(ผู้นำ)  ( หันทะ  มะยัง  พุทธานุสสะตินะยัง  กะโรมะ เส )
อิติปิ  โส  ภะคะวา            
    เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
อะระหัง            
    เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ        
    เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน    
    เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ
สุคะโต            
    เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
โลกะวิทู            
    เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
อะนุตตะโร  ปุริสะทัมมะ สาระถิ           
    เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้  อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สัตถา  เทวะมะนุสสานัง     
    เป็นครูผู้สอนของเทวดา  และมนุษย์ทั้งหลาย       
พุทโธ     
    เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
ภะคะวาติ
    เป็นผู้มีความจำเริญ  จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้
สวากขาโต  ภะคะวะตา  ธัมโม    
    พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า  ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
สันทิฏฐิโก
    เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษา   และปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก    
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล    
เอหิปัสสิโก
           เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า  ท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก
    เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ  วิญญูหีติ               
    เป็นสิ่งที่ผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า  หมู่ใดปฏิบัติดีแล้ว
อุชุปฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ        
    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า  หมู่ใดปฏิบัติตรงแล้ว
ญายะปฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  
    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า  หมู่ใดปฏิบัติเพื่อรู้ธรรม
    เป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว                                                        
สามีจิปฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ                                                                  
    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า  หมู่ใดปฏิบัติสมควรแล้ว
ยะทิทัง             
    ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ
จัตตาริ  ปุริสะยุคานิ  อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา                                                  
    คู่แห่งบุรุษ 4 คู่  นับเรียงตัวบุรุษได้ 8 บุรุษ   
เอสะ  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ                                                                                      
    นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อาหุเนยโย
           เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะ ที่เขานำมาบูชา
ปาหุเนยโย
    เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะ ที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
ทักขิเณยโย              
    เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
อัญชะลีกะระณีโย      
    เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
อะนุตตะรัง  ปุญญักเขตตัง  โลกัสสาติ ฯ      
    เป็นเนื้อนาบุญของโลก    ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้

        “พุทธชัยมงคลคาถา”

พาหุง   สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง   อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา   ชิตะวา   มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนีได้ชนะพญามาร     ผู้นิมิตแขนมากตั้งพัน       
    ผู้ถืออาวุธครบมือ ขี่คชสาร ครีเมขละ     พร้อมด้วยเสนามาร                
    แล้วพากันโห่ร้องก้องกึก    พระจอมมุนีทรงกำราบด้วยธรรมวิธี        
    ทานบารมีเป็นต้น   ขอชัยมงคลทั้งหลาย   จงมีแก่ท่าน    
    ด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัยมงคลนั้น
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนีทรงได้ชัยชนะแก่   อาฬวกยักษ์ผู้มีจิตกระด้าง
    เป็นผู้ปราศจากความอดทน  มีฤทธิ์มากยิ่งนักกว่าพญามาร
    เข้ามาต่อสู้ด้วยฤทธิ์จนตลอดรุ่ง    คือวิธีทรมานด้วยธรรม             
    คือพระขันติ     ขอชัยมงคลทั้งหลาย    จงมีแก่ท่าน     
    ด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัยมงคลนั้น
นาฬาคิริง   คะชะวะรังอะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ  สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี   ทรงได้ชัยชนะพญาช้างชื่อนาฬาคิรี  
    เป็นช้างเมาดุร้าย  ทารุณประดุจไฟป่าและจักราวุธทั้งสายฟ้า
    ทรงราดลงด้วยน้ำ  คือธรรมได้แก่พระเมตตา     ขอชัยมงคล
    ทั้งหลาย   จงมีแก่ท่านด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัยมงคลนั้น
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี   มีพระหฤทัยไปในที่จะกระทำอิทธิปาฏิหาริย์    ทรง
    ได้ชัยชนะต่อโจรองค์คุลีมาล   ผู้มีพวงมาลัยเป็นนิ้วมือ    แสนร้าย
    กาจมีฝีมือ   ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ไปสิ้นทาง 3 โยชน์    ขอชัยมงคล
    ทั้งหลาย  จงมีแก่ท่าน  ด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัยมงคลนั้น
กัตวานะ   กัฏฐะมุทะรัง  อิวะ  คัพภินียา
จิญจายะ  ทุฏฐะวะจะนัง  ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ  โสมะวิธินา  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี    ทรงได้ชัยชนะต่อการกล่าวใส่ร้าย   ของนางจิญจ
    มาณวิกา    โดยอาการทำประการหนึ่งว่ามีครรภ์    และทำไม้มี
    สัณฐานอันกลม     ให้เห็นเป็นประดุจว่ามีท้อง    ด้วยวิธีสำรวม
    สมาธิอันงาม     คือความระงับพระหฤทัยในท่ามกลางหมู่ชน            
    ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน  ด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัย
    มงคลนั้น
สัจจัง  วิหายะ  มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง  อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี    รุ่งเรืองแล้วด้วยประทีปคือปัญญา    ทรงได้
    ชัยชนะสัจจะกนิครนถ์     ผู้มีอัชฌาสัยในอันที่จะสละเสียซึ่ง
    ความสัตย์     มีใจที่จะยกถ้อยคำของตนขึ้น    ให้สูงดุจยกธง
    เป็นผู้มืดมนงมงายยิ่งนัก     ด้วยพระปรีชาในเทศนาญาณวิธี             
    คือรู้อัชฌาสัยแล้วตรัสเทศนา       ขอชัยมงคลทั้งหลาย  
    จงมีแก่ท่าน    ด้วยเดชแห่งพระพุทธะชัยมงคลนั้น
นันโทปะนันทะภุชะคัง  วิพุธัง  มะหิทธิง
ปุตเตนะ  เถระภุชะเคนะ  ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา  ชิตะวา  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี    โปรดให้พระโมคคัลลานะเถระพุทธะชิโนรส   
    เนรมิตกายเป็นนาคราช    ไปทรมานพญานาคราช    ชื่อนันโท
    ปะนันทะ   ผู้มีความรู้ผิดมีฤทธิ์มาก     ด้วยวิธีสอน    อุปเทศ
    แห่งฤทธิ์   แก่พระเถระจนได้ชัยชนะ    ขอชัยมงคลทั้งหลาย  
    จงมีแก่ท่าน  ด้วยเดชแห่งพระ    พุทธะชัยมงคลนั้น
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ  สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง   วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ  วิธินา  ชิตะว  มุนินโท
ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เต  ชะยะมังคะลานิ

    พระจอมมุนี  ทรงได้ชัยชนะแก่พรหม ผู้มีนามว่าท้าวพกาผู้มี
    ฤทธิ์   มีความสำคัญตนผิด   คิดว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์        
    มีมืออันท้าวภุชงค์คือทิฏฐิที่ตนถือผิด     รัดรึงไว้แน่นแฟ้นแล้ว   
    ด้วยวิธีวางยาอันพิเศษ  คือเทศนาญาณ   ขอชัยมงคลทั้งหลาย
    จงมีแก่ท่าน  ด้วยเดชแห่งพระ    พุทธะชัยมงคลนั้น
เอตาปิ  พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทิเน  สะระเต  มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ   จุปัททะวานิ
โมกขัง  สุขัง  อะธิคะเมยยะ   นะโร  สะปัญโญ

    นรชนใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน ระลึกถึง    
    ซึ่งพระพุทธะชัยมงคล 8 ประการเหล่านี้ทุก ๆ วัน
    นรชนนั้นละเสียได้  ซึ่งอุปัทวันตรายทั้งหลาย  
    มีประการต่างๆ เป็นเอนก
    แลเข้าถึงซึ่ง วิโมกขะสิวาลัย อันบรมสุขทุกเมื่อเทอญฯ