็ม
ใครไปเปิดน้ำ หรือ ท่อมันตัน
อย่างกับอยู่กับเตาอบ
ใต้ต้นไม้น่าจะดี อยู่ที่นี่ไม่มีที่กรอง มีแต่ที่บัง อยู่ใกล้ธรรมชาติดีที่สุด
เค้าเอารถมาแล้ว ที่จริงว่าจะทำกับข้าวตั้งแต่วันนี้ มันไม่ไหว เอาไว้สิ้นเดือน
จะไปไหนก่อนดีหว่า สีลมไม๊
ไปคลองเตย สลัมคลองเตย ตาม แฟลตดินแดง ไปที่มันยากจนๆ ไปสีลม ไปหาที่ยากจนๆ
ดูบ้างหรือยังว่า ไปลงที่ไหน
ไปขายกันเองนะโว้ย ใส่กล่องแล้วกัน อย่าไปใส่จาน เสียเวลาล้าง
อ้ายคนเขียน(ป้ายข้างรถ) หันมาถาม พี่ อยู่ได้เหรอ นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ
ฆ่าตัวตายตรงไหนว่ะ ข้าวก็ไม่ใช่ของกู หมูในวัดมีเยอะ อย่าตายก็แล้วกัน ตาย กูกิน
พระสั่งให้ดูดน้ำจากบ่อ จะทำกุฏิอีก 10 หลัง
จะทำ ก็อย่าให้เดือดร้อน เอาน้ำเข้าเดี๋ยวนี้เลย อยู่หน้าวัด ได้ยินเสียงปลาร้อง ต้องนั่งรถเข้า

ไปดู
ไม่ได้ พวกนี้ ต้องคอยกำกับ
เมื่อกี้เข้ามา ก็พวกรายงานว่า ตังค์หายอีกแล้ว
ตอนจัดรายการวิทยุ ก็ว่า กระเป๋าตังค์หาย หายเพราะลืมวางไว้ เอาตังค์ไป แล้วเอากระเป๋า

มาคืน
นึกว่าจบไปแล้ว ไปออกวิทยุอีก กูจะเอาไว้เหรอะ
แสดงว่าคนนี้ไม่มีสติ ไม่ใช่ศิษย์กู
ของหาย มึงนอนตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อคืน
ประกาศ พระสงฆ์ทั้งหมดในอาวาส ไปประชุมเดี๋ยวนี้เลย หาตัวอ้ายคนขี้ขโมย ก่อนเลิก

ต้องได้ข้อสรุป
เดี๋ยวกูตายแล้ว จะได้สบาย  อะไรๆ ก็มายัดใส่หัวกู
พระเงินหาย สมควรหาย เพราะมันมีเงิน ก็ไม่ถูกต้องแล้ว
เมื่อวานนี้คนมาถวาย กูได้มา ยกให้วัด กูก็เลยไม่หาย
มันเก็บเอาไว้ มันหาย สมควรแล้ว มีสมบัติก็หาย
มันน่าจะขโมยให้หมด
ขโมยที่รัก ไปดูตามกุฏิ
เอ้ย อย่างนั้นไม่ต้องประชุม เงินพระหาย ยกเลิกการประชุม นึกว่าเงินชาวบ้านหาย
วัดนี้ หลวงปู่สอนว่าไง
มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก
มีสติในวาจา วาจานี้ไม่ลำบาก
มีสติในใจ ใจนี้ไม่ลำบาก
ได้ยินเค้าประกาศ ลืมของ ของหาย เราก็นึกในใจ มันฝึกสติท่าไหนว่ะ
ลืมไป มันว่างไปหมด วางแล้วว่าง 
ทำไมมันไม่เดินแก้ผ้า
มึงรู้สึกไม๊ ยิ่งฝึก ยิ่งว่าง
ปกติคนงานเถียงกัน กูยอมไม่ได้ 
ทีนี้กูได้ยินมึงทะเลาะกันอีก กูจะหักมึงคนละ 100
อะไรก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าหักเงิน
ปกติ หลวงปู่จะไม่ชอบ จะโวยวาย ทีนี้หลวงปู่ยืนฟังมัน ตัดต้นไม้
มึงอย่าเริ่มนะ
ไม่รู้อะไร มนุษย์ขี้เหม็น  วันๆ เจอแต่เรื่องแบบนี้
ถ้าเป็นครู ปล่อยไม่ได้  เค้าก็จะผิดไม่เลิก
ครูนี่จะนิ่งไม่ได้ บางทีกูก็อยากนิ่งนะ แสดงว่า ครูหลับ
แต่ถ้าตื่น นิดเดียวก็ไม่ได้
ต้องบอกให้เค้ารู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด
พระพุทธเจ้าก็สอนอย่างนี้
ถ้าพระองค์ไม่จ้ำจี้จ้ำไช ไม่มีสิทธิ์สอนได้เยอะอย่างนี้
สภาพจิต อาการจิต วิถีจิต
จิต 180 ดวง แสดงว่า คนสมัยนั้นต้องมีผิดมีพลาด ไม่ง่าย
มันเป็นความไม่ง่าย ที่ต้องหากรรมวิธี ต้องมีความเพียร
เหนื่อย ไม่ใช่ไม่เหนื่อย
แต่ด้วยอุดมการณ์ในโพธิศรัทธา โพธิจิต โพธิญาณ ทำให้ไม่ทนทำ แต่ทำด้วยหัวใจ
แต่ก็มีหลายเรื่องว่า ไม่น่า แต่ก็คิดว่า เป็นกรรมของสัตว์
ยิ่งกว่ามหาวิทยาลัย บทเรียนในโลก
คนงานยิ่งมาก สภาวะธรรมยิ่งปรากฏ
คนงานจีน ขอขึ้นเงินเดือน จากวันละ 2,000
อ้างค่าเงินหยวน ของที่นี่แพงขึ้น
ต้องทั้งแกะและเก็บได้  กูซื้อฝีมือ ไม่ใช่ซื้อคน ถ้าคนทำไม่มีฝีมือ แล้วเงินจะขึ้นได้ยังไง
พวกจะขึ้น 2,500 , 2,700 พวกแกะได้ แต่ เก็บไม่ได้ ก็ต้องว่ากันตามฝีมือ

อย่ามาเหมา
พวกนี้ หัวนายแพทย์
คนงานจีน เป็นงูสวัด มาขอลาจะไปหาหมอ หลวงปู่รักษา 3 วันหาย
ทีค่าแกะ ยังเอาตังค์กู  ค่ารักษา กูไม่เอาตังค์มันได้ไง
ปุจฉา   ปราณโอสถ วันหนึ่ง ฝึก 10 ขั้น หรือ ควรฝึกทีละขั้น
วิสัชนา  ว่าจริงๆ แล้ว ถ้าทำ 10 ขั้นตอน ตั้งแต่ 1-10 มีสติไม๊ สัมผัสชีพจรได้ไม๊ ที่

จริง ถ้าทำครบ 10 ขั้น ทุกครั้ง โอ้โฮ้ มึงเป็นผู้วิเศษล่ะ ถ้าทำได้วันละ 2 ชั่วโมง
เมื่อวานบอกพระ ช่วงเข้าพรรษาจะสอนสุญญตสมาธิ ควรจะเรียนบ้าง พระไม่ค่อยได้เรียน

มัวแต่ส่องพระ มัวแต่เรื่องไร้สาระ คือ มันสวนกับชาวบ้าน ชาวบ้านเอาจิต เอาอาการ  นี่

เอาหยาบๆ
กูไม่รู้สึกเสียดาย อยากให้มันไปขโมยหมดทุกองค์ กูก็มีสมบัติ ถึงเวลากูก็ขุดเอามาขาย
อยู่กับมัน มีมัน ก็รักษามัน
คนฉลาดใช้กิเลส คนโง่โดนกิเลสใช้
ชั่วขีวิตหลวงปู่มีความสุขที่สุด คือ ได้ให้ คนอื่นได้รับประโยชน์
แต่ก็ไม่ใช่ปฏิเสธอะไรทุกเรื่อง
ความร่ำรวย เริ่มจากปัญญา
ถ้าจนปัญญา ให้มึงมีทองก็เป็นกองขี้
ที่นี่ สอนให้ร่ำรวยปัญญา รุ่งเรืองปัญญา
อะไรที่อยู่ใกล้ อยู่ไกล ก็บริหารให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ปุจฉา   เดินปราณโอสถ แล้วเจ็บเอว
วิสัชนา   ไม่ใช่ไม่ถูกต้อง
1 อาจจะเกิดการอุดตันของท่อ ต่อมหมวกไต ต้องหาวิธีทะลุทะลวง ขณะปราณทะลุทะลวง

จะรู้สึกเจ็บ
2 คนเราชอบสบาย  เจ็บไม่เอา  วันนี้ อ้ายจิโรจน์มา หลวงปู่ต้องบังคับให้กินยามะเร็งสูตร

2  กินแล้วเจ็บ แสดงว่า มันเกิดอาการต้านทาน ต้องยอมที่จะกิน แม้เจ็บ
ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งกรามช้าง กินต่อเนื่อง จะชนะมัน
ยามะเร็งมันไม่จบสิ้น เพราะว่า เชื้อมะเร็งในตัวคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องเปลี่ยนให้

ทันต่อโรค
ยาอัมพฤก อัมพาต หลวงปู่ให้กินแล้ว เค้ารู้สึกคัน ก่อนหน้านั้นเอาเข็มทิ่มไม่รู้สึก คันมัน

เป็นเรื่องดี เพราะว่า เกิดปฏิกิริยา เลือดลมไปเลี้ยง เกิดการฟื้นฟู ผิวหนังเกิดอาการปริ มัน

กลับเป็นเรื่องดี
วิชาปราณโอสถ เคยสอนแล้ว ให้ลมผ่านจุดต่างๆ
ที่ถูกแล้วที่สอนไป เอามาใช้ จนเป็นนิสัย เป็นความคุ้นเคย เป็นความเคยชิน แล้วมันจะหาย

เอง
ปุจฉา 
วิสัชนา  มันต้องไม่เห็น ถ้าเห็น แสดงว่า ยังไม่ว่าง
ปุจฉา  ทำอย่างไรให้พี่สาวอนุโมทนา เวลาเราทำบุญมาก พี่สาวจะอนุโมทนาเวลาเราทำ

บุญน้อยเท่านั้น
วิสัชนา   แสดงว่าเป็นคนตระหนี่ ไม่ควรให้รู้
คิดว่าไม่ใช่ของเรา เราก็ให้ได้ทุกเรื่อง ถ้าคิดว่าเป็นของเรา ก็ให้ไม่ได้
สุญญตสมาธิ เกิดได้จาก 2 อย่าง
1 ความเพียร ใช้อานุภาพแห่งจิต สลัดออกขณะหนึ่งๆ ความว่างเป็นอารมณ์
2 เกิดจากปัญญา จะวาง แล้ว ว่าง
จิตสุดท้ายก่อนตาย สำคัญ
จิตหลังความตาย ไปตามกรรม
จิตหลังความตาย กับจิตก่อนตาย ไม่สำคัญเท่าจิตขณะที่ตาย
กูฝึกบ้าๆ แต่มึงจะบ้ากว่ากู ถ้าจิตสุดท้ายมึงสะดุ้ง
สอนให้มีสติทุกขณะๆ และการทดสอบ ทดลองอยู่ตลอด กูกลัวพวกมึงจะตกนรก
ไม่ต้องพูดถึงฟ้าผ่า เสียงปืน ระเบิด ไม่ต้องครึกโครม แค่เวทนา เจ็บปวด ก็ไปทุกขคติ
การตายเป็นสาธารณะ แต่อาการตายไม่สาธารณะ
จะส่งผลให้มีอาการตายแตกต่างกัน
สงบตาย ก็ต้องฝึก
ถ้าหัวมงกุฏ ท้ายมังกร ก็ต้องเสี่ยงทาย  เสี่ยงดวงกันล่ะ
ต้องอาศัยญาติมากรอกหู
กรรมนี่ พาไปได้สารพัดอย่าง
คนตายไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ถนนตาย  ตายได้ทุกที่ ทุกลักษณะ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของแต่ละ

คน
รู้ได้ ถ้ามีญาณ 4 อย่าง ซึ่งก็มีแต่ พระพุทธเจ้า กับพระอรหันต์เท่านั้นที่รู้ได้
(อรหันต์) พวกนี้จะรู้จริงหรือเปล่า ส่วนใหญ่ จะเจอ หย่อนยาน
สุดท้าย จะเป็นผู้ไม่เหลืออะไร เพราะไม่มีอะไรให้เหลือ
16.30 น. หลังปฏิบัติ  อาทิตย์ต้นเดือน เอาผู้เฒ่ามาฝึกมือ เพื่อไม่ให้สมองฝ่อ ต้อง

มีการเคลื่นไหวทางกาย คนที่มาเรียนหลวงปู่ กลัวพระเข้าใจผิดว่า ตัวเองเป็นคนเอาเงินพระไป หลวงปู่บอกว่า ไม่สมควรมาบอกดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ  เลวระยำ อยู่ที่ทำตัว

22 พ ค 2554  14.30 น. ถอดเทป ระหว่างปฏิบัติธรรม ( ฝึกปราณโอสถตั้งแต่ 1 – 6 , 9 )


ธรรมะอาทิตย์ที่ 4  (114 นาที) โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
• สุญญตสมาธิ สอนในกรณีพิเศษๆ  สอนไม่ต้องบ่อย
• แค่ครั้ง สองครั้ง ก็น่าจะรู้ความหมาย แล้วเอาไปใช้ได้แล้ว
• แต่ปราณโอสถป็นเรื่องที่ต้องฝึกบ่อยๆ
• สุญญตสมาธิ เป็นเรื่องที่อยู่ที่ไหน ก็ทำได้
• ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ  เลวระยำอยู่ที่ทำตัว
เคลียร์พื้นที่
ใครไม่เคยทำมาเลย ยังไม่เคยฝึกมา วิชาปราณโอสถน่ะ ลูก
ยกมือซิ
เออ รุ่นพี่เข้าไปแนะนำหน่อย ลูก
สอนให้ทำ สอนให้ฝึก
เมื่อกลางวันที่โวยวาย ตำหนิอ้ายคนที่มาบอกเรื่อง พระเงินหาย
ของหายเนี่ย แล้วจะให้หลวงปู่ไปรับรองพฤติกรรมเนี่ย
อยากจะบอกว่า เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจมาก
ถามว่า น่ารังเกียจตรงไหน ก็
ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ
เลวระยำ อยู่ที่ทำตัว
เพราะฉะนั้น ใครก็มารับรองตัวเราไม่ได้
เราดี ใครจะมาว่าเราอัปรีย์ มันก็ไม่อัปรีย์ตามชาวบ้านว่า
เราอัปรีย์ ใครมาชมเราว่า เราดี ยังไงมันก็ไม่ดีตามปากชาวบ้าน
แล้วก็สอนเรื่องนี้มาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว
เขียนโศลกมาก็เยอะแล้ว
ชั่วชีวิตหลวงปู่เนี่ย ทำงานมาเยอะแล้ว
ไม่เห็นมีคนมาชมว่า ดีเลย โดยเฉพาะนักบวชด้วยกัน
หลวงปู่น่ะ ถ้าไปสนใจปากชาวบ้าน ป่านนี้กูไม่ต้องหายใจแล้ว
ทำไมต้องมีชีวิตอยู่บนฟองน้ำลายที่กระดกบนปลายลิ้นชาวบ้าน
ต้องให้ใครเค้ามารับรองดีเรา
เราไม่มีโอกาสจะรับรองตัวเองหรือไง
เพราะงั้น อย่าทำตัวเป็นคนอ่อนแอ เลอะเทอะ
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
เลวระยำอยู่ที่ทำตัว
จำเอาไว้บ้าง
พร้อม
ไม่ต้องใช้กระดาษดินสอ
เอาเก็บ
ฝึกปราณโอสถต่อ ไม่ต้องฝึกสุญญตสมาธิ
สุญญตสมาธิ สอนในกรณีพิเศษๆ  สอนไม่ต้องบ่อย
แค่ครั้งสองครั้ง ก็น่าจะรู้ความหมาย แล้วเอาไปใช้ได้แล้ว
แต่ปราณโอสถป็นเรื่องที่ต้องฝึกบ่อยๆ
สุญญตสมาธิ เป็นเรื่องที่อยู่ที่ไหนก็ทำได้ ลูก
เตรียม
เริ่มขั้นที่ 1
พวกใหม่ๆ ก็ หูฟังเสียง ใจรับรู้ เท้าก้าวเดิน
รู้อยู่ที่กลางกระหม่อม
รู้สึกอยู่ที่กลางกระหม่อม
จิตตั้งอยู่ที่กลางกระหม่อม
สัมผัสได้ที่กลางกระหม่อม
ทุกย่างก้าว อย่าให้เคลื่อนจากกลางกระหม่อม
วันนี้จะให้ลองดูว่า ทำตั้งแต่ 1 – 10 จิตจะปราณีตละเอียดได้แค่ไหน
เคลื่อนจิตมาตั้งไว้ที่ต้นคอ
จากกลางกระหม่อม มาที่ต้นคอด้านหลัง
เคลื่อนจิตมาอยู่ที่บ่า 2 ข้าง
รู้สึกอยู่ที่บ่า 2 ข้าง
รับรู้อยู่ที่บ่า 2 ข้าง
รู้สึกที่บ่า 2 ข้าง
จิตตั้งอยู่ที่บ่า 2 ข้าง
เคลื่อนจิตมาอยู่ที่กระดูกสันหลังข้อแรก
ข้อต่อระหว่างหูช้างกับกระดูกสันหลังตรงบั้นเอว
เหนือสะโพกขึ้นไป แต่ตรงข้อกระดูกสันหลังข้อแรก
จะทำได้ดี ก็ต่อเมื่อต้องใช้จินตนาการ
ระลึกถึงข้อกระดูกระหว่างก้นกบขึ้นมาถึงตะโพก
และข้อต่อจากกระดูกตะโพกถึงกระดูกสันหลัง
ต้องมีจินตนาการ
แล้วจิตตั้งอยู่ระหว่างกระดูกข้อต่อสันหลังกับก้นกบ
คือ จากกระดูกสะโพกขึ้นมา ข้อแรก
แล้วจิตตั้งอยู่ที่นั่น
จะรู้สึกไอร้อนไปทั่ว
ย้ายจิตมาอยู่ที่หน้าท้อง
จิตตั้งอยู่ที่ช่องท้อง
รู้อยู่ที่ช่องท้อง
สัมผัสที่ช่องท้อง
รู้สึกที่ช่องท้อง
ให้จิตอยู่ที่ช่องท้อง
ไม่ใช่ไปอยู่ที่อื่น อย่าลอกแลก
อยู่จนกระทั่งเกิดไอร้อนปรากฏขึ้น
เหงื่อซึมออกมาจากช่องท้องเลย
จึงเรียกว่า ใช้ได้
อยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง ไม่ได้ผล
ต้องให้จับจ้อง จดจ่อ จริงจัง ตั้งใจ
ทำอย่างนี้มันจะสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการย่อยอาหาร
ไม่ให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ทำให้ระบบขับถ่ายแข็งแรง
แล้วก็เผาผลาญพลังงานที่ตกค้าง
ไขมันหน้าท้องก็จะลดลงด้วย
ขมวดลงไปหยุดอยู่ที่สะดือ
จากช่องท้องลงไปอยู่ที่สะดือ
ให้เล็กลงไปอีก แหลมคมกว่านั้นอีก
กระชับ อย่าให้กว้าง
ให้แคบลง แต่รุนแรง
จับให้อยู่
สัมผัสให้ได้
เคลื่อนไปอยู่ที่กลางฝ่ามือ
ขาข้างขวาก้าวไปข้างหน้า ก็อยู่กลางฝ่ามือขวา
ข้างซ้ายก้าวไปข้างหน้า ก็อยู่กลางฝ่ามือซ้าย
เคลื่อนไปอยู่ปลายนิ้วกลาง 2 ข้างพร้อมกัน
อย่าสนใจให้ความสำคัญกับไอร้อนที่พุ่งมาจากข้างนิ้วกลาง
ให้ตรงกับปลายนิ้วจริงๆ
พุ่งออกจากข้างนิ้ว เป็นความสูญเสีย
ถ้าตรงจากปลายนิ้ว เป็นเป้าประสงค์
เป็นประโยชน์ เหมือนกับน้ำที่รั่วไหลออกจากทางอื่นๆ ไม่ถึงปลายทาง
เวลาเรานำมาใช้ ก็จะอ่อนแอ
ต้องบังคับให้ออกจากปลายนิ้วตรงๆ
ไม่ใช่ข้างนิ้ว
เคลื่อนไปอยู่นิ้วชี้
แล้วลองสังเกตุดูซิว่า ปราณที่พุ่งออกจากปลายนิ้วใดนิ้วหนึ่งที่เรากำหนดเนี่ย
นิ้วนั้นจะไม่รู้สึกบวมเป่ง
ความรู้สึก  อย่าไปดู
จากนิ้วกลางมาสู่ปลายนิ้วชี้
ให้ออกจากปลายนิ้ว ไม่ใช่ข้างนิ้ว
แล้วดูซิว่า ปลายนิ้วชี้ หลังจากเลิกแล้ว จะบวมเป่งไม๊
ถ้ายังบวมอยู่ ยังใช้ไม่ได้
แสดงว่า ปราณออกไม่หมด
เคลื่อนไปที่นิ้วก้อย
ส่งจิตไปทั่วสรรพภางค์กาย และปรับสมดุลในขณะที่เดินซิ
แล้วถ่ายปราณไปให้ทั่วร่างกาย
ตรงไหนขมึงทึง ตึงเครียด แก้ไข
ขยับขึ้นขั้นที่ 2 ผ่อนคลาย
ขั้นที่ 2 ภาคที่ 2
จิตตั้งอยู่ในขาข้างหน้า ฝ่าเท้าหน้า
ทุกครั้งที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า จิตตั้งอยู่ข้างนั้น
ให้รู้สึกอยู่ที่เท้าหน้า ทุกครั้งที่ก้าวไป
ขึ้นขั้นที่ 3 ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
ขยับขึ้นขั้นที่ 4  ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
อย่าลืมลมหายใจ ทุกครั้งที่ก้าว
ขยับขึ้นขั้นที่ 5 ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
อย่าลืมลมหายใจ
หายใจให้ทันขณะก้าว
ขยับขึ้นขั้นที่ 6 ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
อย่าสักแต่ว่า ก้าวเฉยๆ ส่งจิตเข้าไปภายใน
แล้วถ่ายเทน้ำหนัก
เท้าที่ก้าวไปข้างหน้า ต้องเบา
มีเวลาตามดู ถ่ายน้ำหนักตั้ง 2 จังหวะ
อ้อยอิ่ง ก็จะไม่ทันจังหวะ
ไวไป ก็ถ่ายน้ำหนักไม่หมด
งั้น ต้องปรับ
ขั้นนี้ ต้องใช้สัมปชัญญะมากๆ
คือใช้ปัญญามากๆ
ขยับขึ้นขั้นที่ 9 ใครไม่เคย ยกมือขึ้น
รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
ขั้นนี้ ถ้าคนมีสติสัมปชัญญะไม่กล้าแข็ง ทำได้ยากมาก
ยิ่งคนใหม่ๆ ไม่เคย ยิ่งพะว้าพะวง
ไหนจะก้าวให้ถูกจังหวะ
ไหนจะถ่ายน้ำหนัก
ไหนจะหายใจให้ตรง ให้พอดีกับจังหวะที่ก้าว
ลมหายใจกับการก้าวต้องประสานกัน
ลมหายใจ ถ่ายน้ำหนัก และการก้าว
ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ยิ่งพวกสติเลื่อนลอย
กำหนดลมหายใจไม่สอดคล้องกับการก้าว
การก้าวคร่อมจังหวะ ไม่ถูกต้อง
ยิ่งลำบาก
เพราะงั้น ต้องใช้ความเพียร
ต้องตั้งใจ
ถ่ายน้ำหนักไปพร้อมกับการก้าว
พร้อมกับลมหายใจ
ทุกอย่างต่อเนื่องเป็นสายเดียวกัน
สามรวมเป็นหนึ่ง
คนที่ทำได้ จะรู้ว่า มันจะสติตื่นตัวอยู่
ปัญญารุ่งเรือง แสงสว่างปรากฏชัด
สมองโล่ง ร่างกายเบาสบาย
ทุกขั้นตอนต้องหมดจด
อย่าคั่งค้าง อย่าคาราคาซัง
ก้าว ถ่ายน้ำหนัก ลมหายใจ ต้องหมดจด
เดินๆ ไป ตัวจะเบา
แต่รู้สึกว่า หน้าอกจะร้อนขึ้น
ลำคอจะร้อนขึ้น
ปราณจะก่อตัวขึ้นที่กึ่งกลางกาย
ลดลงไปอยู่ในขั้นที่ 2 ผ่อนคลาย
หยุดอยู่กับที่
หลับตา
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
หายใจออก เบา ยาว หมด
ทำซัก 3 ครั้ง
หายใจเข้า ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข
หายใจออก ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
หายใจออก เบา ยาว หมด
อีกที
ยกมือไหว้พระกรรมฐาน ลืมตา แล้วเข้าที่