จะเริ่มร่ำคำกลอนไว้สอนบุตร สงสารสุดนึกไปแล้วใจหาย
จะแลเหลียวเปลี่ยวอุราเอกากาย ไม่มีหมายหมดซึ่งที่พึ่งพา
จึงเรียกบุตรสุดที่รักมาพรักพร้อม ให้นั่งล้อมเรียงรายทั้งซ้ายขวา
แล้วมีรสพจมานสารสุภา- ษิตกถากล่าวร่ำเป็นคำกลอน
ทุกวันนี้มีแม่ผู้เดียวแล้ว โอ้ลูกแก้วเจ้าจงจำซึ่งคำสอน
อุตส่าห์เล่าเรียนวิชาให้ถาวร จะนั่งนอนหมั่นนึกเฝ้าตรึกตรา
อันวิชาพาตนให้ผ่องแผ้ว ดังดวงแก้วควรสงวนต้องควรหา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา จะช่วยพาชูตนให้พ้นภัย
อย่าเพลินเล่นเต้นร้องคะนองนัก ถนอมรักพี่น้องให้ผ่องใส
การสิ่งใดควรงด จงอดใจ อย่าทำให้ร้อนรานถึงมารดร
ผู้เป็นพี่นั้นต้องมีธรรมทั้งสอง จงตรึกตรองจำให้แน่แม่จะสอน
ถือขันติเมตตาสถาพร เป็นทางจรให้สมัครสามัคคี
แม้เป็นพี่มีจิตคิดฉุนเฉียว ไม่หน่วงเหนี่ยวไกล่เกลี่ยเสียวิถี
จะเกิดความลามลุกขึ้นทุกที จงปรานีออมอดสะกดใจ
เมื่อน้องผิดคิดพลั้งช่วยสั่งสอน อย่าค่อนขอดด่าว่าอัชฌาสัย
วาจานั้นจะทำให้ต่ำไป ดังพวกไพร่อันธพาลสันดานพล
เป็นผู้ใหญ่ไว้คมให้สมชั้น อย่าถึงดันเอาแต่ได้จะไร้ผล
อารีรอบพวกพ้องน้องของตน เป็นมงคลสุขสวัสดิ์ขจัดภัย
ผู้เป็นน้องนั้นก็ต้องเคารพพี่ ตามบาลีแบบโบราณท่านขานไข
อย่าถือผิดมาเป็นชอบประกอบใจ จงอยู่ในวาทีของพี่ยา
ประพฤติตนให้เป็นคนที่ว่าง่าย ไม่มุ่งหมายเคียดคิดริษยา
จะพูดจาสิ่งใดไว้อัชฌา ให้รู้ว่านั่นเป็นพี่นี่เป็นน้อง
อย่าทำดื้อถือทิฏฐิดำริผิด ไม่รู้คิดหนักเบาจะเศร้าหมอง
มีการกิจคิดให้งามตามทำนอง จงปรองดองหารืออย่าถือด
เมื่อพี่ว่าเจ้าอย่าท้าคารมตอบ ชอบมิชอบนิ่งไว้อย่าใส่สี
แม้เลียนล้อต่อปากให้มากมี จะราคีเคืองคำจงยำเกรง