4.12.2553 วันเสาร์เช้า วัดอ้อน้อย โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รัก
ไปไหนกันหมดหว่า หา ไปบวชพระ บวชพระวัดไหน อ้อ เค้าไป 3 โบสถ์
วัดอ้อน้อย วัด... วัดธรรมศาลา กลัวจะบวชเสร็จไม่ทันเย็น เดี๋ยวเย็นต้องมาสวดมนต์ ประสะโลหิต ขอขมาพระรัตนตรัยที่เอาพระพุทธรูป พระปฏิมา เหรียญคณาจารย์ เหรียญพระทั้งหลาย มาหล่อพระมหาพุทธพิมพ์ โดยธรรมเนียมแล้วก็ต้องทำพิธีขอขมา ก่อนที่จะไปหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เขาใส่เบ้าหลอมในวันพรุ่งนี้ เย็นๆ เดี๋ยวต้องไปสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์กันที่ฐานพระ ตรงที่เค้าทำพิธีหล่อพระ แล้วก็ซักประมาณ
2 ทุ่ม น่าจะแล้วเสร็จ
วันนี้กินข้าวกันแล้วหรือยังล่ะ ใครมีอะไรจะถาม เชิญตามอัธยาศัย
ไม่เอา เออ ไม่เอา ไม่ชอบ กูเอามาแล้วก็ไม่ได้ใช้ เอามาทำไม ก็ไม่ใช้ กูไม่ใช้แล้วมึงจะบังคับกูได้ไง ไม่เอา ไม่เอา ขี้เกียจวุ่นวาย รำคาญ เห็นก็ไม่เอา ไม่เอา เออ ถ้ามันหายจริง อ้ายคนที่ทำมันคงจะดีหมดทุกคน เออ ไม่มีใครเจ็ง เออ ประเทศจีน อุ้ย ประเทศจีนก็คงจะดีหมด หายไปเลย กูไม่เอา ฝากกูไม่เอา ให้ฟรีก็ไม่เอา เออ ไม่เก็บเงินก็ไม่เอา มึงเอาไปทำของมึงเฮอะ ไม่ต้อง กูจะแสดงธรรม มึงน่ะไปไกลๆ ตีน จะแสดงธรรม มาขัดจังหวะ อะไร ๆ เยอะแยะ
พระเราเนี่ย ถ้าไม่รู้จักปฏิเสธบ้าง กุฏิเป็นนรก สูงท่วมหัว มึงเคยไปไม๊ ตามกุฏิหลวงตา หลวงพ่อแก่ๆ ที่นอนมีอยู่นิดเดียว ที่เหลือนอกนั้น อุ้ย สารพัด กูไม่อยากเป็นพระหลวงตา คนโน้นถวายนั่น คนนี้ถวายนี่ อะไรต่ออะไรไม่รู้เยอะแยะ อะไรที่ใช้ได้ก็เอา อะไรที่ใช้ไม่ได้ ก็ไปถวายที่เค้าใช้ได้ เอามาไว้ให้เราก็ไม่รู้จะไปทำอะไร แล้วเป็นภาระกรรม ของเค้าก็จะเสียหาย ไม่ได้ประโยชน์ คนที่ถวายก็ไม่ได้คุ้มกับการที่ไปขวนขวายแสวงหามา หยูกยาเหมือนกัน ถ้ากูป่วยนี่นะ มาเป็นลัง อะไรต่ออะไรก็ไม่รู้ กินแก้โน่นแก้นี่ ยาบำรุง ยาอะไร
เดี๋ยวนี้มันรู้ ไม่ยอมถวายเอง มันฝากมากับสำรับกับข้าว วางมากับสำรับกับข้าว เราก็ให้ส่งคืนไป เดี๋ยวมันก็รวมมาเป็นลังๆ เราก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
เพราะงั้น ของที่มันจะประเสริฐ มีบุญ เอาไปให้กับคนที่เค้าต้องการ เวลาเราเอาเงินไปให้ขอทาน ขอทานโอ้โฮ้ จะมีความรู้สึก เออ นี่เราต้องการ ไปให้กับคนที่เค้าไม่ต้องการ มันก็เหมือนกับเอาไปวางทิ้งเฉยๆ แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร การทำบุญ พระพุทธเจ้าสอนให้ใช้ปัญญา ใช้สติปัญญาในการบริจาค ไม่ใช่นึกอยากจะให้ก็ให้ ถ้าเค้าไม่ต้องการ ไปให้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าเราจะเอาเพียงแค่อานิสงส์ เออ ได้ถวายพระสุปฏิปันโน พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ นั่นก็ไม่ว่ากัน แต่มันเป็นภาระกรรม ถ้าพระองค์นั้นรับมาแล้วมาวางทิ้ง เดี๋ยวก็ อ้าว ท่านทำไมไม่ใช้ของชั้น อุตส่าห์นำมาถวาย อ้าว เวรกูอีกแล้ว ซวยกูอีกแล้ว กูต้องมานั่งเฝ้าของมึงยังไม่พอ ยังต้องคอยบริการ
แล้วหลวงปู่นิสัยเป็นคนไม่เอาใจคน คือไม่เอากิเลสคน ไม่ชอบที่จะไปเอาใจกิเลสมนุษย์ อยากบอกว่า ถวายของตามสมณะสารูปน่ะดีแล้ว สมณะสารูปคืออะไร คือพระสมณะท่านใช้อะไร ถวายแค่นั้นพอแล้ว คำว่าสมณะแปลว่า ผู้สงบ ผู้สงบเค้าใช้อะไร ก็ถวายแค่นั้นพอ อย่าถวายเกินกว่าผู้สงบ เมื่อกี้มาอะไร ของเล่น เครื่องสั่นสะเทือนเหรอ อย่างนี้ไม่สงบแล้วลูก ไม่เอา เอามาไว้เยอะๆ แล้วก็เป็นภาระที่จะต้องมาแบก มาดูแล มาหาม
มารักษา แล้วมันก็ทำให้คนมองว่า เราเป็นผู้ขวนขวาย ตะกุมตะกาม ตะกละ สะสม ทะยานอยาก ไม่รู้จักจบสิ้น แล้วมันก็จะจบลงตรงคำว่า ที่นี้มันก็ไม่ต้องไปไหน กลายเป็นจิ้งจก ตุ๊กแก แมลงสาบ มานั่งเฝ้าอะไรก็ไม่ต้องทำอะไร งั้นให้ของที่จำเป็นกับสมณะสารูป อย่าเกินเลยสมณะสารูป
แล้วอะไรบ้างที่มันจำเป็นสำหรับสมณะสารูป ก็มี ผ้าไตร จีวร จำเป็นสำหรับสมณะสารูป บาตร บริขาร เครื่องใช้สำหรับสมณะสารูปก็มี เข็ม มีด้าย มีเครื่องกรองน้ำ
มีมีดโกน พอพูดอย่างนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเป็นลังเลย แล้วกูจะใช้เข็มเล่มไหนดี เอาเป็นว่า ตามความจำเป็นสมณะสารูปที่พิจารณา แล้วสุดท้ายก็คือ ปัจจัย 4 ก็คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค แล้วก็เครื่องอนุเคราะห์ บำรุงส่งเสริม ตามเหตุตามปัจจัย อย่าเกินเลยความจำเป็น โอ้โฮ้ นี่ซื้อ ถวายโน่น ถวายนี่เยอะแยะ กลายเป็นบำรุงบำเรอกิเลสนักบวชเลยไม่เป็นนักบวช เลยเป็นนักอะไรต่ออะไรสารพัดนัก ไม่ถูกต้อง
มีใครอยากถามอะไร เชิญ
ปุจฉา มีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้ผู้หญิงมีครรภ์ยอู่ในโบสถ์เวลาบวชพระ
วิสัชนา กูก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เค้ากลัวออกลูกยากมั๊ง เฉพาะโบสถ์ที่เป็นมหาอุด
คนโบราณเค้าเชื่อกันอย่างนั้นนะ โบสถ์มหาอุด คือโบสถที่มีประตูอยู่ทางเข้าทางเดียว ไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตู เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วนี่ โบสถ์มหาอุด ไม่มีแล้ว
โบสถ์มหาอุดส่วนใหญ่ก็จะทำในภูมืภาคที่ฝนตกชุก แล้วก็เป็นโบสถ์ที่ชาวบ้านสร้างขึ้น เป็นโบสถ์เตี้ยๆ เล็กๆ อะไรอย่างนี้ หลวงปู่กลับว่าดีนะ บวชตั้งแต่อยู่ในท้อง ไปนั่งสวด แต่คนสมัยโบราณกลัวว่าคลอดลูกยาก ออกลูกลำบาก มันเป็นความเชื่อ แต่จริงๆ ไม่น่าจะเกี่ยว ดีเสียอีกสิจะได้ร่วมอนุโมทนา นี่อ้ายหนู มึงดูพ่อมึงบวชนะ เออ วันข้างหน้า เอ็งต้องมาบวชบ้าง เหตุผลอื่นคงไม่มี ความเชื่อที่เข้าใจกันผิดๆ จบ
ปุจฉา เอาเงินใส่บาตรพระใหม่ จะบาปไม๊
วิสัชนา ไม่บาปหรอก ถ้าพระท่านใช้ ใส่เท่าไหร่ล่ะ ถ้าใส่น้อยอาจจะบาป ใส่มากไม่บาปหรอกโยม เต็มบาตรไม๊หลวงพี่ ไม่เต็ม เดินวนอีกรอบก็ได้ มันเป็นตัวแทนของปัจจัย 4 แต่พระใหม่บวชมาไม่ทันได้ใช้เงินหรอก ลูก เพราะบวชที่นี่ เค้าก็เลี้ยงตลอด เลี้ยงวันนึง 4 เวลา น้ำปานะ 2 เวลา เดี๋ยวบ่ายๆ นี่ก็เลี้ยงน้ำปานะ แล้วเย็นอีก กลางวันก็ถวายภัตตาหารเพล ภัตตาหารเช้า 4 เวลา งั้น ไม่ทันได้ใช้เงินหรอก
ไม่มีใครถามปฏิบัติธรรมบ้างเลย จะสอบอยู่เนี่ย อ้อ คล่องอยู่แล้ว รู้แล้ว
ปุจฉา เนื่องจากลูกๆ ไม่กล้าสอบเดี่ยว ไม่ทราบว่าจะสอบเป็นกลุ่มได้ไม๊
วิสัชนา อะไรนะ ไม่กล้าสอบอะไรนะ อ้อ ก็รอให้กล้าก่อน แล้วค่อยสอบ
ยังไม่กล้าก็ยังไม่ต้องสอบ ไว้กล้าชาติไหนแล้วค่อยเข้ามาสอบ
อย่ามองว่าการสอบเป็นเรื่องของการตรวจสอบ แต่เป็นเรื่องของการทบทวนสิ่งที่เรารู้มาว่าถูกหรือผิด แล้วเมื่อรู้ผิดๆ จะเห็นไม๊ว่า กูจะแก้ให้ แก้ไม๊ เออ อะไรที่รู้ผิด ทำผิด พูดผิด คิดผิด ก็จะแก้ไขปรับปรุงให้ ขึ้นอยู่กับว่า เราปรารถนาที่จะปรับปรุงพฤติกรรม คำที่พูดและสูตรที่คิด และวิธีปฏิบัติของเราหรือเปล่า ถ้าปรารถนาที่จะพัฒนา มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณ ก็ไม่เห็นต้องกลัวครู อ้ายเรื่องดีๆ ทำกลัว ทีอ้ายชั่วๆ ทำจัง มันต้องใช้คำนี้ ไม่รู้จะไปกลัวอะไร เราไม่ได้ไปฆ่าคนตาย ทำเสียหายผิดพลาด เห็นหน้ากูแล้วก้าวไม่ออก มือไม้สั่นเป็นง่อย ขาแข็ง มือไม้แข็งไปหมดเลยเนี่ย มันไม่น่าใช่ เพราะงั้น ไม่ต้องกังวล
การสอบก็คือ การได้รับความรู้เพิ่มพูนมากขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะอะไร ถ้าไม่ถูก ก็จะแนะนำไปแก้ไข แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า เรียนไปตั้งเยอะแล้ว มันจะสามารถทำถูก คนมีเป็นร้อย คนลงชื่อเข้าสอบก็ไม่น้อย อ้ายที่ยังไม่ได้ลงชื่อเข้าสอบ ก็มีอีกหลายร้อย แล้วจะรู้ไม๊ว่าที่ทำอยู่ ถูกหรือผิดแค่ไหน มันควรจะปรับปรุงพัฒนา อ้ายที่ถูกอยู่แล้ว จะพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไร
เพราะงั้น การสอบก็คือ กระบวนการหนึ่ง ในการใช้คำว่า สอบอารมณ์เหมือนกับที่สำนักอื่นเค้าใช้ ก็ไม่น่าจะผิดอะไร แต่มันต่างกันตรงที่ว่า อ้ายสอบอารมณ์ที่สำนักอื่นเค้าทำน่ะ เค้าถามเฉยๆ อ้ายนี่ให้ลองปฏิบัติให้ดู แล้วก็จะแนะนำขั้นตอนว่า อ้ายที่ทำอยู่น่ะ มันใช่ ไม่ใช่ ได้เสีย ถูกผิด มันไม่น่าจะเสียหายอะไร
ปุจฉา แม่เป็นอัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม ทานยาอะไร
วัสัชนา ยาละลายลิ่มเลือด กับยาบำรุงเซลล์สมอง อย่างละ 2 เม็ด เช้า เย็น
ปุจฉา
วิสัชนา ยาฟอกเลือด เป็นยาร้อน แต่มันจะขับเลือดเสียที่ไม่พึงปรารถนาในร่างกาย เลือดเมื่อได้รับการบำบัด จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ยาบำรุงปลายประสาทตา ต้องดื่มน้ำเยอะๆ พอๆ กัน ยาเม็ดนึงหมายถึง งู 1 ตัว เพราะทำจากดีของงู ดีงู ดีหมี ดีหมู หมูป่าที่วัดมันก็อายุยืน อย่ากินเยอะ เปลือง
ปุจฉา อายุ 6 ปี เป็นตะคิวบ่อย
วิสัชนา กินยาบำรุงปลายประสาท กับยาโสมฟ้า น่าจะช่วยได้ เลือดไปเลี้ยงปลายประสาทได้ดี