ปฎิบัติธรรมในวันอาสาฬหบูชา
17 กรกฎาคม2551

คำสั่งที่1 ลุกขึ้นยืนผ่อนคลาย ลองยืนด้วยปลายเท้าทิ้งค้างไว้.........ลดส้นเท้าลง

 

คำสั่งที่2 พลิกฝ่าเท้าขวา ทิ้งน้ำหนักไปที่ข้างฝ่าเท้าด้านขวา...........กลับมาตรง
พลิกฝ่าเท้าซ้าย ทิ้งน้ำหนักไปที่ข้างฝ่าเท้าด้านซ้าย...........กลับมาตรง

คำสั่ง3 ยืนด้วยปลายเท้าอีกที............กลับมาตรง

คำสั่ง4 ก้าวเท้าขวาวางต่อด้านหน้าปลายเท้าซ้าย

คำสั่ง5 สูดลมหายใจเข้า.........ยก 2 แขนเหนือศีรษะแขนเหยียดตรง แขม่วท้อง ดึงไส้ขึ้น
หายใจออก.................ก้มตัวลงมือแตะพื้นทิ้งน้ำหนักไปเท้าหน้า
หายใจเข้า...................กลับมาตรง
หายใจออก.................ก้มตัวลงมือแนบพื้นปลายนิ้วมือชนกัน
หายใจเข้า...................กลับมาตรงพร้อมกับพลิกฝ่าเท้าหน้า
หายใจออก.................ก้มตัวลงมือแตะพื้น ทิ้งน้ำหนักไปยังเท้าที่พลิก
หายใจเข้า....................กลับมาตรง

คำสั่ง6 สลับเท้าให้เท้าขวาลงไปอยู่หลังเท้าซ้าย.............หายใจเข้า
หายใจออก..................ก้มตัวลงมือแตะพื้นทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าหน้า
หายใจเข้า....................กลับมาตรง
หายใจออก.................ก้มตัวลงมือแนบพื้นปลายนิ้วมือชนกัน
หายใจเข้า...................กลับมาตรงพร้อมกับพลิกฝ่าเท้าหน้า
หายใจออก.................ก้มตัวลงมือแตะพื้น ทิ้งน้ำหนักไปยังเท้าที่พลิก
หายใจเข้า....................กลับมาตรงลดแขนลง

คำสั่ง7 ยืนถ่างขาออกให้กว้างขึ้น ยกแขนขวาอ้อมไปหลังศีรษะ ข้อศอกอยู่ตรงกลางศีรษะ
ยกมือซ้ายขึ้นจับดึงข้อมือขวาให้ลงมาเยอะๆ เอียงตัวไปทางซ้าย
กลับมาตรง.......สลับแขนยกแขนซ้ายอ้อมไปหลังศีรษะ ข้อศอกอยู่ตรงกลางศีรษะ
ยกมือขวาขึ้นจับดึงข้อมือซ้ายให้ลงมาเยอะๆ เอียงตัวไปทางขวา
คำสั่ง8 กลับมาตรง.....ประสานมือไว้ที่ท้ายทอย เหนี่ยวต้นคอลงมาให้คางติดอก ข้อศอก 2 ข้างชนกัน
คำสั่งพัก ผ่อนคลาย นั่งลง หาน้ำดื่ม น้ำนี่เป็นยารักษาโรค โรคธาตุพิการ โรคท้องอืด โรคขับถ่ายยาก โรคท้องผูก แน่นจุกเสียดโรคกรวยไตอักเสบ โรคเส้นผมกรอบบาง โรคตะกอนนิ่ว ให้ดื่มน้ำเยอะๆจะช่วยได้
คำสั่ง ลุกขึ้นยืน เรารู้อยู่แล้วว่าชีวิตเรามีความทุกข์เป็นสมบัติ มีความทุกข์เป็นเจ้าของ มีความทุกข์เป็นเจ้าเรือน ยืนให้ดี ยืนอย่างไรให้มันสบาย ให้มันทุกข์น้อยที่สุด ไม่ให้มันเครียด ให้มันผ่อนคลายอย่าให้เป็นทุกข์ เหตุปัจจัยของความทุกข์ก็คือ โง่ อยาก ยึดถือ จะดับทุกข์ได้ต้องเข้าใจ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ขณะยืนอยู่ต้องรู้จักพิจารณาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
คำสั่ง ภาวนา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน จนกระทั่ง ดับสัญญา ดับเวทนา ดับวิญญาณ ดับนามรูปดับสฬายตนะ ภาวนาซิ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน จนมันวางแล้วว่าง วางแล้วว่าง จิตใจผ่อนคลายกับความยึดถือ สมองโล่ง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่ใช่ยืนแล้วไปยึด ไปถือ ไปแบก ไปกำโน่นกำนี่ ยืนผ่อนคลายก็คือทิ้งแขนไว้ข้างลำตัวสบายๆ ไม่เที่ยงก็คือมันไม่คงที่ มันมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วันนี้เด็ก พรุ่งนี้โต มะรืนนี้แก่ มะเรื่องนี้ตายอะไรอย่างนี้ มันไม่เที่ยง เกิดมาก็เป็นทุกข์ ไม่ว่าเป็นเด็ก เป็นคนโต เป็นคนแก่ หรือตาย มันหนีทุกข์ไม่ได้เลย แล้วมันก็ไม่มีตัวตัวตนที่แท้จริง ถามว่าอะไรเป็นเด็ก เราบอกว่าลูกเรา แล้วลูกเรามันอยู่ตรงไหน มันมีเหตุปัจจัยดินน้ำลมไฟมันประกอบกัน มีวิญญาณมาครอง วันนี้คือวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงปัญญาสูงสุด จนทำให้สามัญชนคนธรรมดาๆ พระอัญญาโกญฑัญญะได้มีดวงตาบรรลุธรรม สามารถกำจัด อวิชชา ตัณหา อุปาทานได้ เราท่านทั้งหลายก็ต้องเดินรอยตามพระอัญญาโกญฑัญญะ สดับตรับฟังปัญญาสูงสุด น้อมรับปัญญาสูงสุด ยืนระลึกรู้เข้าไปในกายตนไม่เที่ยง มันไม่เที่ยงอย่างไร เพราะมันไม่มีตัวตนที่แท้จริงของเรา ถ้าผมของเรา ลองสั่งซิว่าผมอย่าหงอก ผมอย่าร่วง หนังอย่าเหี่ยว ฟันอย่าหักจงคงทน ลองสั่งดูซิ สั่งได้ไหม ตาอย่าฝ้าฟาง จงสดใส ลองสั่งดูซิถ้ามันเป็นของเรา หูของเรา หนังของเรา ตัวของเรา ชีวิตของเรา เราลองสั่งดูซิ สั่งให้มันอยู่ในคอนโทรลให้ได้ ถ้ามันอยู่ไม่ได้ก็แสดงว่าไม่ใช่ตัวตนของเรา มันไม่มีตัวตนที่แท้จริงก็เพราะมันมีองค์ประกอบหลากหลายมาเป็นตัวเรา มีดิน มีน้ำ มีลม มีไฟ ส่วนที่เป็นดินคือกระดูก เล็บ ฟัน หนังตับ ไต ไส้ ปอด อาหารใหม่ อาหารเก่า ไส้เล็ก ไส้ใหญ่ ส่วนที่เป็นน้ำคือ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำดี น้ำเสลด น้ำลาย น้ำเหงื่อ น้ำมูก น้ำตา น้ำปัสสาวะ น้ำอุจจาระ ส่วนที่เป็นลมคือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมขึ้นเบื้องบน ลมลงเบื้องต่ำ ลมในช่องท้อง ลมในช่องหู ลมในข้อ ลมในกระดูก ไฟก็คือไฟย่อยอาหาร เผาผลาญร่างกายให้ทุรนทุราย แม้ที่สุดอบอุ่น ให้เข้าใจความหมาย หลายสิ่งรวมเป็นหนึ่งสิ่งไม่มีตัวตนของเราที่แท้จริง แล้วเราคือตัวอะไร เราก็คือจิต หรือชาวบ้านเรียกว่าวิญญาณเข้ามาครองเข้ามาอาศัย แล้วอะไรเป็นเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยก็คือกรรมมันพาเราเข้ามา มันมีแรงผลักให้เราเข้ามาอยู่ร่างนี้ กรรมก็คือแรงผลัก ที่เราเรียกว่าบุญกุศล บุญหรือบาป มันมีแรงผลักดันให้จิตของเราเข้ามาครองอาศัยร่างนี้ แต่มันก็อาศัยเราเสียเป็นส่วนใหญ่ เราต้องเลี้ยงมันมาแต่เล็ก ต้องคอยอุปถาก อุปถัมภ์พัดวีดูแลมันบำรุงมัน หาอาหารข้าวน้ำบำรุงบำเรอความสะดวกให้แก่มัน ทำให้มันทุกอย่าง แค่บอกให้มันสุขภาพดีหน่อย ร่างกายให้แข็งแรงหน่อยเราจะได้อยู่กับมันได้นาน มันก็ยังไม่ยอมเชื่อฟัง ท่านถึงได้บอกว่ามันไม่มีตัวตน มันเป็นทุกข์ไง มันไม่เที่ยงไง ในร่างนี้มันไม่มีอะไรให้เราผูกพันรัดมันเป็นเจ้าเข้าเจ้าของได้อย่างมั่นคง ไม่มีอะไรมั่นคง พิจารณาแล้วให้รู้จักวาง จิตจะได้ว่าง ให้ถึงคำว่าจิตว่าง แม้คำว่า จิตว่างก็เป็นระดับหนึ่งของคำว่านิพานน้อยแล้ว เวทนาทั้งหลายที่เข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แม้ที่สุดทางใจ จะได้เบาบางลง ความทุกข์มันก็บรรเทาลง ความสุขก็จะตามมา ที่ให้ทำนี่ก็เพื่อให้ปลดเปลื้องทุกข์ เพื่อให้เข้าใจความหมายเหตุปัจจัยแห่งการเกิดทุกข์ ทำใจว่างๆ สมองโล่ง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่มีพันธะ พันธนาการอะไรอื่น มองเข้าไปในชีวิตในร่างกายตนเอง จะทำอย่างไรให้ชีวิตผ่อนคลาย กล้ามเนื้อไม่เกร็ง ให้มันวางแล้วว่างเบาสบาย ชีวิตผ่อนคลายให้มากที่สุด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดเป็นคนและได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรม คำสั่งสอนของพระศาสดาให้เรารู้ชัดตามความเป็นจริง เข้าใจสภาพธรรมที่แท้จริง จิตก็จะพ้นจากพันธนาการจากเครื่องร้อยรัดจากชาติ ชรา มรณะ พยาธิ ความทุกข์โทรมมนัสมันก็จะไม่ไหลบ่าเข้ามาหาเรามากเกินไป พิจารณาดู แม้ขี้เกียจจะพิจารณาก็ทำใจให้วางแล้วว่างเบาสบาย อายุปูนนี้แล้วให้มันมีแก่นสารสาระเป็นที่อาศัยของจิตบ้าง เวลานี้ที่ผ่านมาจิตเราก็ล่องลอยไปตามเหตุตามปัจจัย รูปสวยก็ลอยไป สียงเพราะก็ลอยไป หูฟังเสียงดีไม่ดีก็คิดตามไป เดี๋ยวก็ทุกบ้าง สุขบ้าง ตื่นเต้น กระตือรือร้น เศร้าโศกเสียใจ ทุรนทุราย กระวนกระวาย ไม่เห็นได้กำไร มีแต่ขาดทุน เราต้องมีกรรมวิธีที่ทำอย่างไรอยู่อย่างไรจึงจะมีกำไร เริ่มต้นจากวันอาสาฬหบูชา วันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธัมมจักร ทรงชี้ให้เห็นทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ วิธีปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ นั่นคือมรรคมีองค์ แปด เห็นชอบตามความเป็นจริง อย่างที่หลวงปู่พูดให้ฟังเมื่อครู่นี้ว่า ชีวิตเราไม่มีแก่นสารไม่มีสาระ ถ้าเรายังไปพันธนาการ ไปหลงใหลตกเป็นทาส ยังยึดถือยังครอบงำมันอยู่ ที่สุดเราก็ต้องเหนื่อยไม่รู้จบ ไม่รู้จักหยุด กลับมาทำไม่รู้จักเลิก ถ้าวางแล้วว่างมันลงไปเสียบ้าง มันจะได้ผ่อนคลายแล้วมีปัญญามองโลกตามเกม กล กาม เกลียด โกรธ มองโลกได้เข้าใจชัดแจ้ง ไม่งั้นเราก็จะถูกมันหลอกล่อหลงใหล ปราบปลื้มไปตามกระบวนการที่มันพาเราไป เรียกว่าเป็นอยู่ให้รู้เท่าทัน ตายก็ให้รู้ที่เกิดว่าที่ไหน เป็นอยู่ก็ให้รู้เท่าทัน วางจิตให้ผ่อนคลายไม่มีอารมณ์อื่นใด สมองโล่ง ใจไม่คิด จิตไม่ปรุงแต่ง มีแต่ความวางแล้วว่าง ตัวรู้เฉพาะหน้าปรากฏกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทุกอย่างเบาสบาย วางทุกอย่างแม้ลมหายใจเราก็ยังอยากจะวางแล้วเราจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจอมปลอม มันเป็นของแปลกปลอม ไม่ใช่ของจริง แม้เราบอกว่าร่างกายเราเป็นของจริง เพราะออกมาจากท้องแม่ แต่เราก็ยังคอนโทรลควบคุมมันไม่ได้ ยังสั่งยังห้าม ยังขัดขวาง ยังกำหนดกฎเกณฑ์ยาก กว่าจะให้มันทำตามเราก็ต้องทุกข์ยากลำบากนานต้องแลกเปลี่ยนเยอะแยะ แต่ก็ยังไม่ได้อย่างใจอยู่ดี ท่านจึงว่าไว้ว่าไม่ใช่ของเรา มันเป็นของที่ยืมเอามาใช้ เราได้มันเหมือนกับการจับสลาก สิ่งที่เรานำไปซื้อสลากก็คือบุญกับบาป ใครมีบาปมากก็ซื้อได้ร่างกายทุพพลภาพ ใครมีบุญมากก็ซื้อได้ร่างกายที่งดงาม แต่เรื่องบุญ เรื่องบาปก็ยังเป็นเหตุปัจจัยของทุกข์ไม่เลิก วนเวียนไม่รู้จบ เมื่อครู่ตอนที่นำพวกเรากรวดน้ำ หลวงปู่ยังมีความคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่า แม้น้ำที่กรวด บุญที่อุทิศ หากชีวิตไม่มี ความดับสูญปรากฏ นิพพานบังเกิดมันก็ไม่มีสาระอะไร เพราะทุกอย่างมันว่าง แต่ที่ยังต้องทำเพราะมันยังเป็นเหตุปัจจัยเป็นกำลังของปัญญา เป็นกำลังของสติ เป็นกำลังของสมาธิให้ตั้งมั่นแกล้วกล้า มันเป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงต้นโพธิ์ให้งอกงาม เราจะได้อาศัยร่มเงาอยู่สุขสบาย ถ้าไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงเดี๋ยวต้นโพธิ์ก็เหี่ยวเฉาตาย ไม่มีบุญคุณงามความดี กุศลคือความชาญฉลาดก็ไม่เจริญเติบโต กุศลก็เหมือนต้นโพธิ์ คุณงามความดีก็เหมือนดั่งน้ำหล่อเลี้ยงต้นโพธิ์
คำสั่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กักลมทิ้งไว้แล้วหายใจออกเบาๆ ยาวๆ ผ่อนคลาย
หายใจเข้า....จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ หัวไหล่ 2 ข้างลงไปที่ท่อนแขน 2 ข้าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก
หายใจเข้า....จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ หัวไหล่ 2 ข้างลงไปที่ท่อนแขน 2 ข้าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ ปลายนิ้วมือ หายใจออก
หายใจเข้า....จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ หัวไหล่ 2 ข้างกระดูกสันหลังลงไปก้นกบ ทะลุไปช่องท้อง สะดือ ลิ้นปี่ ราวนม 2 ข้าง หน้าอก ลำคอ ออกปาก
หายใจเข้า....จมูก ลำคอ ราวนม 2 ข้าง ลงไปลิ้นปี่ ช่องท้อง สะดือ หัวเหน่า ลงไป แยกไปที่ขาขวาและซ้าย หน้าขา ลงไปที่หัวเข่า หน้าแข้ง ลงไปข้อเท้า หลังเท้า ปลายนิ้วเท้า หายใจออก
หายใจเข้า....จมูก ลำคอ ราวนม 2 ข้าง ลงไปลิ้นปี่ ช่องท้อง สะดือ หัวเหน่า ลงไป แยกไปที่ขาขวาและซ้าย หน้าขา ลงไปที่หัวเข่า หน้าแข้ง ลงไปข้อเท้า หลังเท้า ปลายนิ้วเท้า หายใจออก
หายใจเข้า....จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ กระดูกสันหลังลงไปก้นกบ แยกลงไปที่ต้นขาด้านหลัง 2 ข้าง ลงไปที่ขาพับซ้ายขวา น่องซ้ายขวา ส้นเท้าซ้ายขวา ฝ่าเท้าซ้ายขวา ปลายนิ้วเท้า หายใจออก
หายใจเข้า....จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อม กะโหลกศีรษะด้านหลัง ต้นคอ หัวไหล่ 2 ข้างลงไปที่ท่อนแขน 2 ข้าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านล่าง ข้อมือ ฝ่ามือ หลังมือ ปลายนิ้วมือหายใจออก
สูดลมหายใจเข้า ปลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อมือ ท่อนแขนด้านล่าง ข้อศอก ท่อนแขนด้านบน รักแร้หัวไหล่ ต้นคอ กะโหลกศีรษะด้านหลัง กลางกระหม่อม หน้าผาก ออกจมูก
คำสั่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กว้าง ลึก เต็ม รู้ ให้ลมซ่านไปทั่วจนหน้าอกยกขึ้น รู้สึกสดชื่น โปร่งเบาสบาย ผ่อนคลาย ค่อยๆผ่อนลมออกยาวๆ เบาๆ ให้สัมผัสรู้ได้ถึงไอร้อนที่ออกตามรูขุมขนรอบตัว
คำสั่ง ทิ้งลมหายใจ ลองสำรวจดูภายใน สมองโลงไหม จิตใจว่างและกว้างขวางไหม การรับรู้
เฉพาะหน้าเกิดขึ้นไหม ผิวหนังรอบตัวรู้สึกตื่นตัวไหม จิตใจโปร่งเบาสบายไหม กล้ามเนื้อผ่อนคลายรึเปล่า
คำสั่ง หายใจเข้า ภาวนาว่าสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข
หายใจออก ภาวนาว่าสัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
จิตที่สงบระงับชั่วขณะหนึ่งมีอานิสงส์มหาศาลมากกว่าสร้างเจดีย์ร้อยองค์ สร้างพระประธานร้อยองค์เสียอีก จิตที่มีอิสระมีเสรีภาพปราศจากเครื่องร้อยรัดพันธนาการมีอานิสงส์ มากกว่าจิตที่สงบจากสมาธิร้อยพันนาทีด้วยซ้ำไป จิตที่ปราศจากเครื่องร้อยรัดนั่นคือจิตแห่งปัญญา เพราะรู้ชัด ในวางและว่างย่อมมีอานิสงส์มากกว่าจิตสมาธิ จิตสมาธิมีอานิสงส์กว่าสร้างเจดีย์และพระประธาน
สร้างพระประธานมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทาน มันจะเป็นลำดับไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึงต่ำสุดคือให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน ให้ทานสัตว์ใหญ่ได้อานิสงส์มากกว่าให้ทานสัตว์เล็ก สัตว์ที่รู้เดียงสามนุษย์ได้อานิสงส์มากกว่าสัตว์ไม่รู้เดียงสามนุษย์
คำสั่ง ยกมือไหว้พระกัมมัฏฐานแล้วลืมตา นั่งลง