24.07.2553 14.10 น. (บ่าย) วัดอ้อน้อย
ธรรมะเนื่องในโอกาสบวชเนกขัมฯ ช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา – หลวงปู่พุทธะอิสระ
(24 -27 ก ค 2553)
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน
ครู่นี้พิธีกรแจ้งว่า จะมีการสอนอริยสัจ 4 และมรรค 8
ขอเป็นพรุ่งนี้ มหาสติปะฐาน กับมรรคมีองค์ 8 เหตุผลใดว่าพระพุทธเจ้าสอน
เมื่อกี้ยังติดลม เมื่อเช้ายังไม่สามารถสร้างจิตสาธารณะในขณะที่จิตรวมใจ
ไม่ง่ายที่จะสร้าง เพราะว่าเกิดเป็นมนุษย์ มีตัวมีตน ก็จะมีตัวกูใหญ่ เราคิกถึงแต่ตัวเรา พูดถึง คำนึงถึงแต่ตัวเรา แต่ไม่เสียสละแก่ใคร ๆ
และก็สะสมมาหลายภพหลายชาติ ไม่ใช่ชาติเดียว จิตสาธารณะ ไม่ใช่แวบเดียว ชั่วเดียวได้
ถ้าจะทำให้โลกใบนี้อยู่อย่างสงบสุข ก็ต้องให้คนในโลกมี คิด พูด ทำ เพื่อประโยชน์สาธารณะ
แม้ขณะปฏิบัติ ขณะธรรมะเกิดขึ้นก็เป็นประโยชน์สาธารณะ
พระพุทะเจ้าว่าเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตัว
คุณธรรม คุณสมบัติ คุณวิเศษ ต้องเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าคงไม่สอนให้สาวกรุ่นแรกๆว่า จงไปในนิคามชนบท
พระองค์ทรงสอนให้ผู้เข้าถึงธรรม มีจิตวิญญาณสาธารณะ
คนใกล้ตาย สอนอะไรได้ง่าย กะทัดรัด ก็ยังไม่ทิ้งประโยคสาธารณะว่า
เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน ด้วยความไม่ประมาทเถิด
หลวงปู่สัมผัสได้....... มันจะไม่ได้วิชาของพระโพธิสัตว์ แต่จะได้วิชาของซาตาน
ต้องทำให้ได้ โดยเฉพาะพวกที่ไม่ได้รับพระ
มาก่อนได้กำไรก่อน
พระที่หลวงปู่ทำให้ ไม่ใช่ได้ง่าย เพราะกว่าจะได้ ต้องสอบก่อน ตั้งแต่ขั้นที่ 1-8
อย่าขาดเวลาเรียน และทุกคนต้องผ่านการสอบ เห็นใบประกาศนียบัตรหรือยัง
ใครสำเร็จจะได้วุฒิบัตร พร้อม พระควัมปะติ หรือพระปิดตา ปิดทวาร
นิมิตรหมายเพื่อให้รู้ว่า เราอยู่กับตัวเองเสียบ้าง โลกของตัวเองที่สงบเงียบบ้าง
แม้คนชาติตะวันตก ก็ยังเชื่อว่าจิตที่รวมเป็นสมาธิ จะหลั่งสารที่กระตุ้นเม็ดเลือดให้แข็งแรง
ทะลุทะลวงสิ่งอุดตัน อุณหภูมิร่างกายคงที่ เซลล์มีอายุยืน มีชีวิตอย่างมีความสุข
มีพระถามหลวงปู่ว่า ทำไมจารพระตั้งหลายจุด หลวงปู่บอกไม่เป็นไร คิดว่าจะทำก็จะทำให้ดีที่สุด
พระปิดตา เคยทำตอนวัดอ้อน้อยครบรอบ 12 ปี
รุ่นที่ 1 คนถวายทองแดง 1 ตัน 170,000 จึงจะได้พระ 1 องค์
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 ทำไว้ไม่มาก คิดไว้ว่า ทำไว้แจก ไม่ได้คิดจะขาย
คนชอบว่า กูทำพระแพง
16.10 น. หลังปฏิบัติ
ผลไม้ในตะกร้า นั้น ความรู้ของพระพุทธเจ้า
ชั่วชีวิตพระพุทธเจ้า ไม่ได้บอกว่านี่คือพระวินัยปิฎก พระสุตันตะปิฎก พระอภิธรรมปิฎก
หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระ............
หลวงปู่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า
มีใครในแผ่นดินนี้สอน....... ไม่มี คือความรู้ที่หลวงปู่สั่งสมมาหลายภพหลายชาติ
บางทีเห็นคนที่ต้องกินรสเปรี้ยว หลวงปู่ต้องเอามาสอน เพื่อ.............
แต่เป็นเรื่องยากมาก ๆ กับการที่จะเอาประโยชน์
ผลไม้ในตะกร้าออก
หน้าที่ของพวกเรา คือ แยกคำสอนของครูออกเป็นหมวดหมู่
ถ้าลูกศิษย์เห็นคุณค่า ก็ต้องแยกแยะ ข้อมูลให้คนรุ่นหลัง
หลวงปู่อยากบอกว่า ความรู้ที่สอน ไม่มีใครสอน แต่เป็นความรู้ที่สั่งสมมาข้ามภพข้ามชาติ
ลูกศิษย์ต้องแยกแยะ ต่อไปนี้อยากให้ทุกคนได้จดบันทึกไว้บ้าง
เพราะว่าครูก็แก่ลงทุกวันๆ
ขบวนการที่จะสั่งสอนก็ได้ทำแล้ว สอนไปแล้วก็จบ ไม่มีใครจดบันทึก
ขั้นที่ 7 เว้น 2 จังหวะ จึงก้าวพร้อมลมหายใจ
เดี๋ยวจะไปพักแล้ว รู้สึกปวดหลัง วันนี้กราบพระแยะไปหน่อย มีใครถามอะไรไม๊
สถานภาพของจิตนี้ต้องสั่งสม วิริเย ทุกขะมะเจติ บุคคลลุได้ด้วยความเพียร
เราเผาอะไร เผาความสันหลังยาว ในขณะเดียวกัน ช่วยขจัดความไร้สติ ให้สติ สมาธิ
และสัมปชัญญะตั้งมั่น เหมือนควบคุม control ภายในกายได้
ที่ถูกเรียกว่า ปราณโอสถ เราจะต้องรู้ให้ได้ว่า ลมผ่านจุดนั้น เช่น ผ่านจมูก ต้องรู้ว่าอยู่ที่จมูก
จิตดวงหนึ่งรู้ลม จิตอีกดวงหนึ่งรู้ความร้อน
จิตดวงหนึ่งรู้ลม จิตอีกดวงหนึ่งผ่านจุดที่กำหนด
พริบตาเดียว เกิดจิตเป็นร้อยดวง พันดวง
จิตหนึ่งรู้ลม อีกดวงรู้ว่าจิตได้ผ่าน
ต้องรู้อยู่อย่างต่อเนื่อง ตลอดสาย
ไม่ต้องพูดถึง เรื่องวิชาปราณโอสถ แม้ลมเจ็ดฐานก็สำเร็จได้
ที่จริงหลวงปู่ไม่ได้แยก ลูกไหนสุกก็เก็บมา ลูกไหนไม่สุกก็ไม่เก็บ
พวกมึงแค่..........................
ควรจดไว้บ้าง เหมือนหลวงปู่ บทโศลกสมัยก่อนไม่ได้เขียน เวลามองลม มองน้ำ
ตอนอยู่ถ้ำไก่หล่น บทโศลกผุดขึ้นทุกชั่วโมง ..........
สรรพสิ่งเริ่มประปราย ดารารายเปลี่ยนวิถี ทะเลลึกเนิ่นนานปี มาวันนี้กลายเป็นสูง
ให้คนไปหากระดาษมาจด
จดไว้บ้าง เก็บไว้บ้างให้คนได้ศึกษาสืบๆ ไป
วันแรกไม่ต้องเครียด ยังอยู่อีกหลายวัน
ปุจฉา ทำไมหลังจากเดิน รู้สึกคลื่นไส้
วิสัชนา บางทีบางครั้ง การกลั้นลมหายใจ จิตที่ไวกับสัญชาตญาณไม่ประสานกัน
ถ้าสภาพจิตเรา .......ได้ทุกดวง ในร้อยดวง เราก็จะรู้ทุกดวงโดยชัดเจน
แต่ใหม่ๆ มันเป็นธรรมชาติของจิต
ฝึกจิตให้รับรู้ธรรมชาติให้ขัด
ขั้นที่ 8 จะไม่มีจังหวะ แต่เคลื่อนไหวตามลม ไม่อาศัยจังหวะ จังหวะจะดังก้องอยู่ในใจ
ถ้ามึงเรียนขั้นที่ 8 ได้ กูก็เรียกมึงว่าอาจารย์แล้ว
มีเรื่องจะถามความเห็น ให้หลวงปู่สร้างโรงแรมประมาณว่า ห้องพัก ความเห็นพวกมึงคิดว่าไง
กูว่าเอาตังพวกนั้นไปซื้อเต็นท์แจกพวกมึงดีกว่า วัดอื่นเค้ามี ก็ไปวัดอื่นสิ เพราะวัดนี้อยู่แค่อัตภาพ
สัมผัสธรรมชาติบ้าง จะได้รู้คุณจากธรรมชาติ
หลวงปู่เอาเงินหลายล้าน แล้วสร้างหลุมส้วม คนละหลุมเลย เอาใบมะพร้าวกั้นห้อง ไม่ต้องสูงนัก
รวมๆสรุป คงไม่สร้างหละลูก มันไม่จำเป็นจะลงทุนหลายสิบล้านสร้างเป็นห้อง
รวยที่จะแจกทานมากกว่า
จะกลายเป็นสลัม
มันประหยัดกว่า ไม่ต้องเสียค่าดูแลรักษา ทั้งน้ำ ทั้งไฟ ถ้าไม่ดูแล เดี๋ยวชาวบ้านก็จะว่า สกปรก
อย่าไปปักกลดใกล้มะพร้าวก็แล้วกัน
ผ่อนคลายมากกว่า
ปีนี้ทอดกฐิน 31 ต ค 2553 บริษัทสมบัติเจ้าคุณปู่ พฤกษายาไทย ร่วมกับมูลนิธิ ฯ จะเป็นเจ้าภาพ
24.07.2553 9.20 น. (เช้า) วัดอ้อน้อย
ธรรมะเนื่องในโอกาสบวชเนกขัมฯ ช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา – หลวงปู่พุทธะอิสระ
(24 -27 ก ค 2553)
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านพุทธสาสนิกชน ผู้แสวงหาวิโมกธรรม ที่รักทุกท่าน
ที่กล่าวเช่นนั้นด้วยเหตุผลว่า คำสมาทานของพวกท่านปรารถนาพระนิพพาน
เป็นสิ่งที่ปรารถนาของผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องการการหลุดพ้น เอาชนะ ชาติ ชรา มรณะ
ภัยแห่งวัตตะ คือ เกิด แก่ เจ็บตาย นั่นคือ วิโมกธรรม ธรรมแห่งการหลุดพ้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้แสดงไว้ในธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตร
ก่อนจะเล่า ถามก่อนว่า คนฆ่าตัวตาย บาปไม๊
พระโพธิสัตว์เฉือนเนื้อ เลี้ยงแม่เสือลูกอ่อน ที่กำลังจะตาย บาปไม๊
คนเค้าว่ากูว่า มาประกาศขายหุ้นหอมจัง ไปทำการค้า
เค้าว่ามันไม่อยู่ในวิสัยพระสงฆ์ บาปไม๊
ไม่ต้องเอาใจกู
มันไม่ใช่กิจของพระสงฆ์ ถ้าเป็นพระสงฆ์ บาป มันผิดพระวินัย
กูไม่ใช่พระสงฆ์ กูเป็นใคร กูเป็นพระโพธิสัตว์ กูไม่ได้กะล่อน
เพราะสิ่งที่ได้มา เข้าพกเข้าห่อกูไม๊
พระโพธิสัตว์ไม่ได้อะไร ได้แค่อนุเคราะห์
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากหอมจัง หลึงหนึ่งก็ไม่เคยใช้ส่วนตัว
แม้เป็นภูมิปัญญาของตัวเอง
ย่าป่วยก็ยังไม่เคยเอายาหอมจัง
พระโพธิสัตว์ยอมตายเพื่อเสือ กูก็ไม่ต่างกัน
ใจลึกๆ ของหลวงปู่ก็รู้ว่า มันไม่ได้เพื่อประโยชน์ของเรา แต่เพื่อประโยชน์ของคนอื่น
ต่างกันที่ว่า คนมองอย่างไร
เคยได้ยินหลวงปู่ตั้งปาณิพานตัวเอง เป็นพระสงฆ์ พระอรหันต์ไม๊
เคยแต่ตั้งปาณิพานตัวเองเป็นพระโพธิสัตว์ แม้จะตกนรก
อยากบอกว่า อย่ากังวลเลย เพราะหลวงปู่รู้ว่ากำลังทำอะไร
เพราะว่าหลวงปู่พูดเสมอว่า จะไม่อยู่ด้วยความไม่ภาคภูมิ
ไหว้ตัวเองได้ เชื่อว่าทุกย่างก้าว เรามีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน คนรอบตัว
ไม่ใช่ไร้สาระ แต่มีสาระ นั่นแหละความหมายของภาคภูมิ
ผิดถูกอยู่ที่คนมอง แต่หลวงปู่ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อคนมอง
ถ้าไม่เป็นประโยชน์ต่อปวงชน มหาชน สรรพสัตว์
ให้มีชีวิตอยู่ ก็ไม่อยากอยู่ เพราะไม่ได้สาระ ไม่ได้ปลดเปลื้อง แก้ปัญหา
เรื่องการพ้นทุกข์ไม่ยาก....................
เมื่อเช้ามีบ่าวสาวมา............
บอกเค้าว่าความรักเป็นสิ่งมีค่า แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่า คือความเข้าใจ ความถ้อยทีถ้อยอาศัย
ความปรองดอง
ความเข้าใจกับความรัก เป็นคนละเรื่อง
ความรักเป็นกาม
ความเข้าใจเป็นปัญญา ใคร่ครวญ พินิจพิจารณา ความเข้าใจทำให้เราอยู่ด้วยร่วมกันได้
ความรักไม่ได้ทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
แต่ความเข้าใจทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
กูไม่รู้ว่าอีนวลเข้าใจกูหรือเปล่า มันคงเข้าใจ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ตามมา 8-9 ชาติ กูก็เป็นอย่างนี้
ฟ้าไม่กล้าผ่า มีแต่กูจะผ่าฟ้า
คนที่นิ่ง จะมีเดช มีศักดา
บางทีพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสีย ตำลึงทอง
อยากบอกคู่รักทั้งหลายว่า ความรักไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิต
ไม่ต้องห่วงว่า หลวงปู่จะเสียศรัทธา ทำให้คนอื่นไม่ไหว้
เพราะหลวงปู่ไม่ได้อยู่ให้คนอื่นไหว้
เราภาคภูมิในสิ่งที่เราทำ เลี้ยงต้นไม้ จนมันโต
สมัยก่อน ทีพีไอ มันไปตะลอนขายหุ้นทั่วแผ่นดิน
ไม่มีใครอยากขายหุ้นให้มัน แต่พอมาหาหลวงปู่ หลวงปู่บอกคุณไว้ใจฉันไม๊หละ
หลวงปู่เรียกประธานบริษัท....คุณวิชัยมาให้ช่วยขาย หลวงปู่วางแผนให้ ประชุมบริษัท ก็ไป
เหมือนครั้งหนึ่งอยู่ถ้ำ วันดีคืนดี มีคนไปหา บอกให้ขึ้นรถ ไปศาลเป็นพยานให้ลูกหลาน
อยากให้หลวงปู่ดูดวง ได้ยินว่า หลวงปู่วาจาศักดิ์สิทธิ์
หลวงปู่บอกว่าชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง ....มีลูก จะฆ่าตัวตาย
นี่คือความภาคภูมิใจ หลวงปู่ได้อะไร ได้ความสุข
เป็นพระโพธิสัตว์ สบายใจ ภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์
เพราะบารมีทั้ง 10 อย่างเป็นหน้าที่ ถ้าไม่เมตตาก็ไม่............
อยากบอกลูกหลานว่า หลวงปู่รู้ว่าจะทำอะไร ได้อะไรจากสิ่งที่ทำ ไม่ได้อะไร
เหมือนหลวงปู่ทำรังนกเมื่อเช้า แค่โสม 5 หัว ตังกวย เก้าคี่ แปะก้วย ใช้เวลาตุ๋น 6 ชั่วโมง
รังนกโลหนึ่ง 55,000 บาท ใช้ครึ่งโล ไอ้ตั้ม บอก คิดก็เจ็งแล้ว
ที่จริงหลวงปู่ไม่อยากทำยา อยากทำอาหาร เพราะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ที่เป็นโรค เพราะกินอาหารไม่ดี ถ้า 4 อ คือ อาหาร อากาศ อาการ อารมณ์ สมดุล ก็จะไม่เกิดโรค แต่เราไม่ใส่ใจ
เมื่อคืนมีคนโทรมาจากอังกฤษ กินน้อย นอนน้อย แต่กินวิตามิน
หลวงปู่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
มนุษย์ควรกินอาหาร ไม่ใช่กินยา กินวิตามินวันละ 10 กว่าเม็ด
หมอที่เก่งที่สุด คือทำอาหารเป็นยา
เมื่อคืนตุ๋นยาทั้งคืน ยาเพิ่มไขกระดูก
สั่งให้เค้าตุ๋นอีกกิโล จะใส่ขวดขาย
รังนกที่เป็นขวด ขอร้อง อย่าซื้อมาถวาย เป็นของเก๊
คุยมาแยะแล้วเปิดโอกาสให้ถาม ปีนี้ว่าจะสอน อริยะสัจ 4 และมรรค 8
ปุจฉา โรคไทรอยด์
วิสัชนา ไทรอยด์เป็นพิษ หลวงปู่จะให้กินยาฟอกเลือด กับขับน้ำเหลืองเสียก่อน 1 อาทิตย์
แล้วจึงจะกินยาบำรุงเลือดกับยาไทรอยด์ แล้วก็พักผ่อน
ปุจฉา มีอาการปวดเหนือเอว สะบักซ้าย ขวา ขอบตาคล้ำ ตรวจทั้งหมอแผนปัจจุบัน
กับแผนโบราณ วินิจฉัยไม่เหมือนกัน
วิสัชนา อย่าเอาวินิจฉัยแพทย์โบราณ ไปรวมกับวินิจฉัยแพทย์แผนใหม่
แพทย์โบราณ จะตรวจพลัง คี่ ชีวิต สำหรับหมอแผนปัจจุบัน ต้องเกิดอาการก่อน ตรวจเคมีในกาย แต่แผนโบราณ เคมีในกายเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว คือจะตรวจสิ่งที่กำลังจะเป็น ใช้คำว่าทำนายโรค
คนที่จะทำนายได้โดยไม่ผิดเลย ถือว่าเป็นระดับปรมาจารย์ ดูแววตา ดูสีหน้า ดมกลิ่นตัว
ต้องให้ตรวจหลายคน เพราะถ้าไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ อาจจะไม่ถูกต้อง
ถ้าจะตรวจ ตับ ไต ใจ ปอด (ธาตุดิน) ต้องตรวจ เวลาตั้งแต่ เลยเที่ยง – ไม่เกิน6 โมงเย็น
ถ้าจะตรวจ น้ำดี เสลด ม้าม น้ำเชื้ออสุจิ (ธาตุน้ำ) ต้องตรวจ เวลาตั้งแต่ ตี 5 – ก่อนเที่ยง
ถ้าจะตรวจเรื่องลม ท้อง ตั้งแต่ เย็น – 3-4 ทุ่ม
ถ้าหมอที่ไม่เชี่ยวชาญจริงๆ และตรวจไม่ตรงกับอาการที่แสดง นอกจากผู้ตรวจจะเชี่ยวชาญ
มันมีเหตุปัจจัย แสดงให้เห็นเยอะแยะ
แพทย์แผนปัจจุบัน ตรวจเคมี วิเคราะห์องค์รวมของโรคนั้น
ถ้าผิดเวลา ผลที่ตรวจอาจคลาดเคลื่อน
ถ้าเป็นจริงๆ อย่ากินยา ไต ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกาย อย่านอนดึก
อย่ากินอาหารจนล้นกระเพาะ
จะกินครึ่งกระเพาะ
จะเห็นหลวงปู่ตักอาหาร กินพออิ่ม
วันไหน เปลี้ย ก็กินไขมัน แป้ง แยะหน่อย
วันไหนอึดอัด ก็กินผักแยะหน่อย
พระพุทธเจ้าสอนว่า ผู้มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก
ผู้มีสติในวาจา วาจานี้ไม่ลำบาก
ผู้มีสติในใจ ใจนี้ไม่ลำบาก
ปุจฉา อยากจองหุ้น 100 หุ้น แต่ขอทยอยจ่าย
วิสัชนา จองหุ้นไว้ก่อนได้ ว่าจะขยายถึงออกพรรษา
ปัจจัยเหล่านี้ ไปทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ทำ packaging ขยายตลาด โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ
หอมจังหลวงปู่ ไม่อยากให้อยู่ในระดับใด แต่อยู่ให้ได้ทุกระดับ บน กลาง ล่าง
วิธีคิดของหลวงปู่ ทำให้ของดี แต่ราคาถูก
คนทุกชั้นได้ใช้ของดี ราคาถูก ช่วยศาสนา เพราะชั่วชีวิตหลวงปู่ไม่เคยขอใคร
สังคมไทยไม่กล้าที่จะยอมรับในสินค้าที่เรามี ยาโรคกระเพาะ ห้ามใช้ชื่อยาว่า ยาโรคกระเพาะ
เมื่อวานทำ gel ทากันยุง ซื้อน้ำมันข่า สองหมื่นกว่า เอาไปทาล้อมของ มดหนีหมด
ยามีได้ 90 พิกัด เครื่องสำอาง 27 ชนิด เพิ่มสบู่หมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลวงปู่ว่าอยู่ได้นะ ตามวิสัยทัศน์ของหลวงปู่
ในตลาดสินค้าพวกนี้ ถือว่าเรามีสินค้ามากที่สุด คือเรามีหลากหลาย
เราเป็นเจ้าของสูตรเอง ดีกว่าคนอื่น
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เพราะว่าหลวงปู่ไม่ได้หวังกำไร ทำแล้วมีความสุข
ถ้ากูว่างนะ มีสินค้าอีกแยะ
ประกาศให้พวกขายหุ้นทั้งหลาย..........
พวกที่จะขายสินค้า เอาศรัทธานำหน้า อะไรก็ง่ายหมด
เมื่อวานไป เอ เอส ทีวี เค้าเอาสินค้าเราไปบวก 30% 50% เลยเตือนเค้าว่า ถ้าบริษัทเค้าทำแบบนี้ ลูกค้าจะกลับมาว่าเค้า
หลวงปู่ให้นโยบายว่า บริษัทนี้จะให้กำไรไม่เกิน 15% เกินกว่านี้ไม่ได้
หลวงปู่จะทำหน้าที่คุมราคาต้น กับ ราคาปลาย
หลังปฏิบัติธรรม
หลวงปู่สังเกตเห็นว่า เดินไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ไม่สนใจรอบกาย ต่างคนต่างไป
วิถีอรหันต์ภูมิจะเป็นอย่างนั้น แต่วิถีพระโพธิสัตว์ไม่ได้ ถ้าผ่านขั้นนั้นได้ ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้า............ ต้องเตือนว่า ต้องใส่ปัญญา ใส่เมตตา
คนอยู่ใกล้ ทำไม่ถูก ต้องเข้าไปบอกกล่าว ต้องมีสัมปชัญญะอยู่เรื่อยๆ
กูไม่ยุ่งกับใคร สุดท้ายจะกลายเป็นการสั่งสมอบรมความเห็นแก่ตัว
นักปฏิบัติส่วนใหญ่ เมื่อกายรวมใจแล้ว จะชั่งมัน ไม่รู้สุข ทุกข์ ร้อน หนาว รอบกาย
สังคมต้องพึ่งพิงอาศัย แล้วจึงจะ วาง แล้ว ว่าง
สังคมต้องพึ่งพิงอาศัย แล้วจะใช้คำว่า ชั่งมัน ไม่ได้
ชั่งมัน ตัวนี้ จะทำให้เราเป็นคนคับแคบ เห็นแก่ตัว
ถ้าลูกหลานจะฝึกวิถีพระโพธิสัตว์ ต้องฝึกโพธิญาณให้ได้ เห็นพลาด ต้องแนะ เห็นผิด ต้องแก้
เห็น ...ต้องให้อภัย
เค้ามีสิทธิ์ที่จะเรียนได้เท่ากับเรา เค้ามีโอกาสเท่ากับเรา
สำหรับหลวงปู่ ไม่ได้มองตังค์เป็นใหญ่ แต่มองสังคมเป็นใหญ่