ถ้อยอัญเชิญบวงสรวง.. ปณิธานธรรมหลวงปู่พุทธะอิสระ
ถ้อยอัญเชิญบวงสรวง.. จากหนังสือใบไม้แห่งชมภูทวีป ตอน: พระองค์ที่ ๑๐ หน้าที่ ๕ - ๑๑
* "ข้าแต่สวรรค์และฟ้าดิน..
ด้วยสถานภาพที่ข้าเป็นอยู่
สองขาและสองเข่าข้ามี.. คุกเข่าไม่ได้
สองมือข้ามี.. ประณมกรไม่ได้
หนึ่งหัวข้ามี.. โค้งคำนับไม่ได้
แต่.. หนึ่งใจข้ามี.. ยอมรับท่านได้..
ดิถีอันเป็นมงคลได้วนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง..
ข้าและลูกหลานทั้งหลาย ได้ตระหนักสำนึกถึงพร
ของสวรรค์.. บุญคุณของฟ้า.. อุปการะของแผ่นดิน
ที่มีต่อข้าและมนุษยชาติ ปวงสรรพสัตว์ทั้งหลาย..
วันนี้.. ลูกหลานของข้า จึงสรรหาเครื่องบูชาเพื่อให้ข้าได้ทำพลีกรรม บูชาคุณธรรมของสวรรค์และฟ้าดิน.. ขอสวรรค์และฟ้าดินจงยินดีในเครื่องพลีกรรมเหล่านี้ของปวงข้า..
.. เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
แม้นมนุษย์ไม่รู้ แต่ข้ารู้.. สวรรค์รู้ ฟ้ารู้ ดินรู้
ว่าทั้งชีวิตของข้าได้ทุ่มเทถวายเป็นพุทธบูชา มุ่งมั่นปฏิบัติในโพธิธรรม เพื่อให้ลุถึงโพธิปัญญา..
ด้วยโพธิศรัทธาที่มีมาชั่วชีวิตของข้า..
ซึ่งข้าก็ตระหนักสำนึกว่า.. ต้องประพฤติตนให้
มีประโยชน์ต่อมหาชนและสัตว์ โดยไม่มีสิทธิ์ขอร้อง และด้วยวิถีแห่งโพธิศรัทธานี้..
ข้าได้พบว่าหน้าที่ของข้าคือ ต้องสามารถรองรับความทุกข์ เดือดร้อนของสรรพสัตว์อย่างกล้าหาญ.. องอาจและไม่หวั่นไหว..
.. ข้ามีหน้าที่ต้องบำเพ็ญบุญ ทำดี
สร้างบารมี และแบ่งปันบุญญาบารมีความดีเหล่านั้น ให้แก่ปวงสรรพสัตว์ ผู้ร่วมเกิด.. แก่.. เจ็บ.. ตาย
ทั้งหลาย โดยไม่เสียดายในบุญอันนั้น..
.. ข้าตระหนักสำนึกเสมอว่า..
สรรพสัตว์ทั้งหลาย คือ หัวใจและอวัยวะสำคัญของกายข้า.. ข้าจึงต้องเอ็นดูการุณยภาพต่อสัตว์เหล่านั้นดั่งชีวิตของข้า.. ข้ารู้ด้วยวิถีแห่งโพธิญาณจึงจำเป็นต้องแกร่งกล้าในบารมีธรรมอย่างยิ่ง.. อย่างมิรู้อิ่ม
และมิรู้เบื่อ..
.. ข้าระลึกเสมอว่า.. สัตว์ตนใดมีปัญญาสามารถชี้แจงแสดงธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ข้าจะต้องให้ความเคารพยอมรับในสัตว์ตนนั้น
ในขณะนั้น ยังไม่หวาดระแวงคลางแคลงสงสัย..
ข้าจะต้องกระหนาบย้ำเตือนตนเองอยู่เสมอว่า..
ลาภสักการะและโลกธรรมทั้งหลาย..
เป็นเหมือนดั่งอสรพิษร้าย ที่จ้องจะรัดรึงพันธนาการชีวิตจิตใจและกายข้าให้เศร้าหมอง และฉิบหายเสียหาย.. ข้าจึงไม่ควรยินดีในลาภสักการะและโลกธรรมเหล่านั้น..
.. และ.. สุดท้าย เป็นเรื่องลำบากที่ข้าค่อนข้างทำได้ยากแต่จะเพียรพยายามทำ
เพื่อความสุขของสรรพสัตว์ เรื่องนั้นก็คือ..
ไม่ว่าผู้อื่นกระทำทารุณกรรมต่อข้า หนักหนาสาหัสปานใด ข้าจะไม่ตำหนิติด่าว่าเขาเหล่านั้น แต่ข้า.. จะตำหนิติด่าตนเองว่ายังคิดไม่ดี.. ทำไม่ดี.. พูดไม่ชัด
จึงเป็นเหตุให้เขาเหล่านั้นโกรธเคือง ก่อเรื่องเดือดร้อนต่อสังคม
เมื่อข้าเป็นต้นเหตุ ข้าควรจะต้องรับผิดชอบ
ต่อเหตุนั้นๆ ด้วยความดุษฎี..
ด้วยอธิษฐานธรรมทั้ง ๘ ประการของข้า
ดังกล่าวมาแล้วนี้..
.. ข้ายินดีจะถวายให้เป็นพุทธบูชา และทำพลีกรรม
ต่อฟ้าดิน และสวรรค์ รวมทั้งอุทิศผลบุญเหล่านี้ทั้งหมด ให้แก่ลูกหลานของข้า และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย..
.. ข้ายินดีน้อมรับบททดสอบอันรุนแรงและหนักหน่วงที่ยาวนานนับจากบทบัญญัติของกรรม สรรพสัตว์ ฟ้า ดิน และสวรรค์ที่จะประทานให้..
.. ข้าให้สัจจะวาจาว่าจะมิปริปากบ่นท้อแท้.. ท้อถอย หรือพ่ายแพ้ เพราะข้าเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของโพธิศรัทธา ซึ่งมีอยู่ในโพธิธรรม ได้อบรมนำพา
จนลุถึงโพธิปัญญาอันบริสุทธิ์ และข้าก็เชื่อว่า..
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของโพธิธรรมนั้น จะปกป้องรักษากาย และจิตของข้าให้ศักดิ์สิทธิ์ตามไปด้วย..
.. ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้รับ ทำให้สองขาข้ายืนอย่างมั่นคง.. และเดินไปข้างหน้าอย่างองอาจ สง่างาม แม้นจะมีลมพายุร้าย
สองมือของข้าสามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างไม่รู้สึกเมื่อยล้า หรือเหนื่อยหน่าย ..
แม้จะอยู่ท่ามกลางความบีบคั้น และพลังผลักดันทั้งปวง
.. ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ในโพธิธรรม..
ยังช่วยพยุงประคับประคองหนึ่งกายของข้า
ให้ตั้งมั่นตระหง่าน สามารถทานมลภาวะและสารพันปัญหาอย่างไม่ย่อท้อ.. ไม่ท้อถอย.. ไม่หวั่นไหว
และไม่พ่ายแพ้ แถมยังรู้สึกองอาจ สง่างาม..
ด้วยวิถีแห่งโพธิธรรมจนทำให้เกิดโพธิปัญญา
ในหนึ่งหัวของข้า.. ข้าจึงคิดแก้ทุกปัญหา
ได้อย่างสนุกสนาน เบิกบาน ชุ่มฉ่ำ
และล้ำสมัย..
.. ประโยชน์อันยิ่งใหญ่เหล่านี้จะไม่มีเอาเสียเลย ..
ถ้าขาดท่านแม่ผู้มีพระคุณ.. ขาดท่านพ่อผู้การุณย์
ขาดเหล่าลูกหลาน ชาวบ้าน
และสรรพสัตว์ผู้มีน้ำใจ กรุณา เมตตาอาทร
ที่คอยอาวรณ์ เกื้อหนุนอนุเคราะห์ ส่งเสริม
ให้ข้าได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีในโพธิธรรมทั้ง ๑๐ ประการ อันมี..
ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี
ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี
สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี
และอุเบกขาบารมี..
.. ด้วยบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ทำให้สวรรค์เมตตาประทานพรอันประเสริฐ ๓ ประการให้แก่ข้าคือ..
๑. 'สุคติ' นั่นหมายถึง.. ข้าได้เกิดเป็นมนุษย์
ที่มีร่างกายและอวัยวะครบ ๓๒ ประการ..
๒. 'มีโชค' นั่นหมายถึง.. ข้าได้มีโอกาสได้ปฏิบัติในโพธิธรรมและพระธรรมคำสั่งสอน
ที่พระสัมมาสัมพุทธะผู้ประเสริฐพระองค์นั้นได้สั่งสอนไว้ดีแล้ว..
๓. ทำให้ข้าได้เกิดมาอยู่ ใต้ฟ้าและบนแผ่นดินนี้
ซึ่งมั่งมีอุดมไปด้วยกัลยาณมิตร ผู้ประกอบไปด้วยกัลยาณจิต ซึ่งได้มาจากการทำตนให้มีกัลยาณธรรม ซึ่งได้อิงแอบอาศัยอยู่ภายใต้ฟ้าอันการุณย์
และบนแผ่นดินอันอบอุ่น อุดมสิ่งอันดีงามเหล่านี้..
.. ข้าและลูกหลาน จึงตระหนักสำนึกในบุญคุณ
ของสวรรค์ ฟ้า ดิน กรรม ท่านพ่อ ท่านแม่ และผู้มีกัลยาณธรรม ที่คอยอุ้มชูอุปถัมภ์ข้าและลูกหลาน.. ให้มีชีวิต สุคติ มีโชค รุ่งเรืองเจริญ อยู่ได้ตลอดที่ผ่านมา..
.. ขอคุณธรรมจากสวรรค์.. จงดลบันดาลให้
ลูกหลานของข้า จงเป็นผู้ยิ่งใหญ่..
.. พรจากฟ้า.. จงช่วยปกปักรักษา
ให้ลูกหลานและสรรพสัตว์ทั้งหลายจงพ้นทุกข์ภัย..
.. พลังจากแผ่นดิน.. จงช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ
ให้ลูกหลานของข้าและสรรพสัตว์ทั้งหลาย จงห่างไกล
จากภัยพิบัติและอันตรายใดๆ ทั้งหลายทั้งปวง
อย่าได้มารังควานและกล้ำกราย..
.. ข้าขออุทิศผลบุญทั้งหมดของข้า..
ให้แก่ท่านแม่ ท่านพ่อ รวมทั้งบรรดาญาติมิตร ศัตรู และคนที่รัก คนที่ชัง รวมทั้งลูกหลานอันการุณย์
แห่งข้า ..
ขอจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรง
มีวรรณะผ่องใส มีจิตใจเป็นสุข พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น .. เทอญ.."
#ถ้อยอัญเชิญบวงสรวง..
หลวงปู่พุทธะอิสระ
วัดธรรมอิสระ (วัดอ้อน้อย) อ. กำแพงแสน จ. นครปฐม
#ใบไม้แห่งชมภูทวีป ตอน : พระองค์ที่ ๑๐
หน้าที่ ๕ - ๑๑