ปฏิบัติธรรมภาคเช้า
19 กรกฎาคม 2551

คำสั่ง        ลุกขึ้นยืนถ่างขาให้กว้างที่สุด

 

คำสั่งที่1        หายใจเข้ายืนด้วยปลายเท้ายก 2 แขน เหนือศีรษะ  ขายังถ่างอยู่ดึงไส้ขึ้น
        หายใจออกลดลง

คำสั่งที่2        หายใจเข้ายก 2 ปีกเหนือศีรษะหลังมือชนกัน  ยืนด้วยปลายเท้า ดึงไส้ขึ้น
        หายใจออก ลดลง

คำสั่งที่3        หายใจเข้า กาง 2 ปีกเสมอไหล่
หายใจออกเอียงตัวไปทางซ้ายแขนขวาข้ามศีรษะ  ย่อเข่าขวา ยกส้นเท้าขวา ทิ้งน้ำหนักเท้าซ้าย
หายใจเข้ากลับมาตรง ปีกยังกางอยู่
หายใจออกเอียงตัวไปทางขวาแขนขวาข้ามศีรษะ  ย่อเข่าซ้าย ยกส้นเท้าซ้าย  ทิ้งน้ำหนักเท้าขวา
        หายใจเข้ากลับมาตรง ปีกยังกางอยู่

คำสั่งที่4    หายใจออกพลิกฝ่าเท้าขวา เอียงตัวไปทางขวา  ยกแขนซ้ายข้ามไปหลังศีรษะ  มือขวาดึงปลายมือซ้ายลงจนข้อศอกอยู่หลังศีรษะ
        หายใจเข้ากลับมาตรง ปีกยังกางอยู่
หายใจออกพลิกฝ่าเท้าซ้าย เอียงตัวไปทางซ้าย ยกแขนขวาข้ามไปหลังศีรษะ  มือซ้ายดึงปลายมือขวาลงจนข้อศอกอยู่หลังศีรษะ
        หายใจเข้ากลับมาตรง ปีกยังกางอยู่   หายใจออก

คำสั่งที่5        หายใจเข้ายืนด้วยปลายเท้า  ยก 2 ปีกเหนือศีรษะ
หายใจออกลดส้นเท้า  ก้มตัวลงฝ่ามือแนบพื้น  เข่าตึง  คางติดเข่า  จนร้อนกระเบนเหน็บ ก้นกบจึงใช้ได้
        สูดลมหายใจเข้าค่อยๆยกตัวขึ้นช้าๆยืดแขนขึ้น

คำสั่ง6        หายใจออกแอ่นตัวไปข้างหลัง  อ้าปากร้องอ้า  เหลือกตาไปข้างหลัง
        หายใจเข้ากลับมาตรง  แขนยังยกพนมมืออยู่

คำสั่งที่7        หายใจออก เอียงตัวไปด้านข้างทางขวา  แขนยังพนมเหนือศีรษะ
        หายใจเข้ากลับมาตรง  ยกแขนสูงๆแขนชิดหู
        หายใจออกเอียงตัวไปด้านข้างทางซ้าย  แขนพนมเหนือศีรษะ
        หายใจเข้ากลับมาตรง

คำสั่งที่8        หายใจออกหมุนลำตัวไปทางขวาแล้วก้มตัวลง ให้มือแตะพื้น
        หายใจเข้ากลับมาตรง
        หายใจออกหมุนลำตัวไปทางซ้ายแล้วก้มตัวลง ให้มือแตะพื้น
        หายใจเข้ากลับมาตรง  

คำสั่งที่9        พลิกฝ่าเท้าขวา  หายใจออกหมุนตัวไปทางขวา  แล้วก้มตัวลงมือแตะพื้น
        หายใจเข้ากลับมาตรง
        พลิกฝ่าเท้าซ้าย  หายใจออกหมุนตัวไปทางซ้าย แล้วก้มตัวลงมือแตะพื้น
        หายใจเข้ากลับมาตรง

คำสั่งที่10    หายใจออกแอ่นตัวไปด้านหลัง  อ้าปากร้องอ้า....
        หายใจเข้ากลับมาตรง

คำสั่งที่11    หายใจออก ก้มตัวลงด้านหน้า  ปลายนิ้วมือชนกันแล้วแนบพื้น  เข่าตึง
หายใจเข้ากลับมาตรงแขนยกเหนือศีรษะ

คำสั่งที่12    หายใจออกลด 2 แขนลงหลังมือแนบไว้ข้างขา
หายใจเข้าพลิกฝ่ามือ  หายใจออกลู่ไหล่ไปข้างหน้าหลังมือชนกันตรงหน้าขาก้มหน้าคางติดอก
        หายใจเข้ากลับมาตรง

คำสั่งพัก    ให้ดื่มน้ำ
ฝึกปฏิบัติการชำระไขกระดูก

คำสั่งต่อไป    ลุกขึ้นยืนเตรียมกระดาษดินสอให้พร้อม
คำสั่ง        ให้เวลาครึ่งชั่วโมง
หายใจเข้าขีด  ตามดูด้วยว่าลมสุดตรงไหน    หายใจออกหลับตาเฝ้าดูจุดลมเกิด   และจุดที่ลมดับ    อยู่ตรงไหน
หลวงปู่ถาม    เมื่อวานลมหายใจเข้าจะต้องเดินถึงตรงไหน  ต้องเดินถึงปลายเท้า  แต่ใหม่ๆเอาแค่ช่องท้องก็ได้แต่ให้รู้ว่าลมไปถึงไหนก็แล้วกัน  ในขณะที่หายใจเข้าต้องขีดไปด้วย  ทำให้จิตมีงาน และเป็นงานที่เราควบคุมคอนโทรลได้  ไม่ใช่ว่าวันทั้งวันเราควบคุมไม่ได้เลยแล้วก็ปล่อยให้จิตหลงอยู่ในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง ในสัมผัส  ที่สอนอย่างนี้เพื่อที่เราจะได้มีอำนาจควบคุมจิต  คำถามเมื่อเช้าที่ถามว่าจะทำอย่างไรถึงจะเฝ้าระวังควบคุมจิตได้  ก็ทำอย่างนี้แล้วจิตจะได้ไม่ตกเป็นทาส  มันจะได้อยู่ในอำนาจในการครอบงำของเรา  ไม่อยู่ในอำนาจของสิ่งอื่น รูปอื่น  รสอื่น กลิ่นอื่น เสียงอื่น วัตถุอื่น ชีวิตอื่น  ถ้าเปลี้ยเพลียอย่าไปหลบนั่งเดี๋ยวมันจะหลับ  ต้องหาวิธียืนทรมานมัน  ทรมาน    ความอยาก ทรมานกิเลส  อย่าขี้เกียจที่จะขีด  มันหมดความเพียร มันปราศจากความเพียร  จิตที่มันปราศจากความเพียรนิวรณ์มันจะเข้า  จิตมันจะไม่ตื่นตัว  อย่าไปคิดว่าทำไมต้องมานั่งขีด มายืนขีด แค่ดูลมออกกับลมเข้าก็น่าจะได้  ถ้าคิดอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเราเปิดทางให้นิวรณ์ธรรมเข้า  ให้ถีนะ-มิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน  เราไม่ได้ฝึกสมาธิ  สิ่งที่เราฝึกนี่ไม่ใช่วิถีของสมาธิ  เป็นวิถีของปัญญา  ปัญญาที่มีสมาธิเป็นบาทฐานบรรทัดฐาน   ไม่ใช่แค่ได้สมาธิอย่างเดียว และไม่ใช่ได้แค่ปัญญาอย่างเดียว  รู้ลมเป็นสติ ขีดเป็นสัมปชัญญะ  ตัวสติก็เป็นตัวก่อสมาธิเป็นรากเหง้าสมาธิ  สัมปชัญญะก็เป็นตัวปัญญา  ขยันที่จะขีด   ขีดไปด้วยพร้อมตามรู้ลมไปด้วย
คำสั่งพัก    ถาม.....ระหว่างลมเข้ากับลมออกรู้ลมไหนชัดกว่า
        ตอบ.....ลมออกชัดกว่า  
        ถาม.....เหตุผลว่าทำไมถึงไม่รู้ลมเข้าชัดกว่าเพราะอะไร
หลวงปู่อธิบาย.....เพราะเราแบ่งสติทำให้เกิดช่องว่าง  ช่องว่างตรงนั้นทำให้เกิดสัมปชัญญะในการรู้ขีด  รู้ลมเดิน  ที่ถูกแล้วควรจะต้องทำให้มันสม่ำเสมอในระหว่างลมเข้ารู้ลมด้วยแล้วรู้ขีดด้วยรู้ลมเข้าไปสุดตรงไหนด้วย  รู้ว่าขีดสุดแล้วด้วย  การรู้อย่างนี้เป็นการฝึกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ คนที่เคลิ้มพยายามทำให้รู้ทั้งลมและรู้ทั้งขีด  ให้รู้ชัดมันก็จะหายเคลิ้ม  เพราะมันมีทั้งสติ มีทั้งสัมปชัญญะ  อย่ารู้แค่ว่าลมมันสุดตรงไหนแล้วก็ขีดมั่วๆ อย่างนี้ก็ไม่ถือว่าถูกต้อง ต้องรู้ให้ชัดทั้งลมด้วยแล้วรู้ให้ชัดทั้งการขีดด้วย
คำสั่ง    เอาใหม่ เริ่มหายใจเข้าขีด รู้ลมสุด  หายใจออกหลับตารู้ลมเกิดและดับ  ทุกขั้นตอนต้องละเอียดถี่ถ้วน  เห็นชัดทั้งขีด เห็นชัดทั้งลมแน่นอนเห็นพร้อมกันไม่ได้  แต่จิตเรานี่สามารถรู้ลมก็ได้ รู้ขีดก็ได้  ระยะเวลาหนทางของการขีด แม้จะไม่ยาวไกล แต่จิตมันเกิดดับเป็นพันดวง  ใช้จิตทุกดวงให้รู้ทั้งลมและรู้ทั้งขีดก็ถือว่าเป็นมหากุศลจิต  เพราะมีทั้งสติ มีทั้งสัมปชัญญะเกิดตลอดทั้งพันดวงอย่างนี้เป็นต้น  เวลาเราขีดด้วย และพร้อมรู้ลมด้วยเราจะเกิดความสงสัยว่ามันรู้ลมก็ด้วยรู้ขีดก็ด้วยแล้วมันจะรู้ได้อย่างไร  แต่จริงๆแล้วมันรู้ได้ถ้าเราตั้งใจที่จะเฉลี่ยความรับรู้ให้มันชัดเจน ให้เท่ากันแม้ที่สุดเวลาลมออกก็เหมือนกัน  หลายคนขี้โกงเวลาเข้า  เข้าสุดปลายเท้า  เวลาออก ออกแค่สะดือ  เวลาออกควรต้องออกที่ปลายเท้าด้าย  ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าจึงจะถูกต้อง  เมื่อวานบอกว่าคนฝึกใหม่ๆให้สุดที่ช่องท้องก็ได้  ก็เพราะบางคนฝืนลมหายใจไม่ได้ ฝืนแล้วกลัวใจจะขาด  เพราะว่ายังฝึกน้อยไป  ปอดขยายไม่เต็มที่  หายใจยังไม่เป็น  แต่มาถึงวันนี้มันน่าจะหายใจเป็นบ้างแล้วน่าจะรู้หลักการแล้ว   
คำสั่ง    ใครทำแล้วรู้สึกว่าข้อกระดูก ช่องกระดูกรู้สึกว่ามันมีลมเดิน  มีไออุ่นปรากฏ  มีเหมือนกับเลือดวิ่ง   เหมือนกับอากาศอัดอยู่ในข้อกระดูก  เห็นชัดก็ให้ลงนั่ง  ใครที่ยังเห็นไม่ชัดในช่องกระดูก  ในข้อกระดูกยังไม่รู้สึกว่ามันอะไรเลย  ยังยืนอยู่ก่อน  ทำจนรู้สึกได้ว่ามีไอร้อนที่ข้อกระดูกสันหลัง  ข้อกระดูกท่อนขา  แม้ที่สุด ฝ่าเท้าก็รู้ว่ามีไออุ่น  อย่างนั้นให้ลงนั่งได้แล้วทำต่อ  งานของจิตมีทั้งรู้ขีดและรู้ลมก็ยังอุตสาห์ไปรับรู้แวบออกไปข้างนอกอีกนะ ไม่ระมัดระวัง เมื่อสามารถเดินลมในข้อกระดูกได้แล้ว  ร่างกายมันจะหลั่งสารความสุข  เราจะรู้สึกปีติเป็นสุข  มันเป็นความสุขเล็ก  กระดูกจะโล่ง  เลือดลมไม่ติดขัด  สมองจะโปร่ง ข้อกระดูกทุกข้อจะโล่ง บางครั้งบางคนถึงกับกระดูกจะลั่นดังเปี๊ยะ  ก็อย่าไปคิดตกใจ บางทีชีวิตปัจจุบันประจำวันของเราทำให้ลมหนักอยู่ในข้อกระดูก   กลายเป็นกระดูกเป็นพิษแล้วปวดข้อกระดูก  แต่ถ้าเราสามารถผ่อนลม  ทำให้ลมเดินสะดวกในข้อกระดูกได้  ลมที่เป็นพิษในข้อกระดูกก็จะหาย  มันเหมือนกับไล่ลมออกจากช่องว่าง  ช่องข้อ  มันจะโล่ง มันไม่อัดอั้น  เราจะรู้สึกได้ด้วยตัวเราว่ามันโล่ง  โล่งตั้งแต่สมอง  กะโหลก ข้อต่อ ลำคอ  กระดูกหัวไหล่ ไหปลาร้า  กระดูกสันหลัง  ก้นกบ ท่อนขาหัวเข่า ท่อนขาด้านล่าง ฝ่าเท้า นิ้วเท้ามันโล่งไปหมด  แม้ที่สุดหัวไหล่  ท่อนแขนด้านบน ข้อศอกท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ นิ้วมือ  มีลมพวยพุ่งออกมาทางปลายนิ้วและข้อกระดูกได้  ทำให้ได้ขนาดนี้เขาเรียกวิธีชำระไขกระดูก  ไม่ใช่เรื่องเกินเลยกว่าที่มนุษย์จะทำ  ถ้าทำไม่ได้กูคงไม่สอนพวกมึง  ที่กูสอนพวกมึงเพราะมันทำได้  มันสามรถทำได้จริงแล้วมันมีประโยชน์มีผล  มันทำให้    เกิดทั้งสติ  เกิดทั้งสัมปชัญญะ  ไม่ใช่แค่อารมณ์สมาธิแล้วนิ่งดิ่งอยู่เฉยๆ  แต่มันเกิดตัวรู้  รู้เป็นไปภายในกายเรียกว่ากายานุปัสนาสติปัฏฐาน  แต่เรารู้ละเอียดกว่านั้น  รู้ไปถึงโพรงกระดูก  ตรงไหนที่มันหนักๆ  หนักท้ายทอย  หนักหัวไหล่  จะเบาลง  หลังรู้สึกว่ามันโล่ง  อุ่นก่อน  แล้วไปเย็นโปร่ง  มันจะหายเมื่อย  หายปวด  หายขบ
คำสั่งพัก    นั่งลง  เตรียมที่สำหรับนอน  นอนในท่าศพ  กางแขน กางขา เล็กน้อย
คำสั่ง    กำหนดเดินลมเข้าจมูก  หน้าผาก  กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ หัวไหล่ 2 ข้างกระดูกสันหลัง  ก้นกบ  แยกไปท่อนขาด้านบน ด้านล่างถึงปลายเท้าแล้วหายใจออก
หายใจเข้าจมูก  หลอดลม ลำคอ หน้าอก ลิ้นปี่ ช่องท้อง ลงไปที่หัวเหน่า แยกไปที่ขา 2 ข้าง  หัวเข่าขาด้านล่าง ข้อเท้า หลังเท้า ปลายนิ้วเท้า หายใจออก
คำสั่ง        ให้ลมเดินไปตามข้อ  ให้ลมพุ่งไปตามข้อต่างๆ  ใช้ลมหายใจเป็นตัวนำปราณ
คำสั่ง    หายใจสลับกัน หายใจเข้าจมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอด้านหลังหัวไหล่ 2 ข้าง กระดูกสันหลัง  ก้นกบ แยกไปสะโพก ท่อนขาด้านบน ขาพับ น่อง2ข้าง ข้อเท้า  ฝ่าเท้า  ปลายนิ้วเท้า  หายใจออก
คำสั่ง    กลับมาหายใจเข้าจมูก  หลอดลม  ลำคอ  หน้าอก ลิ้นปี่  ช่องท้อง  ลงไปที่หัวเหน่า แยกไปที่หน้า    ขาซ้าย- ขวา ลงไปที่หัวเข่า หน้าแข้ง  ข้อเท้า  หลังเท้า ปลายนิ้วเท้า  หายใจออก
คำสั่ง    ทำอย่างนี้ไล่ลมร้อนออกให้หมด  ให้กระดูกโล่ง ชำระไขกระดูกให้บริสุทธิ์  พวกโรคกระดูกเสื่อม  กระดูกพรุน  กระดูกทรุด  ท่าเหล่านี้วิชานี้จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง  ทำให้กระดูกมีกำลังขึ้น เซลล์    กระดูกแข็งแรงขึ้น  เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงกระดูกได้เหมาะสม  ทำให้เซลล์กระดูกที่ตาย ที่กร่อน  ที่บางกลับมามีชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่
คำชม    พวกนี้มันสมาธิดีจริงๆ  นอนกันนิ่งเลย ไม่ขยับเขยื้อน  เป็นท่าที่โปรด  ชอบ  ชอบ  ชอบ  ไม่ใช่    ชอบครั้งเดียว ชอบ3 ชอบเลย  อย่างนี้ฝึกได้ทั้งวัน
คำสั่งต่อ        เดินลมไป  เดินไล่ลงก่อน  ภาคบ่ายมาฝึกไล่ขึ้น
คำสั่ง        ยกมือพนมเหนืออกฝ่ามือห่างกัน 2 นิ้ว  หายใจเข้าสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข   
        หายใจออกสัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
        ให้ไอร้อนปรากฏที่กลางฝ่ามือแล้วเพ่งจิตไว้ที่กลางฝ่ามือ
        ภาวนาที่ลมร้อนนั้น สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข  สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
        รู้ภาวนาด้วย  รู้ลมร้อนที่ปรากฏบนฝ่ามือด้วย
คำสั่ง        สูดลมเข้าลึกย้ายมือมาวางข้างลำตัว  ดูซิดันลมไปถึงปลายฝ่าเท้าไหม
คำสั่ง        หายใจเข้าให้ลมไล่ไปถึงปลายนิ้วเท้า  ปลายนิ้วมือ  ดูซิปลายนิ้วมือมีลมไหม
คำสั่ง    หายใจเข้าผ่อนคลาย  ให้ลมเดินซ่านไปทั่วร่างกายตามกล้ามเนื้อ และผิวหนัง  แม้รูขุมขนให้มีลมออก  ออกตามหนังหัว รูขุมขนบนศีรษะ  ตามแขนขา ลำตัว รักแร้  รอบตัวให้มีไอร้อนพวยพุ่งออกมา
คำสั่งพอ    ยกมือไหว้พระกรรมฐาน แล้วลุกขึ้น