6 มี ค 2554 13.30 น. ธรรมะต้นเดือน โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
ใครไปเอาน้ำมาเลี้ยง ทุบหลังคาทิ้ง เอาลมระบายขึ้นข้างบน ที่จริงควรเปิดน้ำก่อน
มีเรื่องคุยให้ฟังนิดหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องยา
ก่อนออกมา ลูกเมียอ้ายจิโรจน์มาบอกว่า ผัวเค้าอยู่โรงพยาบาล จะแย่ หลวงปู่ก็ด่าไปนะ
ก่อนนี้หลวงปู่ก็บอกให้กินยามะเร็งกับฟอกเลือดอย่าให้ขาด จนกว่าจะแน่ใจว่าโรคจะหาย
ก่อนปีใหม่ก็มา หลวงปู่ถาม เค้าบอกว่าเหลือจุดเล็กนิดเดียว หลังกลับจากปฏิบัติ ไปติดเชื้อ
หวัด หมอให้กินยาสเตอรอย หลวงปู่ก็เตือนนะว่า กินยาสเตอรอยจะทำให้มีผลกับต่อม
หมวกไต อาการแย่ หมอสั่งให้หยุดยาทุกชนิด รวมทั้งยาสมุนไพร ตอนนี้มะเร็งกระจาย
วันนี้มีคนไข้ไทรอยเป็นพิษ หยุดยาเองไป 4 เดือน ขอร้องเถอะ ถ้ามาให้รักษา ถ้าไม่ได้
สั่งให้หยุดยา รองผู้อำนวยการศิริราชวันนี้มาให้ช่วยรักษาเลือดคั่งในสมอง อีกคนเป็นภูมิแพ้
เวลารักษาใคร อย่าซี้ซ้วยเลือก วันนี้มีคนไข้มะเร็งกรามช้าง คนไข้กินยาต่อเนื่องแล้วดีขึ้น
ต้องอย่างนี้
คนไข้ที่กินยาหยุดๆ กินๆ
สเตอรอยไปกดภูมิคุ้มกัน มะเร็งก็กระจายไปทั่ว มันเป็นอาการที่ยากจะรักษา
เวลาวางยาอะไรรักษา ก็ช่วยทำตามคำสั่ง เดี๋ยวนี้ต้องถามว่า จะกินยาไม๊ จะกินจนครบ
ตามคำสั่งไม๊ เบื่อ เพราะเรารู้สึกผิดว่า รักษาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เชื่อหน่อย อย่าไปบิดพลิ้ว
อย่าไปเชื่อคนมาก
วันนี้ไปนอนโรงพยาบาลพระมงกุฏ ให้ยาไป ไม่รู้จะกินหรือเปล่า เพราะหมอตอนนี้ก็ให้
แต่มอร์ฟีน
ธรรมชาติร่างกาย มันมีพลัง 3 พลัง พลังกาย พลังจิต และพลังปราณ
พลังจิต ก็กระตุ้นเตือนพลังกาย กับพลังปราณ
พลังปราณต้องควบคุมกำหนดเอามาใช้
พลังกาย ต้องเคลื่อนไหว ใช้อิริยาบท นอนเฉยๆไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหว กระเพาะได้ทำงาน
ต่อมไร้ท่อในร่างกายทำงาน ก็อยากกินอยากดื่ม
สุดท้ายนอนๆ จนตาย เห็นมาเยอะแยะ กินยาแล้วนอน นอนจนตาย แต่ถ้าเคลื่อนไหว ร่าง
กายก็สร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่อยากอาหาร ก็ดื่มน้ำขิงอุ่นก่อนอาหาร น้ำขิงจะช่วยกระตุ้นให้
กระเพาะ ลำใส้ทำงาน ทำให้อยากอาหาร
หมอต้องสงสัย คำนวณ วิเคราะห์ พิสูจน์ทราบ ต้องคิดว่าสิ่งที่รู้ยังไม่ดี ยังมีอีกมาก
บอกอะไร เตือนอะไร ขอให้เชื่อหน่อยเถอะ
วันนี้หมอจากศิริราชมาดูหลวงปู่ตรวจโรค เสร็จแล้วมาถามข้างหลังว่า ที่หลวงปู่ตรวจอยู่นี่
ใช้ตำราไหน
เล่าให้ลูกหลานฟังว่า นี่คือโทษของการไม่เชื่อครูบาอาจารย์
เราเข้าใจธรรมชาติ ไม่ใช่เข้าใจในวิชาการ
อีกเรื่องหนึ่ง ปลายเมษา จะไปอีก ก่อนหน้านั้น 2-3 วัน ล้นเกล้าก็ถวายกระเช้าอีก 4 คู่
หลังเจริญมนต์ถวายมาอีก 1 คู่ และผ้าไตรเอกอีก 1 ไตร
ปุจฉา
วิสัชนา บรรลุโสดาบัน ไม่ยาก แค่มี
. ศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
. ศีล 5 ละเมิดไม่ได้เลย จะหวาดระแวงที่ผิดศีล เหมือนคนกลัวไฟ รักษาศีลเสมอ
เหมือนรักษาชีวิตตัวเอง
. ละไว้ซึ่งสังโยชน์ 3 - สักกายะทิฐิ พระอริยะเจ้า ไม่มีชาติ เพราะทุกคนเป็น
ญาติของเราทั้งหมดโดยกรรม ชาติกำเนิด - วิจิตกิจฉา ความสงสัยในคำสั่งสอน ใน
หลักธรรมไม่มี - สีลภัตตปรามาท ไม่ยะโส เหย่อหยิ่ง อวดดี
พิสูจน์ได้ไม่ยาก ที่จริงหลวงปู่ไม่ควรต้องตอบ เพราะหลวงปู่ไม่ใช่ แต่หลวงปู่เป็นพระ
โพธิสัตว์เหนือกว่า เป็นเนื้อหน่อของพระพุทธเจ้า นี่ไม่ได้มายกตัวเอง แต่เป็นความจริง
พระโพธิสัตว์เปรียบเหมือนรัชทายาท แต่กูยังอีกนาน ยังมีหลายองค์มาต่อคิว อีกปู๊น
บอกพระเค้าไว้ว่า อย่าเผาผมนะ ผมกลัวไม่ได้มาเกิดอีก เพราะถ้าไม่ได้เกิด ก็ไม่รู้จะสร้าง
บารมีอย่างไร ถ้าจะเผา ก็ใช้ไม้ไผ่ เพราะไม้ไผ่งอกได้ แล้วมันถูก วัดกูมีเยอะ ปลูกไว้เยอะ
พระโสดาบัน เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นความจริงเสมอ มีผัวก็ได้ มีเมียก็ได้ มีกามคุณ
มีโลภ มีโกรธ ได้ แต่จะไม่ผิดศีล โกรธได้แต่ต้องไม่ทำร้ายคนอื่น
เหมือนไม่ง่าย แต่ก็ง่าย
เหมือนไม่ยาก แต่ก็ยาก
เดี๋ยวจะสำคัญผิด ที่ผ่านไปแล้วสำคัญผิดก็มี
พระสกิทาคา ไม่รัก ไม่โกรธ ไม่หลง มีศีล มีศรัทธา แล้วต้องมีจิตสิกขา การศึกษาด้วยจิต
อันวิเศษ จะลดโลภ โกรธ หลง
พระโสดาบัน ยังมีที่ตั้งแห่งพยับแดด เค้าจะไม่มีข้อจำกัดในการวิเคราะห์ จะพูดน้อย เสพ
น้อย จะระวังรักษาจิตไม่ให้เอนเอียงไปข้างหนึ่ง คาดเดาไม่ได้ว่าใครจะเป็นไม่เป็น ไม่ใช่
คนไม่พูดจะเป็น เพราะเค้าเป็นใบ้
รวมๆสรุป อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น จงทำให้เห็นในสิ่งที่เชื่อ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า บุคคลที่หาได้ยากในโลกมี 1. พ่อแม่ 2. พระพุทธเจ้า 3.
พระธรรมราชา กษัตริย์ผู้ทรงธรรม
พ่อแม่ต้องมีอุเบกขา ต้องวางใจได้ ไม่ใช่ตีโพยตีพาย ที่สุดก็จะรักตัวเองเหมือนกัน
ปุจฉา การย้ำคิดย้ำทำ คิดมาก ต้องปฏิบัติอย่างไร
วิสัชนา ที่จริงมันมีอยู่กับทุกคน ปัญหามันอยู่ที่ว่า มันโง่หรือฉลาด จะดับอวิชชา ต้องมี
ปัญญา ต้องสั่งสม อบรมเจริญปัญญา คิดแล้วได้กำไรหรือขาดทุน ถ้าขาดทุน คิดทำไม
ไปทำเรื่องอื่น
ปุจฉา
วิสัชนา โรค 90 % เกิดที่จิต เจ็บตรงไหน จิตอยู่ตรงนั้น ถ้าแยกได้ เราจะไม่เจ็บ แต่
เราต้องแยกจิตออกจากกายได้ มีพลังจิตอย่างมาก เจ็บเล็กๆน้อยๆ รู้สึกได้ เจ็บหัวขาด เจ็บ
ไม๊
โบราณสอนว่า อุปาทาน เป็นแผลที่ไหน ตายที่นั่น
ปุจฉา ฆราวาสจะเลือกปฏิบัติธรรมข้อใด
วิสัชนา ข้อที่ตัวเองชอบ ทำได้ และเป็นที่พึ่งของตัวเองได้
16.00 หลังปฏิบัติธรรม เดินกรรมฐาน
ฝึกไปแล้ว ตัวบวม มือเท้าบวม แสดงว่าต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ต้องเดินจนกว่าจะ
หายบวม แสดงว่าปราณคุมร่างกายได้แล้ว ไม่สิ้นเปลืองชีวะ เพราะมันไม่ได้บดทำลาย
เรียกว่า ไม่สิ้นเปลืองชีวะอินทรีย์
ถ้าไม่เกิดขึ้น แสดงว่าหลวงปู่สอนไม่จริง นี่เป็นบทพิสูจน์
ให้จิตหนึ่งรู้สึกที่ฝ่ามือขวา จิตหนึ่งรู้สึกที่ฝ่ามือซ้าย แสดงให้เห็นว่าจิตเกิดดับตลอดเวลา แต่
ที่เรารู้สึกว่ามันต่อเนื่อง เพราะความเป็นสันสติ
ถ้ารู้สึกจิตอยู่กลางฝ่ามือชวา แล้วย้ายมาซ้าย ก็ดี แต่ยังดีไม่สุด ต้องรู้ให้ได้ทุกขณะการเกิด
ดับของจิต
2. หลวงปู่สอนให้พิสูจน์ว่า ปราณ ออกปลายนิ้วกลาง แล้วให้ปราณมาออกปลายนิ้วชี้
ปราณจะไม่ออกปลายนิ้วกลาง ที่ออก แสดงว่า มันรั่ว อีรั่ว
หลวงปู่ให้จิตตั้งไว้ที่ลิ้นปี่ หลายคนไม่รู้ว่าลิ้นปี่อยู่ตรงไหน หลายคนทำไม่ได้ ไม่ใช่หลายคน
...ฝึกในสิ่งที่ทำได้ยาก แล้วทำได้ จึงจะเรียกว่ายอด เรียกว่า ทำได้
วิชาปราณโอสถ สามารถยืดอายุขัยของตัวเองได้ด้วย ต้องฝึกให้เข้ม ขยันที่จะฝึก
พอ วันนี้แค่นี้