15 เม ย  2554 10.00 น.  ถอดเทป วันสงกรานต์ องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ

แสดงธรรม
• ทำบุญแบบไม่ใช้ปัญญา
• ดีเทียม มันไม่ควรจะเข้าใกล้ ทำเท่าไหร่มันก็สูญเปล่า
• หลวงปู่เล่าประสบการณ์ทางวิญญาณตรง ที่ป่า ลำอีซู 10 เม ย 54
• กติกาป่า ถ้าเจ้าของวางใจแล้ว ปล่อยละทิ้ง ก็เป็นสมบัติของป่า
เจริญธรรม เจริญสุข สวัสดี ปีใหม่ วันมหาสงกรานต์ของพี่น้องชาวไทย
ให้รุ่งเรือง ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว มีผัวน่ารัก มีเมียซื่อสัตย์กตัญญู มีลูกหลาน

สำนึกในบุญคุณพ่อแม่ มีบริวารซื่อตรง เชื่อถ้อยฟังคำ มีอะไรๆ ก็ขอให้ดีทั้งหมดก็แล้วกัน
ขออนุโมทนาในบุญกุศลคุณงามความดีที่ลูกหลานพากันมาช่วยกันทำก่อนหน้านี้ 1

สัปดาห์ แล้ววันนี้อีก ก็คือกระบวนการรวบรวมข้าวสาร อาหารแห้ง สิ่งอำนวยความสะดวก

เครื่องอุปโภค บริโภค ไปให้กับพี่น้องชาวใต้
แล้วก็จะประชาสัมพันธ์แจ้งว่า ข้าวสารวันนี้ที่พวกท่านใส่มา ข้าวสาร อาหารแห้ง เค้าจะมี

ขบวนการจัดแบ่งใส่หีบห่อ แล้วก็เอาไปให้พี่น้องชาวใต้อีกรอบหนึ่ง หลังจากเค้าไปกันมา

ส่งไปแล้ว 2 รอบ แล้วก็ตอนพักเที่ยง เค้าจะมีพวกแม่ครัวที่เค้าไปช่วย ถือว่าเป็นผู้กล้า

ทำหน้าที่แทนหลวงปู่ เค้าจะไปช่วยทำครัวเลี้ยง วันนึงเห็นว่า 2,500 กล่อง ทำอยู่

ประมาณซักร่วมๆ อาทิตย์กว่าๆ ปัจจัยก็ผ้าป่าที่พวกท่านถวายเมื่อครั้งที่แล้ว หลวงปู่ยกให้

เป็นทุนสำหรับไปซื้อของสดประกอบเลี้ยง
ตอนนั้น หลวงปู่อยู่ป่า เค้าก็แจ้งกลับมาว่า มันไม่พอ ก็ให้มูลนิธิฯเบิกไปอีก 5 หมื่นบาท

ให้เค้าสมทบทุน แล้วก็กำชับเค้า สั่งว่าอยู่จนกว่าพี่น้องเค้าจะช่วยเหลือตัวเองได้ ตรงไหนที่

ช่วยตัวเองได้แล้ว ก็ขยับไปที่เค้าช่วยตัวเองไม่ได้ เค้าลำบาก ไปจนกว่าทุกภาคทุกส่วนเค้า

สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเอง หุงหาเลี้ยงอาหารตัวเองได้ เราค่อยกลับ เห็นว่าเค้ากลับแล้ว

กลับมาแล้วหรือยัง ไม่แน่ใจว่ามีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่อง
อยากบอกพวกท่านว่า ข้าวสารอาหารที่พวกท่านใส่ในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็จะกันไว้สำหรับให้

พระเณรฉัน ที่เหลือนอกนั้นก็จะเอาไปใส่หีบห่อ หรือไม่ก็ไปทำเลี้ยง ไปทำโรงครัวเคลื่อนที่

ซึ่งในคราวที่ผ่านมา ส.จ.เคี้ยงเค้าก็เอาคนขับเอารถ 10 ล้อไปช่วย เพราะรถวัดเสีย

แล้วเห็นว่าซ่อมได้แล้ว ก็ตามไปทีหลังหรือยังไง
ก็ขออนุโมทนาบุญของลูกหลานที่ช่วยกันทำ แล้วก็แบ่งบุญครั้งนี้จงมีส่วน ขอท่านทุกคนจง

มีส่วนในบุญอันเป็นมหากุศล คุณงามความดี ต้องถือว่าเป็นมหากุศล เพราะทำด้วยความ

ชาญฉลาด ไม่เหมือนกับบุญที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นมหากุศล แต่ก็ขอ

อนุโมทนา ขอให้ผลบุญครั้งนี้จงย้อนกลับไปหาท่าน ครอบครัว บริษัทบริวาร ตระกูลวงศ์

เป็นสิบเท่าพันทวีด้วยเทอญ
ทีนี้ก็มาพูดถึงบุญที่ไม่เป็นมหากุศล ไม่เป็นมหากุศลคือ บุญที่ไม่ใช้ปัญญา กุศลแปลว่า

ปัญญา ตัวอย่างเช่นในเวลาที่ผ่านมา หลวงปู่พาเณรไปธุดงค์ในป่า ผลปรากฏว่า มีคนทำ

บุญที่ไม่ใช้ปัญญา คือ เอาขนมขบเคี้ยว กรอบแกรบทั้งหลาย อ้ายพวกอาหารปัญญาอ่อน

ขนมกินปัญญาอ่อนน่ะ ให้เด็กกินเข้าไปแล้วปัญญาอ่อน เพราะว่าทำจากแป้งกับผงชูรส

แล้วก็เครื่องปรุงกลิ่นปรุงสี มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกเสียจากทำลายสุขภาพ ทำให้เกิด

อาการร้อนใน แล้วของพวกนี้ มันกินเข้าไป ถ้าไม่มีน้ำหวาน มันก็ไม่ชอบกินน้ำ มันต้องมี

โค๊ก มีโคลา มีเป๊ปซี่ มันถึงจะชอบกิน
เพราะงั้นน้ำเปล่า เมื่อมันไม่กิน แต่วันนึงมื้อนึง มันได้ของพวกนี้ไปกิน คนนึง 5 ห่อ 3

ห่อ อ้ายห่อเดียวมันไม่เจอ แล้วมันไม่กินน้ำ ทีนี้ มันก็เข้าไปดูดน้ำในลำใส้ ในกระเพาะ ทำ

ให้ร้อนใน แล้วก็ขี้แข็ง ขี้แห้ง แล้วทีนี้เกิดโรคตามมาก็คือ ร้อนใน ตาแฉะ เป็นไข้ อย่างนี้

เค้าเรียกว่า กินแล้วปัญญาอ่อน เพราะคนทำบุญไม่ใช้ปัญญาทำไง ทำบุญน่ะ ทำบุญแต่ไม่

ใช้ปัญญาทำ คิดแต่ว่า เออ เค้ากินกันอย่างนี้ ก็ถวายมันตะเพิด ถวายอย่างนี้ แต่หารู้ไม่ว่า

ทำร้ายเด็ก ทำร้ายไม๊ ทำร้ายแล้วทำทำไม
มันทำร้ายเด็ก ทำให้เด็กเสียนิสัย เพราะไม่รู้จักว่า อะไรเป็นสาระ อะไรเป็นอสาระ
อย่างนี้ เค้าเรียกว่า ทำบุญแบบไม่ใช้ปัญญา
ทำบุญแบบใช้ปัญญาก็อย่างเมื่อเช้า ทุกคนรู้ว่าหลวงปู่จะเอาข้าวสารอาหารแห้งไปบริจาค

ให้กับคนยากคนจน คนประสบอุทกภัย ทุกคนก็หลามไหลเข้ามา เอาข้าวสารอาหารแห้งมา

ช่วย อย่างนี้เรียกว่า ทำบุญใช้ปัญญา  เพราะรู้ว่าของนี้จะไปประกอบเลี้ยงกับคนตกทุกข์ได้

ยาก ลำบากลำบน นอกจากพระเณรได้แล้วก็ชาวบ้านผู้ร่วมชาติยังมีส่วนได้ อย่างนี้น่ะ ทำ

บุญใช้ปัญญา อ้ายทำบุญถวายอาหารปัญญาอ่อนเนี่ย ไม่ได้ใช้ปัญญา มันไม่ได้ใช้ปัญญา

แล้วทำลายด้วย
อีกประการหนึ่ง คือ ศรัทธาอยากจะถวาย ตะบันรอใส่บาตรจนเณรได้มาเต็มบาตร ล้นบาตร

หรือว่ากินไม่เข้า กินไม่เข้าแล้วมันเกิดอะไรขึ้น พระพี่เลี้ยงเค้าก็ต้องบังคับให้กินให้หมด

อ้าว กินไม่หมดก็ต้องมานั่งเฝ้ามัน บ่าย 2 โมงแล้วมันยังไม่หมดบาตรเลย ต้องมานั่งเฝ้า

มัน อ้ายอย่างนี้เค้าเรียกว่า ทำบุญไม่ใช้ปัญญา คืออยากให้ แต่ไม่คำนึง ไม่ถามว่าเด็กตัว

เล็กๆ มันจะกินหมดไม๊ ในสิ่งที่เราให้ แล้วเป็นการฝึกนิสัยเด็กให้เป็นคนละโมภ มักง่าย

ทำลายอาหารของโลกและสังคม
หลวงปู่บอกว่า อ้ายที่มึงทิ้งๆ แล้วกินเหลือเฟือเนี่ย ถ้าทางใต้ เค้าเดือดร้อนไม่มีอะไรจะกิน

เนี่ย จะเลี้ยงคนได้อีกเท่าไหร่
เพราะงั้น พ่อแม่คุณญาติทั้งหลาย ผู้ปกครองที่รัก ถ้าศรัทธา จงใช้ปัญญาด้วย อย่าทำร้ายเด็ก

อย่าให้เด็กต้องมารับโทษ รับทัณฑ์ รับกรรม แล้วพี่เลี้ยงก็มีกรรม ไม่ได้ไปทำห่าอะไรหรอก

มานั่งมันอยู่ในบาตรนี่แหละ เออ นั่งจ้อง กินสิ ๆ เป็นบาป เป็นกรรมหนักอีก แล้วเสียเวล่ำ

เวลา แทนที่จะเอาเวลาไปพักผ่อน ดูแลสุขภาพลานามัยอะไร ต้องมาเฝ้าบาตรอยู่อย่างนั้น

แหละ
ศรัทธาไง ตะบันใส่เสียใหญ่ ไม่ถามว่า พอไม๊เณร เณรฉันหมดไม๊ เณรฉันไม่หมดก็บอก

โยมนะ โยมจะได้ไปให้คนอื่น หรือว่าเก็บไว้ให้ผู้อื่น มันไม่เสียหายอะไร ถ้ามันเก็บได้

อย่างนี้
งั้นอ้ายศรัทธาที่ไม่ใช้ปัญญา มันทำลายประเทศ ทำลายแผ่นดิน ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลาย

อาหารของโลกและมนุษยชาติ ทำลายประโยชน์ แล้วก็ฝึกนิสัยเป็นคนละโมภ มักมาก

อยากได้ ไม่เห็นคุณค่าก้อนข้าวหยดน้ำและคุณค่าของสิ่งแวดล้อมให้แก่เด็ก แล้วโตขึ้น มัน

จะมีลักษณะที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร
เพราะงั้น หลวงปู่ที่นี่ไม่ได้สอนธรรมะอะไร สอนเรื่องพวกนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ พวกมึงไม่

ได้สอน กูเชื่อว่า พวกมึงไม่ได้สอน มีอะไรก็ตะบันกินเข้าไป ลูก ชอบอะไรก็ซื้อๆ เออ

ตะบันเข้าไป จนกลายเป็นพวกเสพนิยมไง ติดวัตถุนิยมไป หลงละเมอ เพ้อพกไปกับเครื่อง

มือเครื่องไม้ เสพจนลืมไปว่า สิ่งที่เสพนั้นมันมีสาระหรือไม่มีสาระ
ดูตัวอย่างง่ายๆ หลวงปู่สอนกรรมฐาน ซัก 5 นาทีที่มันจะมีสติ มันไม่มี มันไม่มี มันอยู่

กับกรรมฐานแค่นาที 2 นาที ก็วิเศษ ล่ะ นอกนั้นมันก็สัดส่ายล่ะ มองไปมองมา เราก็เลย

บอกว่า เณร ธรรมะของพระพุทธเจ้า 84,000 ข้อนี่ ไม่ได้สอนเรื่องอื่นนะ สอนให้ดู

ตัวเอง อย่ามัวแต่ไปดูคนอื่น รู้จักดูตัวเอง เพื่อให้ตัวเองได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนิสัย

แก้ไขพฤติกรรม
มันมีตาไว้ดูคนอื่น แล้วมันดูใคร มันดูพ่อแม่มันยืนอยู่ตรงไหน แม่มันยืนอยู่ตรงไหน แม่

มันอยู่ทิศไหน มันคอยชะเง้อมอง นี่คือ เป็นที่มาว่า  ห้ามญาติเยี่ยมไง พอมันมาเยี่ยมแล้ว

มันไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ที่จะปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์ไง อ้ายเก่าๆ ก็พอทำเนา

อ้ายใหม่ๆ มันไม่เคยเห็น พอเห็นแม่มา ร้องไห้ กอดแขน กอดแข้ง อยากสึก อ้าว ซวยกูอีก

ต้องมานั่งปลอบอีก
เพราะฉะนั้น เค้าเรียกว่า ศรัทธาไม่ใช้ปัญญา พ่อแม่น่ะรักลูกจริง แต่รักลูกแล้วไม่ถูกวิธีไง

ไม่รู้ว่าเราจะฝึกลูกอย่างไร  พอมีคนเค้ารู้วิธีฝึก ก็ดันมายืนเชียร์เสียอีก เออ ลูกจะลำบาก

ลูกจะทุกข์ยาก มันไม่ตายหรอก ถ้าตายกูไม่เลี้ยง กูไม่ปล่อยไว้หรอก
ขนาดเณรไปอยู่ในป่า 2 คน ทีแรกมันจะเป็น 2 ศพ  กูยังตามเอาศพคืนมาจากเจ้าป่าได้

เลย  งั้นไม่ต้องห่วงว่า ลูกมึงอยู่ที่นี่แล้วมันจะตาย แต่อ้ายที่น่ากลัวและน่าห่วงก็คือ ไปแบบ

ซากน่ะ มันจะมีแต่ซากไป ไม่มีคุณธรรม ไม่มีคุณสมบัติอะไรติดตัวไป เอาแต่ใจตัวเอง

จับจด ทำอะไรไม่สำเร็จประโยชน์ แค่ระยะเวลาไม่กี่นาที ยังรักษาสติให้อยู่กับตัวไม่ได้ ยัง

ว๊อกแว๊กๆ สับสนวุ่นวาย ไม่ได้
นี่เค้าเรียกว่า ทำบุญไม่ใช้ปัญญา ไม่มีความฉลาด เรียกว่า ไม่มีกุศล กุศล แปลว่า ความ

เจริญ ความชาญฉลาด รุ่งเรือง ความเป็นผู้มีโชคดี
เพราะงั้นจึงอยากจะฝากบอกท่านที่รักทั้งหลายว่า ที่อื่น เค้าอาจจะกลัวว่า โยมจะไม่เข้าวัด

เลยพูดจ๊ะจ๋า โยมจ๊ะ โยมจ๋า ให้มากก็ดี  ดีทั้งนั้นแหละ ให้ขี้ก็ดี ให้เยี่ยวก็ดี ให้ของดีก็ดี ให้

ของไม่ดีก็ดี ดีทั้งนั้น แต่ที่นี่ ไม่ได้ มึงให้ของไม่ดี กูด่า แม้ให้ของดีแล้วมันเป็นโทษ ก็ด่า

ของดีแล้วมันเป็นโทษต่อพระ ต่อเณร ต่อธรรม ต่อวินัย ต่อสำนึกดีๆ ของมนุษย์ ไม่ได้

ยอมไม่ได้
หลวงปู่ไม่กลัวใครไม่เข้าวัด แต่กลัวใครทำไม่ดี กลัวใครพูดไม่ถูก กลัวใครคิดไม่ถูก กลัว

ใครไม่ซื่อตรงต่อตนและคนรอบข้าง นั่นคือสิ่งที่กลัว
ทุกวันนี้ที่สังคมมันแย่ ก็เพราะคนแบบนี้มีเยอะมาก
งั้นหลวงปู่ไม่กลัวพ่อแม่คนไหนมันด่า ทีแรกมันปักกลดอยู่ พอโดนด่า มันเก็บเต็นท์ขึ้นรถ

ไปเลยอย่างนี้ ช่างมัน ก็ไม่ได้บอกว่า เราจะด่าให้มันไป แต่เราด่าให้มันคิด ถ้ารู้จักคิด ก็จะรู้

ว่า นี่เรากำลังสอน แต่เผอิญอาตมาเป็นคนพูดไม่เพราะไง พวกเถื่อนๆ บ้านนอก พวกความ

รู้ต่ำ ความทะเยอทะยานสูง ดีอยู่หน่อยเดียว ก็คือหล่อแบบอาโน ดมชะแลกเกอร์ อะไร

อย่างนี้ มันก็เลยได้ประมาณนี้ กูคนเถื่อนน่ะ คนไม่ได้พัฒนาอะไรเยอะแยะ แต่ว่าออกจาก

ใจ หวังดีให้ลูกหลานได้รับสิ่งดีๆ รับสิ่งที่เป็นปัญญา
แล้วเวลากูสอนเด็กๆ  กูจะสอนเหมือนกับที่เรารู้สึก รู้สึกว่า เออ อ้ายสถานการณ์อย่างนี้

กิจกรรมอย่างนี้ พิธีการแบบนี้ ควรจะเรียนรู้ศึกษาอะไร ไม่ใช่มีตารางพิเศษสำคัญอะไร

มองแต่ละคนว่า อ้ายคนนี้จะเรียนอะไร อ้ายคนโน้นควรจะฝึกแบบไหน อ้ายคนนี้ควรจะ

ดัดนิสัยอย่างไร
จึงอยากจะฝากบอกว่า อะไรที่มันเป็นกุศล ทำไปเฮอะ กุศลแปลว่า ความฉลาด ศรัทธาแล้ว

มันมีกุศลนะ ทำเฮอะ คือศรัทธาแล้วฉลาดน่ะ ทำไปเถอะ แต่ศรัทธาแล้วโง่ อย่างที่ยก

ตัวอย่างให้ฟังว่า วันมาฆบูชาที่ผ่านมา พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องโอวาทปาติโมก หัวใจ

สำคัญของพระพุทธศาสนา 3 อย่าง
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง   การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสะลัสสูปพสัมปะทา    การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง    การชำระจิตของตนให้ผ่องใส
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง    ธรรม 3 อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าบอกให้ทำดีอย่างฉลาด ทำดีอย่างฉลาด ตัวอย่างเช่น คนใส่บาตร มีคนใส่บาตร

เดินบิณฑบาตร 9 โมงยังบิณฑบาตร ก็ใส่ อย่างนี้โง่หรือฉลาด พระจริงที่ไหนจะมาบิณฑ

บาตร 9 โมง ยกเว้นเดินในวัด แบบกูเดินอย่างนี้ เออ เดี๋ยวมันจะเข้าตัวไง ต้องกันไว้ก่อน

กลัว ไม่เผลอหรอก มันจะมาต๊ะกูไม่ได้หรอก เออ เดินในวัด มันจะเดินซัก 10 โมง อย่า

เลยเที่ยงก็แล้วกัน เออ แต่อ้ายเดินนอกวัด 9 โมง 10 โมง เดินบิณฑบาตร แล้วเราใส่

ให้พวกนี้เนี่ย มันก็ไปเลี้ยงลูกหลานมัน มันพระปลอมมา แล้วเราเป็นคนศรัทธาแบบโง่ๆ

เราก็สนับสนุนให้คนทำอาชีพชั่วๆ แล้วก็มาทำร้ายพระศาสนา ทำลายสังคม อย่างนี้ มันจะ

เรียกว่า มีความฉลาดได้ไง
ศรัทธาโง่ ศรัทธาแบบโง่ ศรัทธาให้เค้าหลอก เค้าต้มได้ ทำดีแต่โดนต้มนี่ จะเรียกว่าทำดีได้

ไง เพราะว่า ดี ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ดีแท้    ดีเทียม แล้วจะเรียกว่า ทำดีได้อย่างไร ดีแท้ มัน

ต้องรู้ให้ชัดว่า ดีเป็นอย่างไร เรียกว่าดีแท้ๆ อ้ายดีเทียม มันไม่ควรจะเข้าใกล้ ทำเท่าไหร่

มันก็สูญเปล่า  เหมือนกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แล้วก็จะได้รู้ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่

ควรทำ อะไรควรให้ อะไรไม่ควรให้
งั้นเลยสั่งไว้เลย ต่อไปนี้ ถ้าเห็นอ้ายอาหารปัญญาอ่อนเข้ามาในวัดอีกนะ มึง กูจะด่าไม่เลิก

เลย แสดงว่า มึงมีความโหดร้ายมาก
คือเด็กสมัยนี้ หลวงปู่บอกกับเด็กๆ เณรรุ่นนี้ว่า เณรสมัยนี้ รู้ไม๊สัญญาลักษณ์ของเยาวชน

คนรุ่นใหม่ของชาติคืออะไร ไม่ใช่เด็กฉลาด ชาติเจริญ หรือเด็กขยันหมั่นเพียรกตัญญูอะไร

ไร้สาระให้มากน่ะ คือเด็กไทย ไม่ค่อยมีสาระอะไรกับเด็กไทยแท้ๆ  ถ้ามีสาระไม่ค่อยใช่

เด็กไทยหรอก  เด็กนอก      เด็กต่างชาติ เด็กต่างประเทศ ถ้าไร้สาระเยอะๆ ทำตัวไร้สาระ
เมื่อเช้าจัดรายการวิทยุ พิธีกรมันบอกว่า ผมขับรถผ่าน หลวงปู่ เด็กผู้หญิงมันเล่นน้ำ มันนุ่ง

กางเกงสั้นจุ๊ดจู๋ แล้วมันก็ดิ้นๆ เป็นไส้เดือน แล้วอ้ายพิธีการก็บอกว่า ไม่รู้ว่าเค้าจะเกรงใจ

คนดูหรือเปล่า  เราก็เลยบอกว่า อ้ายคนดูไม่รู้สึกอะไรหรอก มีแต่คุณรู้สึกล่ะสิ แล้วที่แย่ๆ

ก็คือ พ่อแม่จะคิดยังไง ไร้สาระเอาไว้ให้มาก กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ เค้าเล่นข้ามคืนกันนะ

ออกแต่เช้า กลับรุ่งขึ้นอีกเช้านึง
เออ สงกรานต์หาผัว สงกรานต์หาเมีย อะไรอย่างนี้ เล่นสงกรานต์ข้ามคืน ที่ไหนเค้าทำก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น เราสนับสนุนความสุขมันจนลืมเลยไง เหมือนๆ กับที่มันแบบที่พระเณรไป

อยู่ป่า
เดี๋ยวเล่าประสบการณ์ทางวิญญาณตรงให้ฟัง
อ้ายเณรรุ่นนี้ไปอยู่ป่า ก็มันก็ร้อนใช่ไม๊ ก็มีอยู่วันนึง ( วันอาทิตย์ 10 เม ย 2554)

ใกล้ๆ จะกลับแล้ว วันพรุ่งนี้จะกลับ ก็เออ วันนี้ให้โอกาสเตรียมฉันเสร็จเรียบร้อย ก็สะพาย

บาตร แบกอาสนะ แล้วก็เดินชักแถวเข้าไปสู่ป่าลำอีซู ป่าน้ำตก ให้ไปอาบน้ำ ซักผ้า ผ่อน

คลายบ้าง เพราะเครียดมาทั้งวัน
ถามว่า ทำไมถึงเครียด เพราะอยู่ที่นั่น เณรมันไม่พกบาตรนี่ มันต้องพกหม้อกับกะทะกับ

ตะหลิวนี่ ก็มึงเคยกินข้าวสารแช่น้ำไม๊ล่ะ เพราะว่ามีเวลาไม่มากไง เผอิญติดไฟ หมดไป

ครึ่งชั่วโมง ติดไฟฟืนน่ะหมดไปครึ่งชั่วโมง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ข้าวก็ยังไม่ทันสุก

เผอิญหมดเวลาแล้ว  สัญญาณระฆังต้องฉันเพล ทุกคนก็เลยยืนดู อ้ายอ้วนมาจากที่หลัง มัน

นึกว่าข้าวสุก บอกหลวงพี่ๆ จัดหนักๆ ให้ผมเลยนะ หลวงพี่ มาเลย มึงมาก่อนเลย เอาไป

หนักๆ ก่อนเลย ว่าแล้วก็ตักข้าวสารแช่น้ำ เพราะข้าวมันยังไม่ทันสุก มึงหลับตานึกดูว่าเป็น

ไง อ้ายอ้วนทำตาปริบๆ เบาๆ ก็ได้หลวงพี่ มื้อนี้ไม่ต้องหนักนัก หลวงปู่ก็ไปเดินดู อีกหมู่

นึงทำไข่ตุ๋น น้ำครึ่งบาตร ไข่ 5 ลูก แล้วก็ตั้งไฟนะ ไฟก็ดับๆ ติดๆ ควันโขมง เค้าเรียก

ครัวควันโขมง หมดไปแล้วครึ่งชั่วโมง ไข่ยังไม่แข็งเลย มันก็กินกันได้แหละ  ถามว่าอร่อย

ไม๊ อร่อย มีความสุขดี  เออ แตงกวาไข่คน มันทำไงรู้ไม๊ เอาแตงกวาลงไปทอด ทอดเสร็จ

แล้วขึ้นมา ก็ตอกไข่ลงไป กูเดินไปดู เออ เข้าท่านี่ เมนูอะไรของมึงว่ะเนี่ย เค้าว่า แตงกวาไข่

 เออ ใช่ๆ เมนูนี้น่าสนใจ พอมึงเอาไข่ตอกใส่เข้าไปแล้วคน คน นะ ไข่นี้เค้าไม่ต้องทำให้สุก

ลูก     มันก็เชื่อเว้ย  มันตอกไข่ใส่เข้าไป 10 ใบ คนใหญ่เลย พอคนแล้ว เห็นไม๊ๆ มึง

เหมือนราดหน้าเลย ใช้ได้เลย กูบอก
โอ้โฮ้ เราเห็นมัน ทรมานมันเยอะแล้ว ให้มันพึ่งตัวเอง มันเครียดเข้า ก็เลยวันนี้มึงไป เดี๋ยว

ให้โรงครัวเค้าทำ เอ้า อบรมกรรมฐานก่อน สอบกรรมฐาน ถ้าใครชนะ ก็มีน่องไก่ทอด

ตำส้มตำ แล้วก็   ข้าวเหนียว อ้สยคนแพ้ก็มีซี่โครงไก่ทอด มะละกอ 1 ใบ แล้วก็ข้าว

เหนียว 1 ถ้วย เอาไปนึ่งกันเอาเอง ผลปรากฏว่า กูก็ไม่ใจไม้ใส้ระกำ เออ ทำๆ ให้มันเถอะ

มันก็แพ้หมดทุกหมู่แหละ ไม่มีหมู่ไหนชนะเลย ไม่มีใครได้คะแนนซักอย่าง
สุดท้ายก็ไปอยู่ป่า ก่อนจะไป เราก็ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว ที่จริงน่ะไม่อยากให้ไปหรอก เช้า

ก็สั่งพระพี่เลี้ยงว่า พระทุกองค์ถ้าจะไปต้องรับผิดชอบเอง เกิดอะไรขึ้น ต้องรับผิดชอบ ไม่

ว่าอะไรจะเกิดอะไร พระพี่เลี้ยงต้องอยู่กับเด็ก แล้วหลวงปู่ก็ให้เค้าเดินกันไป เราก็  วันนั้น

มันจิตใจไม่ค่อยสบาย ก็นั่งรถออกไป เออ เก้งตัดหน้า เก้งอยู่ป่าข้างใน มันวิ่งตัดหน้า เราก็

ให้มันจอด อ้ายตำรวจ มึงจอดรถ อ้ายเก้งมันตกใจไง มันวิ่งเข้าไป จะไปหาชาวบ้าน เดี๋ยวก็

ชาวบ้านยิง ก็เลยจอดสุ้มจนกระทั่งเก้งมันกลับมา แล้วเราค่อยไป ออกไปอีกหน่อยนึงก็เจอ

วัว พวกเค้าผูกวัวไว้ เชือกมันกับขาหลังมัน จมูกมันกับขาหลังมันห่างกันแค่ 2 ศอก แล้ว

วัวมืท้อง เพราะเชือกมันพันตีนมัน แล้วหัววัวก็แทบจะไปติดเชือก แล้วมันก็ดิ้น จนกระทั่ง

จมูกฉีก เลือดไหล เราก็เลยให้ตำรวจกับทหารช่วยแก้วัว แก้วัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว สั่งงาน

แล้วก็เข้าไปป่า ตามเณรไป ตามไปก็ไข้ขึ้นแล้ว ก็เอ้ย มึงกางโต๊ะเตียงนอนให้กูตรงนี้ กู

นอนอยู่ใกล้ๆ เณรเนี่ย แล้วก็อนุญาตให้เณรลงน้ำ ซักผ้าซักผ่อน อ้ายพี่เลี้ยงพระใหม่หลาย

ตัว 5-6 ตัว ต้องเรียกเป็นตัว เพราะมันฝืนคำสั่ง เพราะสั่งแล้วตอนเช้าให้อยู่กับเด็ก มัน

แถออกไปนู้นเลย เข้าป่าลึก แล้วมันไป เณรโตๆ ก็ตามสิ เณรตามไป เราก็บอก บ่าย 2

โมงมารวมตัวกันพร้อมเดินทางกลับ เพราะมันต้องเดินทางกลับประมาณซัก 3-4 กิโล
เอ้า บ่าย 2 โมง เดินทางกลับ ผลปรากฏว่า 2 โมงแล้ว มันก็ยังไม่ลงมา 2 โมงเศษๆ

มันลงมา ทำนิ่งไม่พูดอะไร เณรที่เสร็จแล้วเค้าก็รีบทะยอยเดินไปเป็นแถวๆ มีป่าไม้กับ

ตำรวจตระเวนชายแดนเค้านำ หลวงปู่ก็ปิดท้าย รอสุดท้ายสุด ผลปรากฏว่า อ้ายเณรอยู่ 4

-5 คน วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา เราก็ถาม มึงไปไหนมาเนี่ย เณรตัวโต ไปตามเพื่อน

ครับ ตามเพื่อนที่ไหน เพื่อนผม 2 องค์ เข้าไปในป่าลึก เรามองพระพี่เลี้ยงที่มันตามมา

เดี๋ยวกูกลับไป กูจะชำระ รู้ทันทีว่ามันพาเณร ไม่ใช่พาเณร มันออกไปปลีกวิเวกหาความ

สำราญเฉพาะตน เสร็จแล้วก็บอก มึงกลับไปเลย แล้วแทนที่พี่เลี้ยงมันจะไปตามเณร มัน

ไม่ไปนะ มันลงมา แล้วปล่อยให้อ้ายเณรเพื่อนกันตามหากันอยู่ สุดท้ายมันก็กลับ
หลวงปู่ก็มองซ้ายมองขวา เหลือกูคนเดียว ทำไงว่ะ อ้าว แล้วเณรอยู่ในป่าลึก 2 องค์ ก็

ตำรวจตระเวนชายแดน บอก เฮ้ย หมอ เค้าเป็นหมอ มึงไปช่วยกู ไปหาเด็กหน่อย ผมเป็น

เก๊าส์ หลวงปู่ ผม ข้อกระดูกไม่ดี เป็นเก๊าส์ พอมันพูดอย่างนี้ เราก็ไม่พูดอะไร เดินเฉย เฮ้ย

มึงไปเรียกป่าไม้มา มันก็ไปเรียกป่าไม้ ตาลุงแก่ๆ อายุประมาณเนี่ย ประธานกูนี่แหละ

เท่าอ้ายพงษ์ศักดิ์ อ่อนเดือนอ้ายพงษ์ศักดิ์หน่อย กูมองท่ามันแล้ว ไอ้ห่า นี่กูจะไปแบกมัน

อีกซักคนล่ะมั๊งเนี่ย ให้เธอไปตามหรือว่าจะไปช่วยมันพยุง มันก็ไป บอก มึงไปทางซ้าย กู

จะไปทางขวา คนละฝั่งกับน้ำตก
หลวงปู่ไป ก็ไปอ้ายตรงที่เราปักกลดเก่าสมัยก่อน มันมีวังน้ำ มีท่าน้ำ มีอ่างอะไรต่ออะไร

น้ำเยอะ ก็ไปถึง ไปดู โอ้ รอยตีนเพียบเลย แถมมีแก้วน้ำ มีขี้บุหรี่ เราก็  แล้วมีเบอร์กับ

รองเท้าด้วย ไอ้ห่า พวกนี้มันมาผิดสมณะสารูป มอมเมานี่หว่า มาสนุก ไม่รักษาวินัย ไม่

รักษากติกา
เดินกลับ เรานึกว่า กรรมครั้งนี้ให้มันตกอยู่กับอ้ายคนที่พาเด็กมา พอเดินกลับมาถึงข้างล่าง

มันไม่ใช่ใกล้นะ 2 กิโลกว่า เดินกลับลงมาถึงข้างล่าง ถาม เค้ามีพระอยู่องค์นึง ขาเจ็บเดิน

ไม่ได้ เค้ารอไปรถ บอก อ้ายป่าไม้มาหรือยัง  ยัง  แล้วเณรมาหรือยัง  ยัง  ป่าไม้ยังไม่มา

เกิดผัวเค้าตายขึ้นมา กูยุ่งใหญ่เลย ใช้เค้าไปนี่หว่า
นึกในใจ ต้องกลับไปหา ไปทวง เพราะว่ากติกาป่า ถ้าเจ้าของวางใจแล้วปล่อยละทิ้ง ก็เป็น

สมบัติของป่า อีตอนแรกเราก็หมั่นไส้มัน เดินกลับก็วางใจ แต่เที่ยวที่ 2 นี่ไม่วางใจ ก็ต้อง

ไปทวงกลับ ก็เลยกลับไปที่เก่า กลับไปที่เก่า ก็ไปเจออ้ายป่าไม้นั่นแหละ นั่งหอบอยู่ใกล้ๆ ว่า

หลวงปู่      ผมเจอเบอร์กับเจอแก้วน้ำ บอก  กูเจอก่อนมึง มึงมาทำอะไร แล้วมึงไปหาใคร

ผมไปจนสุดแล้วแม่น้ำ น้ำตกก็ไม่เจอ อ้าว อย่างนี้มึงก็กลับแล้วกัน มึงอยู่ฝั่งโน้น ถ้ามึงจะ

ช่วยกู มึงก็อยู่ฝั่งโน้น กูจะเดินขึ้นเขา อ้ายเด็ก 2 คนมันจะต้องไป จากนั่นไปอีก 7 กิโล

กูก็มีเวลาถึงพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา
เสียงเข้าหูมาเลย อ้าว ท่านผิดคำพูดนี่ ท่านละแล้วไง ทิ้งแล้ว ทำไมท่านต้องมาเอาคืนอีก

ไม่ได้ ไม่ได้ กูก็เลยต้องตระบัดสัตย์กับโลกวิญญาณ บอก สมบัติกู คนของกู กูยังไม่วาง ยัง

เป็นเจ้าของ กูยังเป็นอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ กูยังต้องตามให้เจอ เมื่อใดที่พระอาทิตย์ลับ

เหลี่ยมเขา นั่นเป็นสมบัติของมึง แต่ถ้าเมื่อใดที่พระอาทิตย์ยังมอง ยังทำให้กูเห็นทางได้ มึง

ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าข้าวเจ้าของสมบัติของ 2 ชีวิตนี้
เราทั้งเดิน ทั้งวิ่ง มันบ่าย 3 โมงแล้ว เหลือเวลาอีกนิดเดียว กูวิ่งขึ้นเขา 3 ลูก ไม่เดินน่ะ

วิ่งไปได้ลูกแรกเท่านั้นแหละ เออ หัวใจมันสะดุด มันหยุดเต้น มันปวดร้าวไปถึงซี่โครง

หน้ามืด ตาลาย ทรุดลงไปจับอ้ายไม้ ตอไม้ไผ่ หายใจเฮือก เดินลม 7 ฐาน กูจะตายไม่ได้

ลูกชาวบ้านเค้าอยู่อีก 2 คน  พ่อแม่มันยังไม่รู้ ญาติทั้งหลายก็อาจจะต้องเสียใจ แล้วภาระ

กรรมกูยังไม่จบ ห้ามตาย
ลุกขึ้นมาใหม่ เอาน้ำไปขวดเดียว เปิดน้ำกรอกปาก แล้วก็อ้ายแซ่ปัดยุงอันนึง วิ่งต่อ วิ่งต่อไป

เหมือนเจ้าป่ามันแกล้งกู ต้นไม้ใหญ่ 2 คนโอบ ล้มขวางทาง อ้าว กระโดดข้าม ไผ่ป่า

หนามพงตั้งเยอะล้มทั้งกอขวางอีก กูก็ข้ามไปอีก
ได้ยินเสียงแว่วๆ ไปไกล มากี่ลูกแล้วไม่รู้ โดดขึ้นโดดลงอยู่นั่นแหละ เสียงมันดังอยู่ข้างล่าง

เฮ้ย ใช่มั๊ง แต่อ้ายเสียงที่ดังน่ะ มันเป็นภูผา อู้ฮู้ สูงเว้ย ลงไปไงน่ะ มองซ้ายมองขวา ต้อง

ไปอ้อมตีนเขา อ้อมเหลี่ยมเขา แล้วจึงจะไปถึงอ้ายเสียงดัง ไปถึงก็ไปเห็นรอยตีน
เราก็ตะโกนเรียกไปเรื่อย เณร ณร ก็ได้ยินเสียง  มาแล้วๆ รีบหนีเร็วๆ หลวงปู่มาแล้ว

ฉิบหาย ดูมัน ไม่รู้เสียงเณรหรือเสียงอะไรไม่รู้ มาแล้วๆ  เร็ว เดี๋ยวหลวงปู่จับได้ หนีเร็ว ก็

เสียงครึกไปหมด เสียงหินหล่น หินล้มอะไรก็ไม่รู้ มันเดิน รอยตีนมันอยู่บนหิน รอยตีนที่

เปื้อนน้ำ
ทำไงล่ะ กูมาตั้งเขาลูกที่ 4 แล้วมันวิ่งหนีย้อนกลับ กูก็ต้องหันหลังกลับ โอ้โฮ้ ทีนี้เดินตาม

ตูดมันไม่ได้ เพราะว่า ถ้าจะตาม มันก็จะหนีตลอด ต้องวิ่งดักหน้ามัน โอ้โฮ้ ใส่เกียร์ 4 ทีนี้

ล่ะมึงเอ้ย หนามเหนืม เขาเขว่า กูไม่สนล่ะ วิ่งอย่างเดียวเพราะพระอาทิตย์จะตกอยู่แล้ว

เดี๋ยวจะหมดสัญญา เพราะว่าตามสัญญษกับเจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา พวกนี้มันจะรอตัว

เป็นตัวตาย โลกวิญญาณเนี่ย มันห่างกันแค่เส้นผมบัง มีคนมาแทนมัน มันก็จะได้ไปผุดไป

เกิด มันก็อยากจะได้ตัวเป็น กูยิ่งวิ่งใหญ่ พระอาทิตย์ยิ่งขะมุกขะมัว โอ้โฮ้ พอวิ่งมาได้ซัก

พักหนึ่ง เห็นมันอยู่ไวๆ อยู่ข้างหลัง ก็กระโดดลงมาเลย โดดจากหน้าผานะ กูโดดลงไปยืน

จังก้ามองมัน มึง สนุกนักใช่ไม๊ ตวาดอย่างนี้เลย
อ้ายเณรตกใจ อ้างปากค้าง ตัวสั่น มันนึกว่ากูเป็นผี มันไม่คิดว่ากูเป็นหลวงปู่นะ พระเค้า

ถามกัน มันไม่คิดว่ากูเป็นหลวงปู่ มันคิดว่ากูเป็นผี เพราะเห็นกูโดดลงมาตั้งไกลขนาดนั้น

แล้วก็ส่งเสียง มันมีสติตอนที่เห็นแววตาอันสุดหล่อของกู เพราะแววตานี้ใครก็ทำไม่ได้ มัน

มามีสติ ตัวสั่นงันงก มีผ้าอาบอยู่ผืนเดียว จะมืดอยู่แล้ว มีผ้าอาบอยู่ผืนเดียว 2 องค์ก็คน

ละผืน เปียกชุ่มไปทั้งตัว ถามว่า มึงมาได้ไง บอก ผมเดินตามรอยตีนมา รอยตีนใครก็ไม่รู้

เดินตามมา แล้วก็มีเสียงชวนให้มันเดิน มันก็เดินไปเรื่อย เดินไป เดินจากตรงนั้นน่ะ 4 กิโล

เดินมา
กูก็เลยบอกกับเจ้าป่า บอกว่า กูไม่ผิดสัญญา พระอาทิตย์ยังไม่ตก คนของกู กูหาเจอ ถือว่า

มึงไปหาเอาข้างหน้า สมบัติกู กูยังรักษา ห้ามมาแตะต้อง แล้วก็เลยพามันกลับมา
ขามา มาเจออ้ายตำรวจ เป็นเก๊าส์น่ะ  มันก็ยังมีน้ำใจนะ อุตส่าห์ตะกายได้เขามาตั้งลูกนึง

หลวงปู่มาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง ผมน่ะไม่ไหวเลย เข่านี่ไม่ดีเลย เป็นเก๊าส์ ก็บอกว่า นี่ไง เณร

ได้มาแล้ว
มันก็ซักใหญ่เลย เณรมาได้ไงเนี่ย อู้ฮู้ ตั้งไกล  ผมนี่ขนาดฝึกทุกวันๆ ผมยังแย่เลย แล้วมา

ได้ไง แล้วหลวงปู่ อู้ฮู้ ลำบาก มันก็เล่าให้ฟัง มันตามรอยตีนมา เสียงเรียกให้มา ก็มาเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ มันยังเบลออยู่ มันยังโดนบดบังสติ ยังเป็นคนไร้สติปัญญา เพราะว่ามันเป็นคนอยู่

ใน 2 โลก โลกแห่งวิญญาณกับโลกมนุษย์
กูก็เลยบอกว่า ชั่วชีวิต กูไม่เคยตระบัดสัตย์ อะไรที่ตัดใจก็ตัดใจ เที่ยวนี้มันลูกชาวบ้าน ลูก

ชาวบ้านที่อยู่ในมือของเรา เราต้องดูแลรักษา เมื่อสมัยก่อนอ้ายพงษ์ศักดิ์นี่รู้ดี สร้างวัดใหม่ๆ

ก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้  มันลูกชาวบ้านมาบวชทั้งพี่ทั้งน้อง ก็ตาย ตอนนั้นเราไม่ทันระวัง

ทั้งที่บอกเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไร แต่อ้ายฤทธิ์พระเณรแบบนี้น่ะ ไปตายหน้าศาล

อีนวล
ก่อนหน้านั้น อีนวลก็มาบอกว่า ไม่มีเพื่อนเล่น เหงา อยากได้เด็กไปเป็นเพื่อนเล่น เราก็เลย

มึงก็ไปหาเอาเอง ไม่คิดว่า มันจะมาเอาเณรเรา แล้วมันก็ไปนอนหลับอยู่ตีนศาลอีนวล พระ

เณรก็พากันไปลงน้ำ กูก็มัวแต่ต้อนรับอยู่ในหอพระกรรมฐาน ผู้บัญชาการทหารบก กับผู้

บัญชาการ อ้ายพลเอกบัณฑิต เค้ามาหา ก็เลยนั่งคุยกับเค้า อ้ายเราก็ทุรนทุราย อ้ายเณรมัน

ลงไปน้ำนี่ ไม่รู้ใครจะไปดูมันหรือเปล่า
พอเสร็จแล้ว ไล่มันกลับ ลงไปดู พระอ้ายโมท อ้ายโมทตอนนั้นเค้าเป็นสมภาร ละล่ำละลัก

บอกว่าเณรหายไป 2 องค์ ก็ไม่เจอ กูก็โดดลงไปในน้ำ ไปเจอ ปั๊มหัวใจตื่นขึ้นมาได้ อีก

องค์นึง ไม่ได้ ไม่ได้ มันไปอยู่ที่ศาลอีนวล ป๊มยังไงก็ไม่ได้ เออ เออไป พ่อแม่มันน่ะ เอา

ลูกมาบวช เพราะว่าหมอดูพระเค้าทักว่า จะต้องตายคนนึง เป็นแฝด จะต้องตายคนนึง มันก็

หนี อุตส่าห์พามาจากโน้นแน่ะ สงขลา มาอยู่กับกู หวังว่าจะรอด ก็ยังอุตส่าห์ยังรอด รอด

คนนึง อีกคนไม่รอด เค้าก็ แล้วตั้งแต่นั้นก็เป็นบาปติดตัวหลวงปู่มาตลอดเวลา ว่าเราไม่ได้

ดูแล ไม่ได้เอาใจใส่
ขนาดเป็นห่วงคนทางใต้ที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากจะไปด้วยตัวเองนะ แต่ก็นึกเดี๋ยวประวัติ

ศาสตร์ซ้ำรอย ถ้ากูไปด้วยเนี่ย อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้
งั้นก็เลยอยากบอกลูกหลานว่า ที่มีอยู่ก็เป็นภาระอันหนักแล้ว มึงอย่าทำบุญปัญญาอ่อนมา

เพิ่มภาระให้กูกรอกยาสวนขี้อยู่เลย ทำให้มันถูกต้อง ถูกวิธี จะถวายอะไรพระเณรก็ให้เข้าใจ

แล้วก็อย่ามาทำลายการเรียนรู้ของลูกหลาน ให้มันฝึกฝนจนครบองค์ประกอบ ครบหลักสูตร

เพราะมันกำลังจะเรียน
ไม่ต้องกลัวหรอกว่า ลูกมึงจะตาย ถ้าอยู่กับกู กูไม่ปล่อยให้ตาย แต่ถ้าลำบาก ช่วยไม่ได้

ต้องลำบาก เพราะถ้าสบาย ก็อย่ามาบวช อ้ายเรื่องลำบาก ต้องลำบาก ต้องสอนเพื่อให้มีสติ

รู้จักตัวเอง เข้าใจที่จะมีชีวิตอย่างเป็นผู้พึ่งพาและแข็งแรงด้วยตัวเอง ไม่ใช่ไปรอพึ่งแต่คน

อื่น
นี่คือสิ่งที่พยายามจะบอก แล้วก็สอนเด็กๆ อยู่ตลอดเวลา
งั้นเที่ยวนี้ ก็ถือว่า หมดอายุขัยไปอีก 10 ปี ก็ไม่เป็นไร ลูก 
คุ้ม ได้มา 2 ชีวิต เหมาะสม อยู่ได้ ก็ป่วย พอกูกลับมาก็ป่วยไป 2 วัน มึงเห็นสภาพ

เวลากูนั่งขี้ มึงจะรู้สึก กูนี่นั่งแบบนี้เลย เอามือขยับ มันงอเข่าไม่ได้ไง ขึ้นลงโดดเขา งอเข่า

ไม่ได้ โชคดี เค้ามีคนไปทำส้วมนั่งให้ไง ถ้าส้วมยองๆ กูไม่ต้องขี้เลย ยืนเหนี่ยวกิ่งไม้ขี้เลย

อู้ย ทรมานทรกรรม
โลกวิญญาณน่ะ มันห่างกับเราแค่เส้นผม ลูก งั้นทำชั่วก็ตาม ทำดีก็ตาม เค้ารับรู้ได้ แค่เส้น

ผมบัง เผลอแพล็บเดียว มันก็เป็นโลกวิญญาณแล้ว เผลอแพล็บเดียวก็เป็นของโลกมนุษย์

โลกของสัตว์
เพราะงั้น จะทำดีทำชั่ว ต้องรู้จัก ที่จริง ป่าลำอีซูน่ะ เป็นตำนาน สมัยที่หลวงปู่ไปธุดงค์ ยังมี

เด็กๆ คาดผมจุก ปักปิ่น นุ่งโจงกระเบน แบบคนโบราณ มาเล่นน้ำ พระไป มันก็ยัง

ตะโกนบอก อย่าไปท้ายน้ำ พระเณรขี้เยี่ยวรด ไปอยู่ตรงหลวงปู่เนี่ยสะอาด ยังร้องบอกกัน

กลางคืนก็ยังมีมโหฬี ปี่พาทย์มาบรรเลงให้กูฟัง กล่อมให้กูหลับ ขนาดป่าไม้มันยังหายไป

คนเลย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาๆ
งั้นก็ ถ้าไม่ใช่กู ได้ลงหน้า 1 อีกแล้ว ได้ระดมตำรวจทหาร หรือไม่ก็ หาไม่เจอ ทุกวันนี้ ก็

ยังหากันไม่เจอ ยังมีอีกหลายคนที่หายไปในป่า หาย ไม่เจอ เด็กผู้หญิง ผู้ชาย ผู้ใหญ่ นัก

ธุดงค์อะไรทั้งหลาย หาไม่เจอ
งั้นก็ถือว่า เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณ แล้วพระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อ ก่อนนี้ เวลาเตือน

อะไร เค้าจะระวัง เดี๋ยวนี้เตือนก็ไม่ระวัง  เช้า อุตส่าห์เตือนแล้วนะ บอกให้อยู่กับเณร ให้

รับผิดชอบ มันไม่ระวัง พระใหม่ด้วย แล้วอ้าย 4 ตัว นั่นมันหายไปเลย หนี กูกลับมา พระ

เณรกลับมานี่ อ้าย 4 ตัวนั่นหายไปแล้ว หนี สึก ไปไหนก็ไม่รู้ พระใหม่ด้วยนะ พอ

ถามหาตัวเข้า ไม่เจอ กลัวกูตีไง กูไม่คิดจะตีมันหรอก กูกะว่าจะให้มันเป็นสนิม ขุมกินอ้าย

สังกะสี ไม่ใช่เหล็ก เพราะพันธุ์อย่างพวกมันไม่ใช่เหล็ก พันธุ์สังกะสี เพราะพันธุ์ไม่รับผิด

ชอบชีวิตคนอื่น เอาลูกเค้าไปเที่ยวสนุกแล้วก็ พอหายแล้วไม่หา ไม่ดูแลเอาใจใส่
เพราะตีมัน เดี๋ยวเราก็ไปตัดกรรมมัน ก็ปล่อยให้สนิมมันกินสังกะสีให้มันทะลุปรุโปร่งไป

มันจะได้สำนึกรู้สึก
แล้วมันก็หนีหายไปเลย พระใหม่ ขี้ยา เป็นพระขี้ยา แอบไปดูดยา ไปเจอขี้บุหรี่ ตรงที่มัน

ไปสนุกกัน กูก็ทิ้งแล้วล่ะ กูกับบุหรี่นี่ไม่ชอบเลย ยานี่ไม่ชอบ ไปเจอที่ไหน ถ้ารู้ว่าเป็นของ

พระเณรนี่ ทิ้งทันที
แต่มานึกอีกที เดินมา กูเห็นไม่มีอ้ายป่าไม้ ยังไม่กลับ ก็สงสาร เดี๋ยวลูกเมียมันจะลำบาก ก็

เออ ตามไป เลยผิดตระบัดสัตย์ในโลกวิญญาณ
ปกติ ทิ้งอย่างนี้แล้ว ก็ต้องเป็นสมบัติของโลกวิญญาณ เราไม่มีสิทธิ์จะไปทวงถาม เค้าจะ

เอาไปยังไง ปู้ยี่ปู้ยำ มันก็เดินหนีเราไปตลอด เราเรียกมันไม่ขาน แล้วมันก็วิ่งหนี มันจะวิ่ง

ไปทั้งชีวืตมัน จนกระทั่งจบอายุขัย และเวรกรรมของมัน ตายก็ไม่ใช่ เป็นก็ไม่ใช่ มันก็จะ

อยู่ในสภาพอย่างนั้น
นั่นคือ เงื่อนไขของโลกวิญญาณในป่า ตายสภาพไหน ก็อยู่อย่างนั้น แม้ไม่ตาย ก็ยังอยู่

อย่างนั้น เป็นคนกะเซอะกะเซิง บ้าไปเรื่อยเปื่อย เหมือนกับสมัยก่อน หลวงปู่ไปช่วยพระที่

มาจากทุ่งนามอญ นั่นก็หนีออกมาจากโลกของวิญญาณ มีญาติโดนกักขังอยู่ในนั้น ก็ป่า

เดียวกัน มันป่าเดียวกันนี่แหละ ลำอีซู พาพระเณรไปช่วย ที่จริงไม่ได้พาพระเณรไปช่วย

กูจะไป แล้วเค้าตามไป
เอ้าขออนุโมทนาในกุศล บุญ คุณงามความดี  บุญทั้งหลายที่ได้ทำมาในครั้งนี้ จงสำเร็จ

ประโยชน์ ให้ลูกหลานร่ำรวย รุ่งเรือง อายุยืน สุขภาพแข็งแรง และมีลูกหลานกตัญญู มี

ปัญญาชาญฉลาด รู้เท่าทันสรรพสิ่งและเข้าใจชีวิต และสิ่งแวดล้อม เอาชนะอุปสรรคและ

ปัญหาทั้งปวงด้วยปัญญา เจริญธรรม ลูก
เอ้าบังสุกุล ใครยังไม่ได้ใส่ชื่อ เขียนชื่อมา
บังสุกุลเป็นกับบังสุกุลตาย อย่าลืมเขียนอ้ายชื่อคนที่มันเหยียดหยาม ปรามาสสถาบันด้วยนะ

ใส่ในพานบังสุกุลตายนะ อย่าไปใส่บังสุกุลเป็น เออ บังอาจปรามาสสถาบัน ก้าวก่ายล่วง

เกินดูหมิ่นสถาบันน่ะ เขียนใส่ไปด้วย เดี๋ยวจะได้บังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้มัน มันจะได้เลิก

หมิ่นปรามาสสถาบัน
ใครก็ตาม ทำอะไรไม่ว่า แต่อย่ามายุ่งกับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะทำอะไรก็ทำ
อ้าวหมดแล้วเหรอ
เอ้า จะอุทิศส่วนกุศลและบังสุกุลให้แก่ผู้วายชนม์ บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และผู้มีพระคุณต่อ

แผ่นดิน และอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราช้จ้า ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ผู้ทำคุณประโยชน์

ต่อแผ่นดินและ มวลมนุษยชาติ จงมีส่วนมนบุญที่ลูกหลานได้อุทิศและทำแล้วในครั้งนี้ด้วย

เทอญ
ตั้งใจพนมมือ
ตั้งใจกรวดน้ำให้ผู้วายชนม์ บรรพบุรุษ และวิญญาณแห่งผู้มีคุณต่อแผ่นดินและหมู่มวล

มนุษยชาติที่ล่สงลับไปแล้ว รวมทั้งดวงวิญญาณของบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า วีรบุรุษผู้

กล้าทั้งหลายทั้งปวง หมู่ญาติทั้งหลาย จงมีส่วนในบุญที่ข้าและลูกหลานได้ทำไว้แล้วในครั้ง

นี้ด้วยเทอญ
ว่าตาม อิทัง โนญาติณัง โหนตุ  ฯลฯ
ต่อไปบังสุกุลเป็น ลูก
ขอบุญทั้งหลายที่ข้าและลูกหลาน ได้บำเพ็ญมาแล้วในอดีต ปัจจุบัน และจะมีต่อไปในอนาคต

จงมารวมกันเป็นเดชะ พลวปัจจัย เป็นเกราะแก้วคุ้มครองภัยให้ทุกคนจงรุ่งเรือง เจริญ มี

ความสุขสมบูรณ์ มีปัญญาแจ่มใส จิตใจสะอาด สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว คิดหวังสิ่งใด

สมความปรารถนรง
ขออำนาจ พลัง ตบะ ชัยชนะ ทรัพย์ ลาภ กำลังและความสำเร็จของท่านทั้งหลาย จงมีเท่า

เม็ดทรายในมหาสมุทรทั้ง 4 ด้วยเทอญ
เสร็จเรียบร้อย ตั้งใจรับพร
ขออนุโมทนาอีกครั้ง ในผลบุญและคุณงามคตวามดีและความชาญฉลาด มากด้วยสติปัญญา

สมาธิ จงตั้งมั่นอยู่ในจิตวิญญาณ สันดาน ของทุกท่าน
ด้วยอำนาจพลัง อำนาจตบะ อำนาจเดชะ อำนาจพลวปัจจัยทั้งหลายที่หลวงปู่ได้บำเพ็ญมา

แล้วแต่อดีต ปัจจุบัน แล้วจะมีต่อไปในอนาคต
ด้วยโพธิศรัทธาในโพธิธรรม ปฏิบัติจนลุถึงโพธิปัญญา ขอโพธิทั้งหลาย ทั้ง 10 ประการ

จงอภิบาลบำรุงรักษาลูกหลานของข้าให้ร่มเย็นเป็นสุข พ้นทุกข์ภัย คิดหวังสิ่งใดสมความ

ปรารถนา มีทรัพย์ดั่งทรายในมหาสมุทรทั้ง 4 มีปัญญารุ่งเรืองดั่งสุริยาในยามเที่ยงวัน มี

ความสุขสมบูรณ์เปรียบประดุจดั่งมหาสมุทรที่แล้วไปด้วยทรัพย์สมบัตินอนแน่นและเนือง

นอง คิดและหวังสิ่งใด จงรุ่งเรือง เจริญ มีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรงดั่งขุนเขา อายุเจ้าจง

ยืนยาวเท่าฟ้าและดินเทอญ
ตั้งใจรับพร ลูก
 

10.50 น.
บังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย