18.07.2553 9.00 น. สวนลุมพินี
ธรรมะหลวงปู่พุทธะอิสระ
เจริญธรรม เจริญสุขท่านสาธุชนคนดีทุกท่าน และท่านผู้ชมรายการอาทิตย์สดใส
อยากกล่าวขอบคุณ ขอบใจหลายท่านที่เป็นห่วงเป็นใยในสุขภาพพลานามัย ที่มีอาการป่วย
กระดูกสันหลังทรุด อยากบอกว่าไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พยายามอดทน โชคดีเป็นคนมีวิชา ก็พอจะทำงานได้ แต่ถ้านั่งรถนานๆ ก็จะปวดหลัง ถ้าจะไม่ให้ปวดก็ต้องนอนลง แต่เป็นคนไม่ชอบนอน
ในรถ ชอบสังเกตดูทัศนียภาพ สิ่งแวดล้อมรอบข้าง ก็พอทนได้ในระดับหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นนักกล้าม ดึงบาร์ เช้า เย็น เดินวิชาปราณโอสถ ให้ไขกระดูกสร้างเซลล์ไขกระดูกขึ้นใหม่
ช่วงนี้ก็พยายามไม่ไปยกของหนัก แต่ก็ทำงาน ไม่ต้องกังวล เพราะอยู่ได้ด้วยวิชา
อีกเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เล่าเรื่องไปเวียดนาม มีโอกาสได้ไปนั่งร่วมกินข้าวในวงเหล้า
มีเสียงตำหนิว่า ท่านไปฉันร่วมได้อย่างไร………
ฉันว่าพระพุทธเจ้าคงเข้าใจว่าในสถานการณ์ที่น้อยนิด อีก 5 นาที ก็อดข้าว ในห้องเล็กนิดเดียว
ทั่วฮานอยมี 27 หมู่บ้าน รวมอยู่ในสมาคม
การที่เราต้องการช่าง ก็ต้องไปติดต่อสมาคมนี้
พอลงจากเครื่องบิน เค้าก็บอกว่าจะเลี้ยง
บังเอิญเป็นห้องแคบๆ วางโต๊ะตัวนึง คนฮานอย 5 คน พระอีก 4 รูป
ถึงเวลาเจรจาจะพูดคุย เตือนพวกฮานอยว่า เกินเที่ยงไม่ได้
พระเวียดนามฉัน 3 มื้อ มื้อที่หิว กินให้ได้ 3 มื้อ ต่อ 1 วัน
เค้าก็รีบสั่งอาหารมาให้ ไต้ซือวัดเขาน้อยที่เมืองกาญจน์ เป็นผู้ที่คุ้นเคยกัน กินเจ นึกว่าพระที่มาฉันเจ
เราก็ผูกเขตสีมาในใจ จะย้ายที่นั่งก็ไม่ได้ เลือกไม่ได้
ซักพัก เค้าเอาเหล้ามา เราก็ทำใจแล้วหละ
เรามาบ้านเค้า ไม่ให้เกียติเค้า ให้เค้ารู้สึกไม่ดี
เมื่อคุยไม่ได้ เมื่อเราแสดงความรังเกียจ แล้วเราจะคุยกับเค้าได้ไม๊
อยากบอกว่า หลวงปู่รู้ดีว่าจะทำอะไร
มีอยู่วัน เค้าพาไปอดข้าว ที่ๆ จะไปฉันเพล รถติด เลยไป 5 นาที เพราะเที่ยงแล้ว หลวงปู่ก็ไม่ฉัน
กูยอมอด ดีกว่าไม่ภาคภูมิ
หลวงปู่บอกเค้าว่า ไม่เป็นไร พวกคุณกินไปเหอะ
หลวงปู่ไม่ได้เอาศีลไปเสียกับสิ่งที่มาบีบคั้น
ไม่ได้ทำให้วงจรสมณะสารูปเสียไป
เรามาเจรจาให้เค้าหาคนงานให้เรา เพราะว่าเค้าเป็นหัวหน้าชมรม
งวดแรกจะส่งมา 8 คน อีกซัก 2 อาทิตย์
ถามว่าทำไมเอาแรงงานเวียดนาม เพราะแรงงานถูกมาก ขยัน อดทน แต่เจ้าเล่ห์
อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ได้ สองพันกว่าบาท
ตอนนี้แรงงานจีน คนละ 2000 บาทต่อคน ต่อวัน
คิดว่าได้แรงงานมา 10 กว่าคน กับ 2000 น่าจะคุ้มกว่า
เป็นงานศิลปะตามเชื้อชาติเฉพาะตนที่คนไทยทำไม่ได้
- สุขชาตินี้ ทุกข์ในชาติหน้า
- เป็นทุกข์เวลานี้ แล้วเป็นทุกข์ในชาติหน้า
- เสพแล้วเป็นทุกข์ในปัจจุบัน แต่สุขในอนาคต พวกนี้เป็นพวกบำเพ็ญตบะ คนถือศีล
มีจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
- สุขในชาตินี้แล้ว สุขในชาติหน้า คือ พวกเสพฌานสมาบัติ อยู่ในขั้นสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
จึงอยากวิงวอนให้หาเครื่องเสพ...........
ไปวัดไหนก็ได้ที่เค้ามีคำสั่ง คำสอนของสติ ปัญญา
ทำไมพระพุทธเจ้าสอนให้มีปัญญา
ปีนี้ที่วัดอ้อน้อย หลวงปู่จะให้มีกิจกรรมแสดงตนเป็นพุทธมามะกะ รับศีล 5 แล้วจึงจะถือศีลอุโบสถ
เจริญเนกขัมปฏิบัติ
สัปดาห์หน้า ต้องเป็นสัปดาห์แห่งการเรียนรู้จริงๆ จังๆ
หลวงปู่จะบอกว่า ทำไมพระพุทธเจ้าสอนปัญญานำหน้า ศีล สมาธิ
ทำไมศีลนำหน้าสมาธิ
จะได้เข้าใจ และปฏิบัติมันอย่างจริงๆ จังๆ
สุขในชาตินี้ และสุขในชาติหน้า เรียกว่า มหาปนิพพาน (ใครทราบคำที่ถูกต้อง ช่วยบอกที)
เวลาฉันมีปัญหากับงาน
ทุกวันนี้ ฉันตื่น หลังจากทำภารกิจส่วนตัว ออกจากห้องนอน งานรออยู่หน้าห้อง
ช่างแกะ ช่างปั้น ช่างหล่อ ช่างไม้
วิธีของฉัน คือ งานของฉันคือวิธีผ่อนคลายชีวิต
มีสติอยู่กับกาย นี่คือการปลดเปลื้องที่ยั่งยืน แข็งแรง และจะมองปัญหาอย่างทะลุปรุโปร่ง
สัปดาห์หน้าใครไปวัดอ้อน้อย ต้องทำ และทำอย่างจริงๆ จังๆ 3 วันเต็มๆ
ฉันเชื่อว่า คนไปวัดอ้อน้อย จะได้เรียน ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ได้อย่างเข้าใจเสียที
หลวงปู่อยู่ได้เพราะหลวงปู่ชอบปัญหา ไม่หนีปัญหา
ถ้ารู้จักหลวงปู่ 30 กว่าปี จะเห็นว่า หลวงปู่ไม่อยู่กับที่
หลวงปู่อยู่กับปัญหาอย่างหันหน้าเข้าไปหาอย่างไม่สะดุ้ง
พระที่วัด เห็นหลวงปู่ ……… ถ้าเป็นหลวงปู่นะ ครูมาหา ถือว่าเป็นมงคล
หลวงปู่เห็นปัญหาว่า เป็นสภาวะทุกข์อย่างหนึ่ง
หลวงปู่จะกำจัดตัวเองที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ของเค้า
ลาออกเพื่อลดวุฒิภาวะที่สูงกว่าเค้า จะได้ไม่ระแวงเรา
สังคมปัจจุบัน จับผิดคนอื่น โดยไม่พัฒนาตัวเอง
หลวงปู่ไม่โทษคนอื่น
นี่คือวิถีของครู ครูคนนี้ไม่โทษคนอื่น
ที่ตำหนิเพื่อให้แก้
หลวงปู่ถือว่า คนเราเมื่อลงมือทำงาน นั่นคือการพัฒนาชีวิตแล้ว
ถ้าไม่ทำงานแล้วขอพร ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ได้พร
ต้องลงมือทำ ไม่ใช่เอาแต่จำ แล้วไม่ทำเลย
ที่หลวงปู่ได้ กับที่หลวงปู่ให้ เทียบกันไม่ได้เลย
หลวงปู่มองทุนเป็นชีวิต ใช้สติปัญญาที่ตัวเองมีเป็นทุน
บทโศลกหลวงปู่ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เรื่องที่ยากที่สุดสร้างมิตรแท้
หลวงปู่ไม่กลัวศัตรู สิ่งที่กลัว คือ ไม่ได้ทำอะไร เหมือนต้นไม้ยืนรอวันตาย
ชีวิตแบบนี้น่ากลัวมาก เหมือนชีวิตที่ไร้ชีวิต
ไปเวียดนาม .......ชีวิตกูจะไม่เป็นอยู่ด้วยความไม่ภาคภูมิ
คือเราภูมิใจในชีวิตขณะนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้
ไม่ได้ทำลายลมหายใจ
เรามีสาระให้กับมันเสมอ
เราไม่ได้อยู่แบบไร้สาระ
ความภาคภูมิของหลวงปู่ ไม่ใช่คนอื่นชม
หลวงปู่สร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งรอบกาย
ฉันเป็นคนไม่จนปัญญา
จนชีวิต จนใจ ก็ไม่ถือว่าจน
แต่โคตรจน คือจนปัญญา
กายศักดิ์สิทธิ์ จิตศักดิ์สิทธิ์ เพราะศึกษาธรรมศักดิ์สิทธิ์
ทำให้ชีวิตมีอิสระจากเครื่องร้อยรัด
จะ เย้ย ได้ ทั้ง ฟ้า ท้า ได้ ทั้ง แผ่นดิน
หลวงปู่ไม่ตีราคาชีวิตเป็นตัวเลข แต่ชีวิตก็คือ ชีวิต
ปุจฉา อายุ 48 ปี เป็นลมชัก
วิสัชนา มีหลายสาเหตุ เกิดจากเส้นเลือดตีบไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือเป็นเนื้องอก
CT SCAN น่าจะบอกสาเหตุได้