วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ. กำแพงเสน จ.นครปฐม

แสดงธรรมวันตรุษจีน ณ วัดอ้อน้อย วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556

10 ก.พ.2556    11.30 น. ธรรมะวันตรุษจีน   แสดงธรรมโดย องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ

(กราบ)
วันนี้เป็นปีใหม่ของพี่น้องชาวจีน ก็มีทั้งพี่น้องชาวไทย มาร่วมด้วย ...อากาศจะเย็น ๆ

อบอ้าว พื้นดินก็แฉะชื้น คนแก่คนเฒ่าเดินระวัง .... เดี๋ยวจะลื่น พื้นดินบางทีไป

เหยียบแล้ว มีเศษดินติดมา แล้วก็ไปเหยียบพื้นปูน ลื่นๆ ก็จะล้ม งั้น ให้มีสติไว้มากๆ ระวังตัวหน่อยแล้วกัน

อย่าให้เจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ วันมงคลอย่างนี้ เค้าถือว่า มันจะเป็นลางไม่ดี เกิดเหตุเพท

ภัยอันไม่ดี ก็ระมัดระวังตัวเอง วันนี้ ต้องพูดดี ทำดี คิดดี ทำสิ่งดีๆ ทำเรื่องดีๆ ปรารภแต่สิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล

เจ้าหน้าที่ ช่วยนำพัดลมเอามาไว้ในหอพระโพธิสัตว์อีกซัก 2 ตัวซิ

ใครที่ไหว้พระไหว้เจ้า วางฝั่งนี้บ้างก็ได้ ขออภัยในความไม่สะดวก เพราะมันยังสร้างไม่เสร็จยังมีเรื่องมีราว ที่ต้องทำอีกเยอะแยะ

ที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ ก็เป็นวิหารพระโพธิสัตว์ เป็นสถานที่ๆ ต้องถือว่า สำหรับคนที่ปรารถนา

ความผาสุข ความสำเร็จ ความมีกำลัง มีเรี่ยวแรง มีความหวังอันรุ่งเรือง ที่จะมาซึมซับเอา..ความงดงาม

คราครั้งใด ที่เรารู้สึกอ่อนแอ พ่ายแพ้ ท้อแท้ หรือไม่ก็ ท้อถอยต่อปัญหาและอุปสรรค ที่มี

ในชีวิต เราก็จะนั่งอยู่ในวิหารพระโพธิสัตว์ แล้วก็ดูพระโพธิสัตว์แต่ละรูป แต่ละปาง ที่ท่าน

ได้ทำงาน ทำหน้าที่ ทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อโลก ต่อสังคมอย่างยากเย็น ยากแค้นแสนเข็ญ

บางครั้งก็ทุกข์ทรมาน เลือดเนื้อเข้าแลก แต่ท่านก็ไม่ท้อ ไม่ท้อถอย ไม่พ่ายแพ้ ไม่อ่อนแอ และยังมีกำลังวังชาที่จะสู้จนกระทั่ง ชีวิตสุดท้าย

ทั้งหมด ไม่ใช่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่เป็นประโยชน์คนอื่น แต่คนที่สิ้นหวัง คนที่หมดเรี่ยวแรง ขาดกำลังใจที่เกิดจากทำภารกรรม

ภารกิจไม่สมปรารถนา ไม่สมประกอบ ไม่สมหวัง ภารกิจเหล่านั้น ก็อาจจะทำเพื่อตนเอง ครอบครัวสังคม

สิ่งแวดล้อมอะไรก็ตามที แต่ก็ยังมีความยิ่งใหญ่น้อยกว่าพระมหาโพธิสัตว์

งั้น เราจะสิ้นหวังไม่ได้ เราจะหมดเรี่ยวแรงไม่ได้ เราจะท้อแท้ไม่ได้ เราจะอ่อนแอ เราจะ

พ่ายแพ้ไม่ได้ เราต้องมีกำลัง, 2 ขา แข็งแรง ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง, 2 มือ ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า อย่างมีสติตั้งมั่น,

1 ตัว ตั้งมั่น และ 1 หัว คิดทุกเรื่องที่เข้ามาและออกไปอย่างเป็นผู้มีปัญญาวิเคราะห์ ใคร่ครวญ พินิจพิจารณา เท่านี้

เราจะเห็นว่า กว่าจะเป็นวัดอ้อน้อย นี่ ต้องถือว่า เป็นตำนาน ต้องต่อสู้ ต้องฝ่าฟัน ต้องอดทน

ต้องแก้ปัญหา ทั้งลูกปืน ทั้งอิทธิพล ทั้งมีด ทั้งนักเลงข่มขู่สารพัด แม้ที่สุด ประกาศขายวัด

ก็ยังโดนด่าว่า อยากดัง ทั้งที่ มันจำเป็นจะต้องทำ ด้วยเหตุผลว่า คนรอบข้างเค้าเดือดร้อน

เต็มที เด็กนักเรียนไม่มีอันจะเรียนหนังสือ ไม่ไปเรียนหนังสือ ก็เพราะกลิ่นของอาหารสัตว์ที่ฟุ้งกระจายไป

แล้วก็อย่างที่ทราบ กรมวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม เค้ามาพิสูจน์ มันเกินเป็นสิบ ๆ เท่า มันเกินจนกระทั่งเราไม่มีสิทธิ์จะหายใจ

เจ้าของ อ้ายผู้จัดการโรงงาน มันมาพูดกับเราว่า กลิ่นแค่นี้ ก็น่าจะหายใจได้แล้ว ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตเราไม่มีสิทธิ์จะหายใจด้วยตัวเราเอง

ต้องให้คนมากำหนดลมหายใจให้เรา อย่างนี้มันก็ไม่ไหว

โดยเฉพาะลูกหลานที่อยู่รอบๆ มีเด็กนักเรียน 3 โรงเรียน วัดอีก 3 วัด หมู่บ้านชุมชนที่

เค้าเดือดร้อน แต่ไม่มีใครกล้า เพราะถ้าขืนพูดมาก ก็อาจจะศพไม่สวย เหมือนอย่างที่อดีต

กำนันเคยไปพูด แล้วก็โดนตบด้วยปืน แล้วสุดท้าย 2 เดือนต่อมา มันก็โดนรถชนตายอย่างนี้เป็นต้น

เพราะงั้น หลวงปู่ไม่ได้กลัว เพราะว่า หลวงปู่มีพระโพธิสัตว์อยู่รอบตัว ไม่กลัวความเสียหาย

เพราะเราเป็นคนไม่มีต้นทุนที่จะเสีย ไม่กลัวความล่มสลาย ไม่กลัวความตาย ไม่กลัวความเจ็บป่วย

กลัวอย่างเดียวว่า คนชั่วจะเอาเปรียบคนดี แล้วคนดีจะไม่มีสิทธิที่จะยืนอยู่บนแผ่นดินนี้ได้

อย่างเป็นสุข กลัวแค่นี้ กลัวว่า สังคมจะเดือดร้อน เพราะคนไม่กี่คน แล้วคนไม่กี่คน จะทำ

ให้คนอีกหลายร้อยคน มีปัญหาและเป็นทุกข์เหมือนๆ กับหมู่บ้านห้วยด้วน หลังจากหลวงปู่

ประกาศขายวัด เค้าก็ประกาศขายหมู่บ้านบ้าง แต่ก็โดนนายอำเภอ มาสั่งห้ามภายในครึ่งวัน

ถามว่า สาเหตุอะไรก็โรงงานเหมือนกัน โรงงานเผายาง เผายางเอาน้ำมัน แล้วก็เอาฝุ่นยางไปทำผงคาร์บอน

แล้วทำให้พวกเค้าเป็นมะเร็งกันหลายคน หมู่บ้านอยู่กันไม่ได้ สาธารณสุขบอกให้คนแก่กับคนท้อง ต้องย้ายออกจากหมู่บ้าน

ร้องมา 2 ปี ไม่มีใครสนใจ ร้องมากก็โดนขู่จะฆ่า สุดท้าย ก็ต้องมาร้องให้หลวงปู่ช่วย

เดี๋ยวนี้ กลายเป็นเปาบุ้นจิ้นล่ะ รับเรื่องร้องเรียนไปทั่วสารทิศ ตรงไหนถ้ามีปัญหา ก็ต้องมาหาหลวงปู่

งั้นก็ ถ้าหลวงปู่ไม่ทำ ก็ไม่ได้ชื่อว่า เป็นพระโพธิสัตว์ แต่เห็นว่า คนอื่นเค้ามีความทุกข์

แล้วทำนิ่งเฉย ไม่ใส่ใจ ก็ไม่ควรจะสร้างวิหารพระโพธิสัตว์ ไม่ควรจะเรียกขานตัวเอง และ

ประกาศโฆษณาว่า เราปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ หวังเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เพราะ

ไม่คิดจะช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก แล้วจะอยู่ไปทำไม

มีชีวิตอยู่อย่างไม่ภาคภูมิ หลวงปู่สู้ไม่อยู่ดีกว่า สู้ไม่มีชีวิตอยู่ดีกว่า สู้ไม่มีลมหายใจดีกว่า

ถ้าอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ หวาดกลัวต่ออำนาจมืด ก้มหัวให้กับสิ่งชั่วร้าย ชั่วชีวิตนี้ ไม่มีอยู่ในหลวงปู่ล่ะ

งั้น จึงอยากฝากบอกลูกหลาน ท่านที่รักทั้งหลายว่า ในวิหารนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยพระผู้มาก

ไปด้วยพลัง มากไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเรา มีพระโพธิสัตว์ทั้ง 40 กว่าปางตรงศีรษะเรา

มีเทพมงคล สัญลักษณ์มงคลร้อยแปด เรียกว่า มงคลไม่รู้จบในเสารอบ ๆ วิหาร

เสาแต่ละต้นก็มีสัญลักษณ์มงคลพุทธ ซึ่งเป็นมือพระโพธิสัตว์ที่อวยชัยให้พร

ให้สิ่งบันดาลความสุข ความสำเร็จ ความปลอดภัย และความแคล้วคลาด

งั้น การที่หลวงปู่ได้รังสรรสร้างสิ่งเหล่านี้ เพราะศรัทธาในวิถีแห่งพระโพธิญาณ ก็อย่างที่

เคยเล่าให้ฟังว่า เคยป่วยแล้วอาการหนัก เดินทางกลับมาจากเขมร ไปธุดงค์ ไปอยู่ที่โรงเจ

แถวพนัสนิคม ทุ่งเหียน เป็นโรงเจร้าง ก็เลือดไหล ถ่ายเป็นเลือด สุดท้าย ตอนกลางคืน

พระโพธิสัตว์ท่านนำเอาลูกท้อมาให้ 3 ผล เช้าขึ้นมา ได้ฉันลูกท้อ แล้วก็หายจนถึงวันนี้

เพราะฉะนั้น เมื่อมีกำลัง มีแรง ก็บอกกับท่านว่า จะสร้างวิหารพระโพธิสัตว์ถวาย แล้วก็จะ

ปฏิบัติตัวให้เป็นพระโพธิสัตว์ พยายามช่วยเหลือสรรพสัตว์ ปลดเปลื้องความทุกข์เดือดร้อนของสรรพสัตว์เท่าที่สามารถจะทำได้ตามกำลังสติปัญญา

2 วัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมา ลมพายุ มันพัดเอาป้ายหล่น ยังมีเสียงลือว่า หลวงปู่ได้เงินมา

แล้ว 10 ล้าน เค้าลือกัน ลมพายุพัดเอาป้ายล้ม เค้าหาว่า เราปลดป้ายเพราะได้ตังค์มาแล้ว 10 ล้าน

เอ่อ รุ่งขึ้น หลวงปู่ก็เลยเอาป้ายขึ้น มันก็บอก 10 ล้านยังไม่พออีก ต้องขออีก อะไรของมันก็ไม่รู้

มันว่าของมันเรื่อยเปื่อยไป มันเป็นอำนาจเถื่อนที่พยายามบีบคั้น ที่จริง เราไม่ได้รังเกียจ หลวงปู่ไม่ได้เกลียดโรงงาน

ถ้ามันทำประโยชน์ให้สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อนมนุษย์รอบด้าน อยู่ร่วมกับเค้าได้เพราะไม่ได้รังเกียจ

ไม่คิดจะไปว่า แรก ๆ มาสร้าง ก็ถามแล้วว่า มาทำอะไร เค้าบอก มาทำโกดัง ทำไปทำมา

มันพัฒนากลายเป็นโรงงานไปได้ยังไง ก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่ได้ผ่านประชาวิจารณ์ ไม่ได้ผ่านอะไรต่ออะไร

ข้าราชการก็ไม่ค่อยชอบ คือ ไม่ค่อยชอบคุณภาพของชีวิตประชาชน แต่ชอบคุณค่าของโรงงาน

เพราะโรงงานมีมูลค่าให้ข้าราชการ แต่คุณค่าของประชาชนไม่ค่อยมีมูลค่าให้ข้าราชการ

ก็เลยไม่ค่อยสนใจ ที่จะใส่ใจดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุข หลายปีที่ผ่านมา ต้องต่อสู้ ต้องอดทน

เล่าให้ฟังอย่างนี้ ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ถ้าไม่ใช่เพราะมีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา มีพลังของพระมหาโพธิสัตว์อยู่ในจิตวิญญาณ

ก็คงจะต้องเลิกไปละ เลิกสู้ ยุติบทบาท  ขนาดนั้นยังมีเสียงขู่ว่า เดี๋ยวรถ 10 ล้อจะเบียด จะชน

กลับมาจากทองผาภูมิ ไปดูเรื่องโรงงานรีไซเคิล ขยะที่ไปปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำแควน้อย

แล้วแม่น้ำแควน้อย นี่ไปทำอะไร ทำน้ำประปาให้คนกรุงเทพฯ กิน โรงงานนี้ มันก็ซื้อขยะ

ซื้อขยะพวกกระป๋อง พวกถัง พวกถุงพลาสติก เอามาล้าง แล้วก็เทน้ำใส่แม่น้ำ

งั้น อ้ายกระป๋อง ถุงพลาสติก มันก็มีอะไรล่ะ น้ำยาฆ่าแมลง น้ำยาฆ่าเชื้อ อะไรต่ออะไรต่าง ๆ

คนเค้าก็ทรมานมา 2 ปี หลวงปู่ไปธุดงค์แถวนั้น ไปปักกลด พาชาวบ้านไปปฏิบัติธรรม ก็ยังเจอกับตัวเอง

สุดท้ายก็ต้องไปดูเค้า พอกลับมา ก็เจอดอกไม้จันใส่ซองมาวางไว้ให้ เค้าเคารพเรามาก เลยถวายดอกไม้จัน

กลัวไหม ไม่กลัว หลวงปู่ไม่กลัว   ถามว่า ทำไมไม่กลัว  ก็ไม่กลัว เพราะว่าพระโพธิสัตว์ท่านเฉือนเนื้อตัวเอง

เลี้ยงแม่เสือลูกอ่อนที่กำลังจะอดตาย เพื่อให้แม่เสือได้มีนมเลี้ยงลูกอีก 3 ตัว

แล้วหลวงปู่ยังไม่ได้เฉือนเนื้ออะไรตัวเองเลยซักนิด เพียงแค่ทำเรื่องเล็กน้อย ทำไมจะต้องไปกลัว

งั้น ถ้าทำเพื่อประโยชน์สุขสังคมส่วนรวม สิ่งแวดล้อม สรรพสัตว์ ประชาชน ทำได้ ไม่ได้หวาดผวา

ไม่สะดุ้งกลัว เพราะว่า เป็นคนไม่มีต้นทุนชีวิตอยู่แล้ว เป็นคนไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร

อยู่ก็เพียงเพื่อจะทำประโยชน์ แล้วก็รอวันตายอย่างมีมูลค่า เท่านั้นเอง

งั้น ลูกหลานก็ต้องคิดให้ได้ว่า เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร แล้วเราจะทำอะไร ใครได้อะไรจากสิ่งที่เราทำ

อย่าหวังว่า เราจะได้อะไรจากใคร ถ้าคิดแบบนี้ เราจะทุกข์มาก เพราะคนนู้นก็ไม่อยากให้เรา

คนนี้ก็ไม่อยากให้เรา ใคร ๆ ในโลกก็ไม่อยากให้ใคร มีแต่อยากเอาของใคร ถ้าเราคิดแบบนี้ เราจะเป็นคนที่ทุกข์ที่สุด

งั้น จงคิดว่า เราทำอะไรเพื่อใคร อย่าหวังว่า เราจะได้อะไรจากใคร เท่านั้นแหละ เมื่อใดที่เราทำอะไรเพื่อใคร ๆ

เราจะรู้สึกภาคภูมิ แข็งแรง มีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และเป็นสุข หายใจอย่างภาคภูมิ และรุ่งเรืองเจริญทุกเวลา

ไม่ว่าหลับหรือตื่น  เอาล่ะ ให้ทุกท่านร่ำรวย รุ่งเรือง เจริญธรรม อายุยืน สุขภาพแข็งแรง

ขอเทพเจ้า เทวดาฟ้าดิน จงอภิบาล บำรุง ปกป้องคุ้มครองรักษาให้ท่านร่ำรวย ค้าขายกำไรดี

มีลูกหลานกตัญญู มีคุณธรรม มีญาติมิตรที่รุ่งเรืองเจริญ ตัวท่านเองก็ วาสนาดี บารมีมาก

รวยเงิน รวยทรัพย์ รวยโชค รวยธรรม รวยสุข รวยปัญญา ทุกท่าน ทุกคน เทอญ (สาธุ)

(กราบ)

เอา มาเอาส้มกับอั่งเปาลูก เมื่อกี้นี้กูเพิ่งฉันลูกท้อไปลูกเดียว เห็นว่าลูกหลานมาเยอะ

ก็เดี๋ยวแจกส้ม แจกอั่งเปา

(กราบ)

 

 

31 | 5 สิงหาคม 2024, 17:07
บทความอื่นๆ