8 พ ค  2554 14.00 น. ธรรมะอาทิตย์ที่ 2 โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
• วิชาปราณโอสถ คือ คุณของพระรัตนตรัย เปรียบดังโอสถ ธรรมะของ

พระพุทธเจ้า เป็นอะไรก็ได้ ที่อยากให้เป็น
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความขอบใจที่ท่านเสียสละเวลาอันมีค่ามาแสดงความคิดเห็น..
แก่ชุมชนคนวัดอ้อน้อย พระสงฆ์ที่อยู่ในวัดนี้ถือว่าเป็น ชุมชนคนวัดอ้อนน้อย
เป็นธรรมชาติ ธรรมดา ที่มีการแสดง
ขอบคุณที่พวกเรามีส่วนร่วมในความคิด
หลวงปู่อยากทำ
อยากให้วัดนี้เป็นมหาชน โอกาสหน้าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ให้ประธานมูลนิธิฯ ขายหุ้นใน

ตลาดหลักทรัพย์
จริงๆ แล้วทุกคนควรมีส่วนร่วม หลวงปู่ถือว่า ทุกท่านที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ได้ทำ

หน้าที่ของศิษย์ แบ่งเบาภาระกรรมของครูบาอาจารย์ แม้บางทีบางเรื่อง จะดูหรู
ไม่รู้ว่า กูตายแล้ว เกิดอีกกี่สิบชาติ จะได้สมภารใหม่อย่าง...
ไม่ใช่เจ้าอาวาส
สมภาร คือผู้รับสัมภาระ พูดง่ายๆ ขี้ข้า พระสงฆ์
ไม่มีแล้ว พูดทำไม (หลวงปู่ถามคุณเชาวลิต)
อย่างนั้นมึงก็บวชมาเป็นสมภาร บ้านมึง เมียมึงก็หาผัวใหม่
ไม่ได้ตำหนิ ลูก แต่นี่คือ มุมมองของพระในมุมมองของชาวบ้าน
ลืมไปว่า คนที่เข้ามาที่เราเรียกว่า พระ คือ ลูกชาวบ้านที่เข้ามาบวช บวชเปลี่ยนเครื่องทรง

แต่ไม่แน่ใจเปลี่ยนนิสัยหรือเปล่า
สูงมาก ทำไม่ได้ ก็ล้มละลายในอารมณ์
อย่างที่เคยสอนบ่อยๆ ว่า ผู้บวชเข้ามาไม่ใช่พระ แต่เป็นภิกษุ ผู้เห็นภัยในวัฏฏะ
จากภิกษุ พัฒนาเป็นนักบวช ละเว้นชั่วทาง กาย วาจา ใจ
จากนักบวช พัฒนาขึ้นเป็น สมณะ ผู้สงบ กาย วาจา ใจ
จากสมณะพัฒนาไปสู่ความเป็นพระ
ทีนี้เกิดสมภารพันธ์ใหม่
แต่กูอายุขัยขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นมนุษย์พันธ์ใหม่ มีแต่พวกมึงฝันเอา
กูอีกแล้ว  แค่นี้กูก็แย่อยู่แล้ว ตับหย่อน ตับทรุด คนเป็นโรคตับจะทรมาน
ไม่รู้ว่าชาติไหน ก็จะได้เห็น ถ้าได้เห็นจริงๆ ก็สวรรค์
แก่แล้วกะล่อน ไถไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่เข้าพรรค โวทโน ระวังหัวจะโน
เลยอยากถามว่า ความคิดหวังที่มีต่อศาสนา บางทีมันก็เวอร์เกินความจริง
คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ แปลว่า สำเร็จประโยชน์
ถ้ามันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด กูคงไม่เหนื่อยขนาดนี้ คงไม่มียันตระ 1 นิกร 2
เพราะฉะนั้น ไม่ได้สำเร็จด้วยสี แต่ด้วยการสั่งสมอบรม เรียนรู้
แต่ก็ขอบใจความฝันงามๆ ที่ออกมาแชร์
แต่ยังไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่วิถีทางของพุทธะ
ที่หลวงปู่ให้ออกมาแสดงความเห็น
1 ให้มีส่วนร่วมในการอยู่ร่วม อยู่ได้ อยู่ดี มีส่วนร่วมในองค์กร
2  ได้แสดงสมรรถภาพของผู้แสดงว่า อยู่ในขั้นไหนๆ แสดงว่าอยู่ในระดับความฝัน ไม่

ใช่อยู่ในระดับพุทธะ คือ ยืนอยู่บนความเป็นจริง เข้าใจ รู้จัก ตามความเป็นจริง
รู้ตามความเป็นจริง ต้องเสนอให้เหมาะสมกับความเป็นจริง ไม่ใช่ปวดท้องก็ทายาหม่อง

เป็นไข้ก็ทายาหม่อง
เพราะฉะนั้น ให้ยืนอยู่บนหลักการ และพื้นฐานของความเป็นจริง
ถ้าผ่าน ก็แจกพระนะ ไม่ผ่าน กูเลยเก็บพระ
ปรากฏว่า สอบไม่ผ่าน เพราะหลงละเมอเพ้อพก
ความคิด อย่างน้อย แสดงได้ แต่อีก 10 ชาติหน้า
ไม่ได้ยกตัวเองสูงส่ง แต่ที่พูดมา คุณลักษณะของสมภารอาวาส มันไม่มีจริง ยังไม่เกิด ยัง

ไม่รู้อยู่ขุมไหน แล้วพูดทำไม
ตัดยังไง ก็ไม่มีซักข้อ
ลองอ่านอีกรอบซิ 12 ข้อ จะระดมอย่างไร ก็ให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
1 มีเมตตาและเป็นที่พึ่งของคนในวัด
2 มีความอ่อนน้อมถ่อมตน กตัญญู ขันติ
3 มีความรับผิดชอบสูง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
4 มีเหตุผล และมีความซื่อสัตย์สุจริต
5 มีความเป็นผู้นำ ใจคอหนักแน่น และบริหารจัดการงานได้เป็นอย่างดี
6 ไม่เห็นแก่ตัว
7 มีจิตอาสาและเป็นนักพัฒนา
8 มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9 มีมนุษยสัมพันธ์ดี
10 มีศรัทธาในพระรัตนตรัย
11 เป็นผู้สำรวมต่อ รูป รส กลิ่น เสียง
12 เป็นผู้มีความเพียร
13  มีไตรสิกขา
14  มีหิริ โอตัปปะ
15  มีสัมมาวาจา ใช้คำพูดเป็นประโยชน์
16 เป็พหูสูตร
17 มีสัมมาทิฐิ
อ้ายมนุษย์พันธ์นี้ มีอยู่ในวัดนี้ไม๊
พวกมึงกำลังเอาห่วงมาผูกคอกู
กูไม่ยอมให้ใคร
แม้ไม่มีภาระในการซ่อมสร้าง กูก็จะไม่ยอมรับภาระกรรม ตำแหน่งหน้าที่ใดๆ
อย่างนี้ต้องใช้คำว่า บังอาจ สมควรเอาไปกุดหัว เพราะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
อยากบอกว่า มนุษย์พันธ์นี้ ไม่มี ต้องรอไปอีก 10 ชาติ
เพราะฉะนั้น ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่าคิดเพ้อฝัน
ฝันมี 4 อย่าง
1 เทพบันดาล
2 ลางสังหรณ์
3 จิตอาวรณ์
4 ลมกำเริบ ธาติพิการ
แล้วอีกอย่าง กูก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ยายชีแก้กรรม
ยังเชื่อในความฝัน ก็ลองดู
แต่กูเชื่อในสิ่งที่กูเห็น หลวงปู่เชื่อในสิ่งที่หลวงปู่เห็น ทำในสิ่งที่เชื่อ
ยกตัวอย่างให้ฟัง  มีศรัทธาในพระรัตนตรัย  ไม่ใช่ศรัทธาแบบผลุบๆ โผล่ๆ คือขั้นเบื้องต้น

ต้องเป็นพระโสดาบัน คำว่า ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่ใช่ศรัทธาแค่บางครั้งบางที แต่ทุก

นาทีทุกลมหายใจเข้าออก
รวมๆ สรุป คือ ยังฝันอยู่ เอาความเป็นจริงของคนที่ห่มผ้าเหลืองในพระพุทธศาสนา
อย่ามองเพ้อฝัน
ที่พูดมาทั้งหมดเป็นคุณลักษณะของมหาบุรุษ ของผู้มีวิถีแห่งโลกกุตตระ
แต่ที่เรากำลังพูดถึง คือ สมภาระ หรือ สัมภาระ คือ ผู้ที่ยังหัวทิ่มหัวตำ ทำประโยชน์ตน

ประโยชน์ท่าน ใช้ความเพียรให้มากขึ้น
สถานภาพที่เป็นอยู่
พระวัดนี้ ยังไม่มีใครเป็นพระอริยะเจ้า มหาบุรุษ
ทำให้เราสิ้นหวัง สิ้นไร้ไม้ตอก สิ้นศรัทธา เมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง
เอาโลกความเป็นจริง 5 ปี 10 ปี ที่เราสามารถสัมพันธ์สัมผัสได้
พยายามมองหาเหตุหาผล หาเรื่องหาเหตุปัจจัย ว่า คนผู้นี้มีความรู้ ความสามารถ
แต่ละคนมีข้อจำกัด เฉพาะของตนอยู่แล้ว
ก่อนวิจารย์อะไร ขอให้หลวงพี่ทั้งหลายขึ้นมานั่งแล้วตั้งคำถาม
วิจารณ์แบบนี้ นรกจะกิน ไม่มีหลักการ จะเรียกว่าศิษย์กูได้อย่างไร กูถึงไม่แจกพระวันนี้ไง
รวมๆ สรุป ยังวิเคราะห์ไม่ได้บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ในปัจจุบัน ไม่ได้
ให้โอกาสอีกครั้ง
อาทิตย์หน้า ไหว้ครู
ขาดหลักการ เหตุผล ของผู้ฟัง
คาดเดา เผื่อว่า อาจจะ ได้มั๊ง
ไม่มองโลกแห่งความเป็นจริง
แล้วเราจะได้เอามาวิเคราะห์
นี่คือ หลักสัมมาทิฐิ มีเหตุ มีผล
ถ้าไม่ถาม ไม่สอบ จะรู้ได้อย่างไร
ยังอีกไกล ไม่แจกพระ
ว่าจะให้วุฒิบัตร ก็ไม่ให้
มีที่มาที่ไป ให้เข้าใจหลักการและเหตุผล
กูเห็นบางคนวิจารณ์พระ รู้ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ต้องถาม พระพุทธเจ้าสอนกาลามสูตร
จงเชื่อเมื่อเราสามารถพิสูจน์ได้
เราเชื่อคนอื่นพูดเหรอ ทำไมเราไม่สอบ พิสูจน์ทราบด้วยตัวเอง
มีปัญหาตั้งขึ้นให้แก้ แก้ได้ ก็ผ่าน แก้ไม่ได้ ก็จบ
ไม่ต้องกลัวว่า ใครจะหมกเม็ด ช่วยเหลือกัน
เหมือนๆ เมื่อคืน หลวงปู่ลงต้นโพธิ์ สวดมนต์เสร็จ ก็อบรมพระเณร
ผมมีกลเม็ดกุศโลบาย
ในอิทธิบาท 4 พักนี้ตับมันเจ็บบ่อยๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง พิจารณามหาปณิธานอิธิบาท 4
เหมือนแสงนีออนล้วนๆ มีแต่ความสว่าง ความมืดไม่สามารถแทรกได้ทุกขณะ ทุกดวง ก็

จะไม่...
สติ สมาธิ ปัญญา   สามารถควบคุม
การจะเจริญปัญญาได้ ต้องมีสติตั้งมั่น
การเจริญปัญญา ต้องมีกุศลวิตก ตรึกในกุศล
มีตัวสมาธิ เป็นตัวสนับสนุน  สมาธิต้องใช้ความเพียรอย่างยิ่ง ความเพียรต้องมีศรัทธาสม่ำ

เสมอ ทำให้ความเพียรมีอายุขัยยาวนาน
ศีล สมาธิ ปัญญา มีพลัง 5 อย่าง อินทรีย์ 5
เป็นการสร้างความเพียร
ยิ่งเป็นกล ..  ที่สำเร็จประโยชน์
คนเราถ้ามีความเพียรตั่งมั่น สมาธิเกิดง่าย
อิทธิบาท 4
กรรมทั้งหลายก็เป็นแต่กุศล คือตรึกแต่กุศล
ชั่วโมงหนึ่ง คิดเรื่องบุญกี่ครั้ง  คิดเรื่องบาปกี่ครั้ง
คนจะเข้าใกล้พระรัตนตรัย
ที่พูดมาทั้งหมด หลวงปู่จึงบอกว่า มันฝัน
พูดเพราะไม่มีปัญญารู้ชัดตามความเป็นจริง จึงพูด
อย่าเพ้อฝัน เพราะพระรัตนตรัย เป็นลมหายใจ เป็นพระอริยเจ้า พระสกิทาคา อนาคา
ทุกอย่างไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ขับเคลื่อน
มีแต่สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา
พลัง – กำลัง
อินทรีย์ 5 ความเป็นใหญ่
เพราะงั้น ให้เข้าใจหมายของ มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก
คนที่เข้าถึงความหมายนี้ได้ ไม่ต้องหาครูบาอาจารย์
เหมือน คนดูเสือ คนดูละคร ดูแบบไร้อารมณ์
รวมๆ สรุป ก็คือว่า ยังใช้ไม่ได้ วิธีเสนอความคิด ไม่ผ่านบททดสอบ
คนที่มีหิริ  งามยิ่งกว่าพญาช้างฉัตรทันต์เดินอยู่ท่ามกลางดอกไม้
เพราะฉะนั้น ยังไม่เข้าใจ ยังสอบไม่ผ่าน
วันวิสาขฯไปเอามาใหม่ กูยังไม่เลือก อันนี้กูต้องตามผลต่อ
วันนี้ไม่ได้ให้มาวิจารณ์สมภาร แต่ให้มาพูดคุณสมบัติที่ควรเป็นจริง มีจริง ของสมภาร
กูจอมโปรเจค
เออ รวมๆ สรุป คือ ยังไม่ผ่าน วันวิสาขฯ เอาใหม่ ไปคิดมาใหม่ ให้อยู่บนพื้นฐานความ

เป็นจริง  จบ 14.55 น.
16.35  น. หลังปฏิบัติธรรม
วิชาปราณโอสถ ไม่ใช่เป็นสมถะ ไม่ใช่ วิปัสสนา แต่เป็นทั้งสมถะ และวิปัสสนา
สังเกต จับลมหายใจไม่ชัด
ตามดูลมขั้นที่ 4 ต้องตามตั้งแต่บนสุดลงล่างสุด และจากล่างสุดออกข้างบนสุด
ฝึกบ่อยๆ แล้วจะทัน
สังเกตุบางคนบวม
ยังบวมต่อไปตราบใดที่ยังไม่ได้เรียนขั้นเคลื่อนปราณ ขั้นนี้เป็นขั้นสะสมปราณ
เป็นการพิสูจน์ว่า ที่สอนมาได้ผล
อีกเรื่อง เมื่อครู่จะทบทวน มหาปณิธานอิทธิบาท 4  ยันอัตภาพอยู่ได้เป็นอสงไขย
อีกเสียงหนึ่งสอดขึ้นมาว่า อย่าเพิ่งสอนให้ละเอียดกว่านี้เลย ถามว่าทำไม เดี๋ยว บ้า
ชาติ ชรา มรณะ แทรกไม่ได้
คุมเหตุปัจจัยของการเกิด จุติ การเคลื่อนชาติ ภพของตนเองได้
สมัยก่อน ธุดงค์แถวหลี่ผี เจอตาเถร เป็นลูกศิษย์ฤษี เห็นกระโดดหินก้อนโน้นก้อนนี้ ถามว่า

อายุเท่าไหร่ 300 , 200 น้อยที่สุด 120 คุยไปคุยมา อาจารย์ผม 800 ปี

700 ปี
ถามว่า เกิดได้ไม๊  ไม่แปลก เพราะพวกนี้เข้าฌาณสมาบัติ 8 บังคับลมหายใจได้เอง ยัน

อัตตภาพให้ดำรงอยู่ได้ ไม่กินน้ำ อาหาร 3 เดือน พวกนี้คุมธาตุได้ทั้งภายนอกภายใน
หลวงปู่ไม่ได้พูดเอง พระพุทธเจ้า
ต้องใช้ธรรมหลายข้อ 
อินทรีย์ 5  พละ 5   ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
เขา (สัตว์) ยังอยู่ ยังเรียนไม่ได้
ถามว่าเพราะอะไร ขนาดพระยังสอนไม่ได้เลย ไม่รู้เรื่อง งูๆ ปลาๆ
วิชาปราณโอสถ ไม่ใช่กายานุสติฯ ไม่ใช่จิตตานุสติฯ ไม่ใช่ธรรมานุสติฯ
วิชาปราณโอสถมีทั้ง จิต ธรรม เวทนา และ กายา
อย่าเป็นหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง
วิชาปราณโอสถ คือ คุณของพระรัตนตรัย เปรียบดังโอสถ ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็น

อะไรก็ได้ ที่อยากให้เป็น
การเข้าถึงพระรัตนตรัย ต้องทุกลมหายใจ ตั้งแต่พระอริยะบุคคลเบื้องต้น ระดับพระโสดาบัน
พระโสดาบัน เพราะมีศรัทธาเป็นที่ตั้ง
พระสกิทาคา  เพราะมีสติเป็นที่ตั้ง
พระอนาคา เพราะมีสมาธิเป็นที่ตั้ง
พระอรหันต์ เพราะมีปัญญาเป็นที่ตั้ง
อย่าพูดส่งเดช เป็นลูกศิษย์พุทธะอิสระ
พวกเราเข้าถึงหรือยัง   ยัง
แค่ได้ยินว่า มีจริง
ยังไม่ได้พิสูจน์ ทุกลมหายใจ
นี่คือ ธรรมะแท้ๆ ไม่มีอะไรเจือปน
ของไม่แท้ ต้องท่อง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ   ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ  ฯลฯ