กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ    ยันตัง  สันตัง  ปะทัง  อะภิสะเมจจะ
    กิจอันภิกษุผู้บำเพ็ญสมณธรรม    ผู้ฉลาดใคร่จะบรรลุซึ่งความ
    สงบพึงกระทำคือ
สักโก  อุชู  จะ  สุหุชู  จะ        
    พึงเป็นผู้อาจหาญ   เป็นคนตรง และเป็นคนซื่อ
สุวะโจ  จัสสะ  มุทุ  อะนะติมานี    
    เป็นผู้ว่าง่าย   อ่อนโยน และไม่เย่อหยิ่ง
สันตุสสะโก  จะ  สุภะโร  จะ        
    เป็นผู้สันโดษ  เป็นผู้เลี้ยงง่าย
อัปปะกิจโจ  จะ  สัลละหุกะวุตติ    
    เป็นผู้มีกิจน้อย    มีความประพฤติไม่สะสม
สันตินทริโย   จะ  นิปะโก  จะ    
    มีอินทรีย์อันสงบระงับ  มีปัญญารักษาตน
อัปปะคัพโภ   กุเลสุ   อะนะนุคิทโธ        
    เป็นผู้ไม่คะนอง       เป็นผู้ไม่พัวพันกับชาวบ้าน        
นะ  จะ ขุททัง   สะมาจะเร   กิญจิ   เยนะ  วิญญู  ปะเร  อุปะวะเทยยุง
    ไม่พึงประพฤติในสิ่งที่เลวทรามใดๆ   ที่เป็นเหตุให้คนอื่น
    ซึ่งเป็นผู้รู้ติเตียนเอาได้
สุขิโน  วา  เขมิโนโหนตุ  สัพเพ  สัตตา  ภะวันตุ  สุขิตัตตา
    จงเจริญเมตตาจิตว่า   ขอสัตว์ทั้งปวง   จงเป็นผู้มีความสุขกาย         
    สุขใจ  มีแต่ความเกษมสำราญเถิด
เย  เกจิ  ปาณะภูตัตถิ            
    สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย   ทุกเหล่า     ทุกสถานที่ที่มี
ตะสะ  วา  ถาวะรา  วา  อะนะวะเสสา
    ที่เคลื่อนไหวได้ก็ดี   ไม่เคลื่อนไหวก็ดี
ทีฆา  วา  เย  มะหันตา  วา  มัชฌิมา  รัสสะกา  อะณุกะถูลา
    เป็นสัตว์มีขนาดลำตัวยาว  ปานกลาง หรือสั้นก็ดี     เป็น
    สัตว์มีลำตัวใหญ่ ปานกลาง หรือเล็กก็ดี   เป็นชนิดมีลำตัว
    ละเอียดหรือมีลำตัวหยาบก็ดี
ทิฎฐา  วา  เย  จะ  อะทิฎฐา        
    เป็นจำพวกที่ได้เห็นแล้ว   หรือไม่ได้เห็นก็ดี
เย  จะ  ทูเร  วะสันติ  อะวิทูเร    
    เป็นผู้อยู่ในที่ไกล  หรือในที่ใกล้ก็ดี
ภูตา  วา  สัมภะเวสี  วา        
    เป็นผู้ที่เกิดแล้ว  หรือกำลังแสวงหาที่เกิดอยู่ก็ดี
สัพเพ  สัตตา  ภะวันตุ  สุขิตัตตา    
    ขอสัตว์ทั้งปวงนั้น     จงเป็นผู้มีความสุขกาย สุขใจเถิด
นะ  ปะโร  ปะรัง  นิกุพเพถะ        
    บุคคลไม่พึงข่มเหงกัน
นาติมัญเญถะ  กัตถะจิ  นัง  กิญจิ         
    ไม่พึงดูหมิ่นเหยียดหยามกัน       ไม่ว่าในที่ไหนๆ
พยาโรสะนา  ปะฏีฆะสัญญา   นาญญะมัญญัสสะ  ทุกขะมิจเฉยยะ
    ไม่พึงคิดก่อทุกข์ให้แก่กันและกัน    เพราะความโกรธ และ
    เพราะความแค้น
มาตา  ยะถา  นิยัง  ปุตตัง  อายุสา   เอกะปุตตะมะนุรักเข
    มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน   ด้วยการยอมสละชีวิต
    ของตนแทน ฉันใด
เอวัมปิ  สัพพะภูเตสุ  มานะสัมภาวะเย   อะปะริมาณัง
    พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่      อันหาประมาณมิได้ในสัตว์
    ทั้งปวง  แม้ฉันนั้นเถิด
เมตตัญจะ  สัพพะโลกัสมิง   มานะสัมภาวะเย    อะปะริมาณัง  
อุทธัง  อะโธ  จะ  ติริยัญจะ   อะสัมพาธัง  อะเวรัง  อะสะปัตตัง

    พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่    อันหาขอบเขตมิได้    อันไม่มี
    เวร    ไม่มีศัตรูคู่ภัยไปในสัตว์โลกทั้งสิ้น    ทั้งในทิศเบื้องบนใน
    ทิศเบื้องต่ำ และในทิศขวาง
ติฏฐัญจะรัง   นิสินโน  วา   สะยาโน  วา  ยาวะตัสสะ  วิคะตะมิทโธ
    ผู้เจริญเมตตาจิตอย่างนี้นั้น    ปรารถนาจะตั้งสติในเมตตาญาน
    ให้นานเพียงใด    ท่านผู้นั้นจะอยู่ในอิริยาบถยืน  เดินนั่งหรือนอน
    ก็ตาม     พึงเป็นผู้ปราศจากความท้อแท้
เอตัง  สะติง  อะธิฏเฐยยะ          
    ก็จะตั้งสตินั้นไว้ได้นานเพียงนั้น
พรัหมะเมตัง  วิหารัง  อิธะมาหุ    
    บัณฑิตทั้งหลาย   กล่าวเมตตาวิหารธรรมนี้ว่า    เป็นพรหมวิหาร
    ในพระศาสนานี้
ทิฏฐิญจะ  อะนุปะคัมมะ  สีละวา    
    บุคคลผู้นั้น ละความเห็นผิด  คือ สักกายทิฐิเสียได้   เป็นผู้มีศีล    
ทัสสะเนนะ  สัมปันโน        
    ถึงพร้อมแล้วด้วยญาณทัสนะ   คือการเห็นอริยสัจ 4
กาเมสุ  วิเนยยะ  เคธัง        
    สามารถกำจัดความยินดี    ในกามทั้งหลายเสียได้
นะ  หิ  ชาตุ  คัพภะเสยยัง  ปุนะเรตีติ.    
    ย่อมไม่กลับมาเกิดในครรภ์อีก   ดังนี้แล