06 ต ค 56 ณ. วิหารพระโพธิสัตว์ หลักในการถือบวชเนกขัมมะ โดย องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ (9.44 นาที)
(กราบ)
ขออนุโมทนาในกุศลคุณงามความดี ที่พวกท่านบำเพ็ญ วันนี้ถือว่าเป็นการถือศีลกินผักในวันที่เท่าไหร่ล่ะ วันที่ 3 นี่ต้องสมาทานโพธิธรรมข้อว่า (เนกขัมมะ) เอ้อ ทำความเข้าใจเรื่อง เนกขัมมะให้ชัดว่า เนกขัมมะปฏิบัติ เนี่ย มันมีธรรมประกอบที่ให้สำเร็จประโยชน์เนกขัมมะอยู่ แล้วธรรมประกอบนั้นก็คือ วิริยะ ความเพียรพยายามทำ
หัวใจสำคัญของเนกขัมมะ ก็คือ วิถีแห่งการพัฒนาตน เราจะพัฒนาไม่ได้เลยถ้าเราไม่มีความพียร พยายาม
งั้น ความเพียรพยายาม จึงเป็นหัวใจของเนกขัมมะ เราจะเจริญเนกขัมมะบารมีให้เจริญ ให้สำเร็จ ให้ลุล่วงได้ก็ต้องมีความเพียรอย่างยิ่ง
เพียรอะไร
เพียรละความชั่ว เพียรทำความชั่วที่มีให้ลดลง เพียรทำกุศลให้เกิดขึ้น เพียรทำกุศลที่มีให้เจริญมากขึ้น อย่างนี้เป็นต้น ความเพียรในการที่สั่งสมอบรมบารมีธรรมต่างๆ นาๆ เช่น เพียรในการปฏิบัติธรรม เพียรในการฟังธรรม เพราะเนกขัมมะเป็นวิถีทางของปัญญา ซึ่งจะเป็นบารมีในข้อต่อไป
งั้น เราจะไม่สำเร็จประโยชน์ในการบำเพ็ญเนกขัมฯ เลย ถ้าเรามีความสันหลังยาว ขี้เกียจ ละเลย เพิกเฉยต่อการพัฒนาตัวเอง ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจที่จะบริหารจัดการวิธีคิด วิถีชีวิต วิถีทำของตัวเอง แล้วปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามยถากรรม ตามอารมณ์ ตามอำเภอน้ำใจของกิเลสที่จะชักพาไป
งั้น ผู้บวชเนกขัมมะ ต้องมีความเพียรอย่างยิ่ง หรือ ผู้เจริญเนกขัมมะ ต้องมีความเพียรอย่างมาก คนสันหลังยาวปฏิบัติเนกขัมมะไม่ได้ เพราะวิถีของเนกขัมมะ สูตรสำเร็จก็คือ การได้พัฒนาตัวเอง
แล้วองค์ประกอบของเนกขัมมะ นอกจากมีความเพียรแล้ว มันจะต้องมี หิริ ความละอาย โอตัปปะ ความเกรงกลัว เพราะถ้าเป็นนักบวชไม่ละอายชั่ว ไม่กลัวบาป ก็อาจจะทำผิด ทำพลาด ทำเผลอไผล ทำขาดสติ ทั้งต่อหน้าและลับหลังได้
งั้น นอกจากมีความเพียรแล้วก็ต้องมี หิริ ความละอาย โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาป อีกทั้งก็ต้องมีสติ ความระลึกได้อยู่เนืองๆ ว่า เราเป็นผู้ถือบวช เป็นผู้รักษาพรหมจรรย์
ระลึกรู้ไม่ได้ การปฏิบัติของเราก็จะย่อหย่อน มันจะบกพร่อง มันจะไม่ถูกต้อง แล้วศีล คือ หลักปฏิบัติของเนกขัมมะก็จะผลุบๆ โผล่ๆ มันจะด่างพร้อย มันจะใช้การไม่ได้
งั้น กระบวนทัศน์ของการบวชเนกขัมมะ มันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของผู้นำ ผู้ที่บวชได้นี่ ต้องถือว่า เป็นผู้นำ ก่อนอื่นก็นำตัวเอง สะสมไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นนำพาหมู่คณะ เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะในที่สุด เนกขัมมะจึงเป็นธรรมของมหาบุรุษ เป็นธรรมของมหาสตรี คือ บุรุษที่แข็งแรงอย่างยิ่ง สตรีที่แข็งแรงอย่างมาก จึงจะปฏิบัติเนกขัมมะได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะต่างจากธรรมะอื่นๆ หรือว่า ข้อปฏิบัติอื่นๆ เช่นทาน เช่นศีล เช่นปัญญา เช่นวิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ธรรมเหล่านี้ ก็ยังเป็นธรรมเดี่ยว ธรรมเล็กๆ เค้าเรียกว่า ธรรมตัวเดียว หรือ ธรรมองค์เดียว หรือคุณลักษณะเดียว
แต่เนกขัมมะเป็นธรรมรวมหลากหลายมาก ก็อย่างที่ยกให้ฟังว่า นอกจาก มีความเพียร มีหิริ ความละอายชั่ว โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาป มีสติ ความระลึกได้ มีสัมปชัญญะ ความรู้ตัว แล้วก็ยังมีอินทรีย์ ความสำรวมสังวรณ์ระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ตนพูดชั่ว คิดชั่ว ประพฤติชั่ว ไหลไป ลื่นไปตามอารมณ์ที่ตาเห็น หูฟัง จมูกได้ ลิ้นรับอีกต่างหาก มันจึงเป็นธรรมที่ค่อนข้างจะทำให้บุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติ กลายเป็นมหาบุรุษ เป็นมหาสตรี เป็นธรรมที่ยิ่งใหญ่ เป็นธรรมที่เจริญรุ่งเรือง เป็นธรรมของผู้นำโดยเฉพาะ
งั้น วันนี้ เป็นวันที่พวกท่านทั้งหลายสมาทานเนกขัมมะ มันไม่ได้หมายถึงการถือศีล 8 ไม่ได้หมายถึงการถือศีล 5 หรือศีล 10 อย่างเดียว มันหมายรวมไปถึงกระบวนการทำความเข้าใจว่า วิถีชีวิตของนักบวชหรือผู้ประพฤติพรหมจรรย์ หรือผู้ปฏิบัติเนกขัมฯนั้น จะต้องมีความเพียร เพียรละชั่ว เพียรทำดี เพียรทำให้กุศลเจริญ เพียรละอกุศลทั้งหลายทั้งปวงทั้งเจริญแล้วและยังไม่เจริญ ก็อย่าไปทำมัน อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็มีความละอาย มีสติสัมปชัญญะ มีความสำรวมสังวรณ์ระวัง ที่เรียกว่า อินทรีย์สังวรณ์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อีกทั้งเมื่ออยู่ร่วมกันแล้วมันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ต้องมีเมตตา เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ต้องมีครูบาอาจารย์ มีบุคคลผู้อยู่ใกล้ชิดและชี้นำเรา ก็ต้องมีน้ำใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัย จึงจะทำให้เนกขัมมะเรารุดหน้า รุ่งเรืองเจริญ ผ่อนคลาย ปลอดภัย แล้วก็ได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากบุคคลรอบข้าง แม้พรหมเทวดาก็อำนวยอวยชัยได้
แต่ผู้เจริญเนกขัมมะ แล้วไม่ใส่ใจต่อสิ่งรอบข้าง ก็อาจจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว เป็นอะไร เค้าเรียกเป็นอะไร เป็นฤษี เป็นชีไพรไป อย่างนั้นก็เรียกว่า เนกขัมมะที่ต้องเข้าป่าละ แต่เรายังอยู่ในสังคม มันก็จำเป็นจะต้องใช้ธรรมแห่งความเมตตา ที่จะอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เห็นอกเห็นใจ
เนกขัมมะที่คุยเนี่ย เป็นเนกขัมมะในชั้นแค่สามัญบารมี ถ้าเนกขัมมะชั้นอุปปะบารมี ก็ต้องเป็นเนกขัมมะในชั้นที่ต้องหลีกห่าง ที่เรียกว่า มี วิเวก 3 ก็คือ กายวิเวก จิตวิเวก และอุปธิวิเวก นั่นเป็นชั้น อุปปะบารมี
ชั้นปรมัตถบารมี ก็คือ รักษาจิตไม่ให้พร่อง ไม่ให้กระเพื่อม ไม่ให้กายระคนปนเปื้อนกับกามคุณทั้ง 5 อย่างนี้เป็นต้น แม้ที่สุด ยอมตายเพื่อจะไม่ให้พรหมจรรย์ของตนด่างพร้อย อันนั้นก็ชั้นปรมัตถบารมี
ที่เราทำนี่ก็แค่สามัญบารมี ก็หืดขึ้นคอแล้ว ดูท่าว่าจะรอดไม่รอดไม่รู้ มื้อนี้จะไปเล่นต่อหรือไม่เล่นต่อมื้อเย็น แต่เห็นว่ามื้อเย็นเค้ามีอาหารเลี้ยงนะ เดี๋ยวไปทานอาหารกันก่อน
เอาล่ะ ให้ทุกท่านรุ่งเรืองด้วยปัญญาบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า และปฏิบัติในธรรมที่ตนสมาทานและต้องการปฏิบัติแล้วให้รุ่งเรืองเจริญ สำเร็จประโยชน์ แล้วก็ปลอดภัย ผ่อนคลาย ร่มเย็นเป็นสุข มีความสำเร็จประโยชน์สมปรารถนาทุกท่านทุกคน เทอญ
(สาธุ)
(กราบ)
โรงครัวมันเข้ามาทำข้างใน คนเค้าไม่เห็น ไม่รู้มีคนไปกินข้าวหรือเปล่า ที่จริงโรงครัวมันต้องอยู่ข้างหน้าๆ ให้คนเค้ามองเห็น เดี๋ยวเค้ามีอาหารเลี้ยง ลูก ลองไปดูซิ อาหารเจ
.........101,730 เอายกให้เป็นกองทุนเพื่อสาธารณะประโยชน์
เอาล่ะ กราบพระ อะระหัง สัมมา ลูก
6 ตค 56 13.10 น. ธรรมะอาทิตย์ต้นเดือน ณ. ศาลาวัดอ้อน้อย แสดงธรรม โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
(กราบ)
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนผู้รับชมรายการปุจฉา วิสัชนา คุณมนัส ตั้งสุข ผู้ดำเนินรายการ ญาติโยมพุทธบริษัท ลูกหลาน ชาวครอบครัวธรรมอิสระ ที่มาประชุมพรั่งพร้อมกันในวันแสดงธรรมต้นเดือนของอาวาสวัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ ซึ่งตรงกับเวลาที่พี่น้องชาวจีน หรือว่าพี่น้องชาวไทยบางพวกบางกลุ่ม หรือ หลายกลุ่มในที่นี้ เข้าสู่เทศกาลการกินถือศีลกินผัก แล้วก็กินเจ เดี๋ยวเราฟังธรรมกันซัก 2 ชั่วโมง แล้วก็บ่าย 3 โมงเศษๆ ก็เดินทางไปเจริญพระพุทธมนต์ที่อาคารพระโพธิสัตว์ ถือว่าเป็นการภาวนาธรรม เป็นการปฏิบัติธรรม
วันนี้ ที่จริงแล้วมีเรื่องที่กังวลเล็กน้อย สาเหตุที่กังวล ก็คือ ให้คนเค้าไปสำรวจสถานที่ที่จะเตรียมนำโรงครัวไปประกอบเลี้ยง จัดข้าวสารอาหารแห้ง เตรียมตัวที่จะไปแจกคนที่ได้รับประสบอุทกภัย น้ำท่วม ที่อำเภอบ้านสร้าง ก็เมื่อวานซืน เพิ่งจะกลับมาจากกบินทร์ฯ สถานการณ์ก็น่าเป็นห่วง
ที่น่าเป็นห่วง ก็คือ น้ำมันมากเหลือประมาณ คล้ายๆ กับปี 2554 คือ ความสูงของระดับน้ำ ก็ 2 เมตรขึ้น ชาวบ้านก็อยู่ยาก น้ำก็เริ่มเน่าละ เริ่มมีกลิ่นเหม็น บนถนนก็มีแต่น้ำเต็มไปหมด ท่วมล้อบ้าง ครึ่งล้อบ้าง แล้วแต่ เป็นช่วงๆ
ที่ว่ากังวล ก็คือ ให้ไปสำรวจสถานที่ตั้ง ก็ใช้เวลาสำรวจ 2 วันแล้วยังไม่รู้ว่า สถานที่ที่ตั้งปลอดภัย คือ สถานที่ที่เหมาะสมกับการที่จะจัดแม่ครัวลงครัว การประกอบเลี้ยงว่า มันจะอยู่ตรงไหน ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว ก็คือ หลายหน่วยงานก็อยากจะดึงเอาโรงครัวเข้าไปตั้ง แต่ปัญหาว่า ช่วงนี้ มันเป็นช่วงอะไร ช่วงใกล้เลือกตั้งของ อบต. ของนายก อบต. มันก็มีคนเสนอตัวเข้ามารับอาสา เช่น เอาไปตั้งที่บ้าน อบต. อย่างนี้เป็นต้น
เอ้อ คือ คนไปสำรวจก็คงจะไม่ได้ใช้สมองเท่าไหร่ เห็นเค้ามาอาสา ให้ความสะดวก สุดท้าย เราจะกลายเป็นเครื่องมือของการหาเสียงของนายกฯ คนนั้นๆ ไป
ถามว่า เพราะอะไร
ก็เพราะว่า เราทำข้าวเนี่ย วันหนึ่ง มื้อหนึ่งไม่ต่ำกว่า 4,000 กล่อง แล้ววันหนึ่ง 3 มื้อ ก็เท่ากับว่า ทั้งตำบลเราเลี้ยงหมดตลอดเวลา หรือไม่ก็ บางวันก็หลายตำบลอยู่ บางวันถึงกับ 5-6,000 กล่อง เลยไม่อยากจะกลายเป็นเครื่องมือในการที่จะไปหาเสียงให้ใคร ซึ่งให้เค้าไปถามวันนี้ มีหลายวัดก็ เค้าได้ชื่อมาก็ถามว่า สมภารอนุญาตหรือยัง ก็ยังไม่ได้คำตอบ เมื่อครู่นี้ นั่งรถมาถามว่า แล้วสมภารอนุญาติ ก็ยังไม่รู้ จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่รู้ว่า สมภารอนุญาตหรือยัง รถลาม้าช้างจะเดินทางอย่างไร
การทำงานของคนที่ไม่ใช้สติปัญญา มันยากต่อการที่จะวิเคราะห์ ประมวลภาพ แล้วก็สั่งการที่ปลอดภัย สั่งการที่ผ่อนคลาย สั่งการที่ได้ประโยชน์สูงสุด แล้วก็ประหยัดสุด เพราะหลวงปู่จะให้โรงครัวไปตั้งในที่ที่ชาวบ้านเค้าไม่ไป แล้วในที่ที่ชาวบ้านเค้าไม่ไป ก็ต้องเป็นความสะดวกในระดับหนึ่งของคณะทำงาน
ถามว่า เพราะอะไร
ก็อย่างที่เวลาที่ผ่านมานี่ บางทีหลวงปู่อยู่ด้วย ก็ประมาณ 12.30 น.หรือ ตี 1 ก็ตื่นละ ไปปลุกทหาร ทหารมันบอกว่า ผมเพิ่งนอนเมื่อกี้เองครับ อ้าว ก็มึงเสือกนอนช้า ช่วยไม่ได้ เพราะว่า 6 โมงเช้าจะต้องส่งข้าว 3,500 กล่อง ถ้าไม่ตื่นตอน 12 โมง แล้วจะเอาข้าวที่ไหนไปให้เค้า มันไม่ใช่ข้าวอย่างเดียว มันทั้งข้าว ทั้งกับ ทั้งน้ำ เพราะฉะนั้น มันก็จำเป็นจะต้องตื่น
ถามว่า เหนื่อยมั้ย
เหนื่อยมันก็แค่เหนื่อยกาย ลูก แต่มันสุขใจ ภูมิใจที่เราได้ทำบุญ สำหรับหลวงปู่แล้ว นั่นเป็นวิถีทางการแสวงบุญ คนอื่นเค้าอาจจะไปแสวงบุญตามสังเวชนียสถาน หรือไปอินเดีย ไปฝรั่งเศส แสวงบุญ shopping กระเป๋าหลุยส์ อะไรก็ แต่อาตมาแสวงบุญกับความทุกข์ของชาวบ้าน หลวงปู่แสวงบุญกับความทุกข์เดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งไม่ได้เกาะเกี่ยวกับสถานการณ์
มีคนพูดบ่อยๆ เมื่อวานซืนก่อนจะมา ก็ยังไปคุยกับรองสมภารวัดที่ไปพักอยู่ด้วย ท่านไม่กลัวชาวบ้านเค้าว่าหรือว่า เป็นพระ มานั่งทำกับข้าว ชั่งแม่มันเถอะ อยากว่าก็บอก คนมันมีปาก อยากว่า ก็ให้มันว่า เพราะเรารู้ว่า เราทำอะไร เรื่อง อาบัติ มันเป็นเรื่องสถานะของเฉพาะตน แต่เรื่องประโยชน์ที่ได้จากการที่ตัวเองเป็นอาบัติ มันมหาศาลกับมหาชน
ถ้าหลวงปู่กลัวเป็นอาบัติ แล้วก็ปล่อยให้ชาวบ้านและพระอีกหลายสิบวัด นั่งทำกับข้าวกินเอง ถ้าเราไปเห็น เราจะรู้สึกว่า เอ้อ เรายอมเป็นอาบัติซักคนหนึ่ง แล้วก็อีกหลายสิบองค์รวมทั้งคนอีกจำนวนมหาศาล วันหนึ่งร่วมหมื่นคนได้มีอาหารกินเนี่ย คุ้ม คุ้มไม่เป็นไร หลวงปู่ตกนรกเองไม่เป็นไร แต่อย่าให้คนพวกนี้ต้องทุกข์ยาก ลำบาก เพราะถ้าเราไปเห็น เราก็จะรู้ว่า ศาลาหรือกุฏิหลังหนึ่งเนี่ย มีทั้งผี ผีที่เค้าขนหนีน้ำมาจากศาลาตั้งศพ มีทั้งผี มีทั้งหมา มีทั้งไก่ เอ่อ มีทั้งแมว แล้วก็มีทั้งเด็กวัดแล้วก็มีทั้งพระ ผี หมา แมว ไก่ เด็กวัด พระ รวมกันอยู่ในกุฏิเดียว ช่างกล้องหลวงปู่มันไป มันก็ขี้ขลาด มันไม่กล้าลงน้ำ มันยืนอยู่บนรถ อยากให้มันถ่าย เราก็ไม่มีกล้องไปถ่าย คือ เอาปัจจัย เอาข้าวไปถวายให้พระที่เค้าอยู่
งั้น สถานการณ์อย่างนี้ก็มันไม่ใช่ปกติ เรายอมที่จะลำบากเสียเอง แล้วให้คนอื่นผ่อนคลาย ปลอดภัย ก็ไม่เป็นไร ถือว่า ลงทุนคุ้ม แล้วถามว่า ไม่กลัวขาดพรรษาหรือ เพราะว่า อยู่ในช่วงพรรษา แล้วออกไปตะลอนๆ ก็ไม่เป็นไร ถ้ามันจะขาดพรรษาแล้วมันทำให้สังคม รวมทั้งผู้คนชนชั้นทั้งหลายในระดับที่เค้าทุกขเวทนา ผ่อนคลายได้ ก็ไม่เป็นไร
วิถีของพระโพธิสัตว์ วิธีคิดของพระโพธิสัตว์ต้องอย่าเอาตัวรอด ต้องคิดให้คนอื่นรอด แต่ถ้าเมื่อใดที่คิดเอาตัวรอด มันก็จะเหมือนๆกับคนอื่นๆ คิด เหมือนกับมีคำกล่าวว่า ทำไปเถอะ แต่อย่าให้ตัวเองลำบาก ถ้าลำบากก็อย่าทำ ถ้าพูดแบบนี้ มันก็เท่ากับว่า คนเราน่ะ มันลงมือทำ มันก็เริ่มลงมือลำบากแล้วล่ะ ลูก ไม่มีอะไรที่ทำแล้วมันไม่ลำบากหรอก แค่ลุกขึ้นจากที่นอน ลำบากมั้ย ลำบ๊าก นอนๆ อยู่ ลุกขึ้นจากที่นอนในเวลาที่มันไม่เหมาะสมก็ลำบากแล้ว ไม่ต้องลุกไปทำอะไร แค่ลุกไปเยี่ยว ลำบากมั้ย ลำบากแล้ว
วันนี้มีคนไข้มาบ่นให้ฟังว่า เอ้อ กินยาบำรุงไตกับบำรุงตับหลวงปู่ คือ เค้าเป็นเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลิน พอกินแล้วมันจะเยี่ยวบ่อย อ้าว เยี่ยวบ่อยแล้วมันเป็นยังไง มันรำคาญ มันลำบาก แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรค เพราะการเยี่ยวบ่อย มันก็ช่วยขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ มันช่วยลดน้ำตาลได้ แต่ไม่รู้ว้า ตัวเองเป็นโรค ความที่กลัวลำบาก อยากนอนนานไง เลยบอก เอ้อ ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าแดกเลย ตัวใครตัวมัน ตายไปเพราะโรคน่ะ ดีแล้ว
คือ คนเราถ้ามันกลัวความลำบากแล้ว อะไรมันก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ลุกขึ้นเยี่ยว ก็บอกว่า ลำบาก สาอะไรกับจะลุกขึ้นมาหุงหาอาหาร ประกอบอาหาร ผัดข้าว ผัดกับ ผัดแกงเนี่ย กะทะหนึ่ง ผัดครั้งหนึ่ง พันคน 1,000 คนนะ 1 กะทะเนี่ย ใส่ได้ 1,000 คน คิดดู ตะหลิวมือเดียวนี่จับไม่ได้ ต้องใช้ 2 มือ แล้วก็คนนี่ก็ไม่ใช่ใช้กำลังมือคนได้ ต้องใช้กำลังกายโถมตะหลิว เพื่อจะคนของในกะทะไม่ให้ไหม้ ให้สุกทั่ว มันลำบากทั้งนั้น ถ้าพูดถึงความลำบาก
งั้น ถ้าคิดว่า ใครที่พูดกรอกหูเราบ่อยๆ ว่า ถ้าทำดีแล้วอย่าให้ลำบาก ถ้าลำบากก็อย่าทำ แสดงว่า มันก็ไม่ต้องทำแล้ว ไม่ต้องทำอะไร แม้ลุกขึ้นเยี่ยวก็ลำบาก ถ้าคิดอย่างนี้ เราก็ไม่ควรจะเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคมชั้นสูง มันควรจะต้องเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคมชั้นต่ำ หรือไม่ใช่สัตว์สังคมชั้นสูงที่ไม่ยอมเสียสละอะไร ไม่ยอมพัฒนาอะไร เพราะการพัฒนาทั้งปวง นี่มันต้องลำบากทั้งนั้นแหละ ลูก
พรพุทธเจ้าจึงต้องตรัสสอนเราว่า วิริเย ทุกขมัจเจติ บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ช่างกล้องหลวงปู่มันก็กลัวลำบาก ให้นั่งเรือไปนี่ กล้องนี่มันไม่กล้าจะยกขึ้นสูง มันก็ถ่ายแต่เราอยู่อย่างเดียว ทั้งที่ชาวบ้านก็น้ำท่วมรอบ บริเวรก็น้ำท่วม ความกลัวลำบากไม่อยากจะเก็บภาพออกมาสื่อสารกับสังคม กลัวลำบาก คนเราถ้ากลัวลำบาก มันไม่อยากทำแม้กระทั่งยกมือ อ้าปาก หรือว่า หายใจ ต่อไปก็ ฮือ อย่าหายใจมันเลย มันลำบากนะ ประมาณนี้
งั้น พระโพธิสัตว์ต้องมีอย่างยิ่ง คือ ความเพียร ขันติ ความอดทนมีอย่างยิ่ง ไม่งั้น มันก็จะไม่อยู่ในความหมายของทศบารมีได้ เพราะการปฏิบัติในทศบารมี เป็นเรื่องที่จะต้องเพียรอย่างยิ่ง พยายามอย่างยิ่ง ให้อย่างยิ่ง เสียสละอย่างยิ่ง แม้ชีวิตก็ไม่กลัว ก็ตื่นตั้งแต่ 12 โมง ก็ทำไปยัน 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม ก็ไม่ได้หยุด ทำทั้งวัน เพราะว่ากับข้าว 3 มื้อ ลูก ก็ไม่ใช่อยู่ดีๆ ทำได้เลย หมูต้องหัน ผักต้องล้าง ทุกอย่างต้องเตรียม หม้อข้าวไฟฟ้าเอาไป 10 กว่าหม้อ ร่วม 20 ใบ น๊อก มันเจ๊ง มันไม่ได้พัก หุงข้าวบางทีก็ดิบบ้าง สุกบ้าง ไหม้ อะไรก็ว่าไปเรื่อย แต่ก็พยายามทำให้ได้ดีที่สุด
ยายประคองเค้าก็บอกว่า หลวงปู่เจ้าคะ คือ เค้าเห็นไอ้พวกนักการเมืองท้องถิ่น พวกอบต. นายกอบต. พวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พวกนักการเมืองทั้งหลาย เอารถมาเข้าแถวเอาของ คือ เราก็พยายามจะบอกว่า อย่าเอาไปให้ที่น้ำมันน้อยๆ เช่น น้ำแค่เข่า แค่แข้ง ให้เอาไปน้ำแค่เอว แค่อก หรือ ท่วมคอ มิดหัว ให้เอาไปให้ แต่คนพวกนี้ก็อยากจะเอาใจลูกบ้าน เพราะมันอยู่ในช่วงทั่วประเทศเค้ากำลังเลือกตั้ง ก็จะมาขอ แล้วเค้าก็บอกว่า หลวงปู่เจ้าคะ พวกนี้มันเอาเปรียบเรา เอาของเราไปหาเสียง เราก็เลยบอกว่า มึงน่ะ อย่าพูดมาก
ถามว่า เพราะอะไร
จงภูมิใจที่เราแข็งแรงมากๆให้คนอื่นมาเอาเปรียบ เรามีมากๆ มึงไม่ภูมิใจเหรอ มึงร่ำรวยขนาดอบต.มาเอาเปรียบมึง เอ๊อ มึงแข็งแรงมาก มึงรวยมาก มึงมีมาก ถ้ามึงจนกระจอกต๊อกต๋อย เค้าจะมาเอาเปรียบมึงมั้ย ไม่ ไม่ใครอยากเอาเปรียบคนที่อ่อนแอ แสดงว่า เราแข็งแรงมากๆ เรามีมาก เราร่ำรวยมาก เราจงภูมิใจให้มาก ให้ไปเถอะ ลูก ถ้าเค้ารับการกระทบเดือดร้อน ต้องการ ก็ให้เค้า อย่าไปเลือกที่รักมักที่ชัง คือ ที่ๆ หลวงปู่อยู่นี่ ก็หนีไอ้พวกกลุ่มทั้งหลายแล้วล่ะ
กลุ่มทั้งหลาย คืออะไร
เวลาหลวงปู่จะเอาโรงครัวไปตั้ง นี่ก็ต้องให้สำรวจก่อนว่า มีหน่วยงานอื่นไปมั้ย ถ้าไม่มี เราจึงจะเข้า แต่ถ้าเค้ามีอยู่แล้ว เราก็จะไม่ไปแย่งเค้า หรือไม่เข้า เพื่อให้มันเฉลี่ยลาภให้ทั่วถึง ไม่ใช่ไปจมปลักอยู่ แรกๆ ก็ไปอยู่ที่อำเภอเมือง เพราะว่าผู้คนได้รับผลกระทบมาก แล้วมันกว้างไม่ทั่วถึง ไปอยู่แล้วก็เริ่มมีคนนู้นมา คนนี้มาเยอะขึ้น เราก็ย้าย ย้ายไปอยู่กบินทร์ฯไปศรีมโหสพ ไปในที่ที่มันลึก มันลำบาก คนเข้าถึงยาก เพราะว่ารถเล็กเข้าไม่ได้ ต้องใช้รถใหญ่ รถ 10 ล้อ หรือ รถทหารเท่านั้น ถ้ารถเล็กบางทีก็ไปดับกลางทาง เพราะว่า น้ำมันท่วม บางทีก็เข้าประตู เข้ามาข้างในตัวถังรถ เราก็ไปอยู่แถวๆ นั้น
งั้น การไปของเราก็ต้องมีความหมาย เพราะมันต้องช่วยเหลือคนที่เค้าทุกข์จริงๆ เมื่อเราคิดได้ ทำได้ขนาดนี้ ก็ไม่กลัวใครมันจะมาเอาเปรียบ ถ้ามันจะเอาเปรียบ ก็ถือว่า เรามีบุญมาก เราเป็นคนรวยมาก เป็นคนแข็งแรงมาก เป็นคนที่มั่งมีมากๆ ถึงจะมีคนมาเอาเปรียบเรา หรือว่า มาเกาะเรา มาอาศัยเรา เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ ต้นโพธิ์ใหญ่ ถ้าต้นเล็กๆ ใบโกร๋นๆ นก หมู หมา กา ไก่ คนทั้งหลายก็ไม่อยากเข้าใกล้ มันอาศัยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าต้นใหญ่ๆ ใบปรกคลื้ม ใครๆ ร้อนก็มาอาศัย หลบฝน หลบลมมาอยู่ได้ อย่างผ่อนคลายสบาย ถ้าอย่างนั้น ก็จงภาคภูมิ จงรู้สึกได้ว่า เราแข็งแรงมาก เราร่ำรวยมาก เรามีมากๆ
อันนี้ คือ สิ่งที่อยากเล่าให้ลูกหลานฟังว่า สำหรับหลวงปู่แล้ว มีคนเค้าแสดงความเป็นห่วง มีคนเค้ารู้สึกว่า เราจะต้องรับผลกระทบเยอะแยะมากมาย ภาพข่าวสารข้อมูลมันจ้องจะโจมตี เหยียดหยามทำร้ายทำลายดูถูก ก็ชั่งมัน มันอยากทำก็ชั่งมัน ถ้าตายแล้วมันทำให้คนทั้งหลายเป็นสุขก็ไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว สะดุ้งผวาอะไร อันนี้คือ สิ่งที่อยากเล่าให้ฟัง
แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถือว่าเป็นโชคของพวกท่านทั้งหลาย อยากเชิญชวนว่า มันหาไม่ได้ง่ายนะ ลูก น้ำมันจะท่วม มันใช้เวลาสะสมนานเป็นปีถึงจะได้ท่วม แล้วถ้าท่วมแล้ว เรามีโอกาสได้ทำทาน ทำบุญ บำเพ็ญกุศล ก็ถือว่า เราเป็นผู้ที่แข็งแรง ร่ำรวย แล้วก็รุ่งเรือง
สำหรับหลวงปู่แล้ว นั่นคือ การแสวงบุญ การทำบุญอย่างยิ่งใหญ่ การได้มีโอกาสทำทานอันยิ่งใหญ่ที่จะสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย แล้วก็ทุกข์ทรมาน บางคนนี่ ถ้าเราไปดู อายุ 80 กว่าลุยน้ำมาเอาข้าว หลวงปู่ไปแจกข้าวเมื่อก่อนจะมา แจกเสร็จอล้วก็นั่งรถกลับเนี่ย ยังน้ำตาไหล น้ำตาซึม สงสารน่ะ ลุยน้ำมาอายุ 80 กว่า น้ำก็เกือบจะถึงเข่า เดินก็จะไม่ไหว ต้องให้คนพยุง เอ่อ แล้วก็ดูที่ง่ามเท้า น้ำมันกัดเท้า แล้วก็เท้าเริ่มเน่า เพราะว่า น้ำมันเหม็น น้ำมันเริ่มมีกลิ่น
ความทุกข์อย่างนี้ ใครจะไปช่วยเค้าได้ ก็เผอิญได้ยาขี้ผึ้งเทพโอสถเอาไป ให้เอาน้ำทำความสะอาดชำระ ก่อนลงน้ำก็ทาซักรอบหนึ่ง มันป้องกันไม่ให้แบคทีเรียมันเข้า ขึ้นจากน้ำก็เช็ดล้างสบู่ เพราะเอาสบู่ไปแจก ครบองค์วงจร จนโรงทำสบู่บอกว่า หมดแล้ว ไม่มีของขาย เที่ยวนี้จะเอาไป บอกว่า สบู่หมด ยาหม่องก็หมด อะไรๆ ก็หมด ถามว่า ทำไมถึงหมด
ของฟรีก็มีหมดบ้าง เค้าว่าอย่างนี้ ที่จริงก็ไม่ได้บอกเค้าฟรีนะ บอกกับพระต๋อยว่า ให้เอาเงินจ่ายเค้า พระต๋อยยังไม่ยอมจ่าย โรงงานมันก็ยังไม่ยอมผลิต เพราะว่า ไม่มีทุนจะไปซื้อของ เพราะว่า ของที่ซื้อมันจะต้องใช้เงินสด มันไม่มีเครดิท ต้องซื้อเค้า ซื้ออุปกรณ์ ซื้อยาสมุนไพรเข้ามาประกอบ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เค้าทำส่งไปที่หลัง เพราะเราอยู่หลายวัน ให้เค้าเร่งทำละ
ก็ให้พวกเรา ถือว่าเป็นโชคของเรา ช่วยกันประกาศ บอกแจ้งไป ชัยภูมิเค้าก็โทรฯ มา ศรีสะเกษก็โทรฯ มา บุรีรัมย์ก็โทรฯมา ยังนึกน้อยใจว่า ทำไม๊ แม่กู เอากูออกมาคนเดียว คลอดกูมาคนเดียว มันน่าจะเอาฝาแฝดมาซัก 3-4 ตัว มาช่วยๆ กัน เอ้า มึงไปจังหวัดนี้ กูไปจังหวัดนี้ อะไรอย่างนี้ได้ช่วยๆ กัน
แหม มันอึดอัด ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ระดับน้ำคุณน่ะ มันสูงสุดเท่าไหร่ เอ้า 1 เมตร 1.50 เมตร 70 ซม 60 ซม น้ำเพิ่งเริ่มเข้า ยังไม่แน่ เอาที่แน่ๆ ก่อนดีกว่า ตรงนี้เน่าแล้ว กูอยู่ตรงนี้ อยู่ก่อน ถ้ามันมากกว่านี้ แย่กว่านี้ เอ้า เดี๋ยวไป เดี๋ยวย้ายไป
น้ำขึ้น ต้องรีบเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวโชค โชคมันลอยมากับน้ำ โชค วาสนา เราทุกข์มั้ย ทุกข์กายไม่เป็นไร ลูก ให้มันสุขกายสบายใจ หลวงปู่ไม่เพลีย ไม่เปลี้ย ไม่ทุกข์ ไม่ทรมาน ตื่น 12 โมง นอน 4 ทุ่ม ไม่ได้รู้สึก เพลีย เปลี้ย ทรมาน เพราะมีความสุขที่ได้ทำ บุญนี่มันทำแล้ว มันชุ่มฉ่ำหัวใจ มันเย็นฉ่ำใจ
เมื่อวานไปสวดมนต์ ตอนเย็นพาพวกถือศีลกินผักสวดมนต์ที่หอพระโพธิสัตว์ สวดถึงบท เตสัง สัจเจนะ คุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สาธยายถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มันแว๊บขึ้นมาในใจ คิดถึงในหลวง คิดถึงพระราชินี น้ำจะลดเมื่อไหร่ว๊า ถ้าน้ำลด เดี๋ยวกูจะเรียกรถบัสสัก 2 คัน 3 คัน หอบพวกนี้ไปสวดมนต์ถวายพระพรที่หัวหิน
คิดถึง เพราะว่า สวดมา 2 ปีเต็มๆ เลยนะ พอสวดบทพวกนี้แล้วคิดถึงในหลวง พระราชินีขึ้นมาทันทีเลย เอ๊อ ดูซิ มันโลภล่ะนะ ใจมันโลภ เอ๊อ น้ำมันจะลดเมื่อไหร่ว๊า น้ำลดแล้วเดี๋ยวกูหอบไปสวดกันที่วังไกลกังวล หัวหิน ติดต่อเจ้าหน้าที่ ราชเลขาฯ ราชสำนัก เค้าให้เข้าไปสวด เค้าก็มีคนถามเหมือนกันล่ะ จะไปมั้ยล่ะ จะขออนุญาต บอกว่า ยัง ตอนนี้น้ำมันยังมาอีก ยังไม่ลด
เห็นว่า มาแถวๆ ปทุมฯ แถวๆ บางพลัด ปากเกร็ด นนทบุรี บางโพ อะไรนั่นอล้ว เริ่มปริ่มๆ เข้ามา ปกติแล้ว ทิศทางน้ำของจังหวัดปราจีนฯ อรัญญฯ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา มันแยกได้ 3 สาย
สายแรกก็คือ เอาไปเขมรก่อนเลย เขมรเคยรับผลกระทบจากการที่เราปล่อยน้ำเข้าไปในเมืองเค้า เค้าก็ท่วมหนัก เที่ยวนี้ เค้าฉลาด เค้าปิดประตูน้ำ เค้าทำประตูระบายน้ำ เปิด ปิด แต่เห็นว่า ของเค้าก็แย่เหมือนกัน ของเค้าก็ท่วม คนตายไปหลายสิบคน เขมรไปไม่ได้
อีกสายหนึ่งก็มานี่ ฉะเชิงเทรา บางน้ำเปรี้ยว มาผ่านสุวรรณภูมิ ผ่านไปออกสมุทรปราการ ที่ในหลวง ท่านมีรับสั่งให้ทำโครงการแก้มลิงไว้รับน้ำ ก็มาไม่ได้ เพราะว่า ถ้าเข้ามาแล้วก็เจ๊ง จน แย่ สุวรรณภูมิก็จมน้ำ ก็ปิดประตูอีก
ก็เหลืออยู่สายเดียว ก็สายบางปะกง ก็ต้องผ่านอำเภอบ้านสร้าง ซึ่งหลวงปู่จะไปนี่แหละ น้ำทั้งหมดมันก็จะไหลมารวมที่นั่น ไหลมาบางปะกง มันก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำทะเลว่า มันขึ้นลง ถ้าน้ำทะเลมันขึ้น แทนที่มันจะไหลลง มันกลับดันน้ำกลับขึ้นมาเอ่อ น้ำไม่ไหล ก็ขังอยู่อย่างนั้น ท่วม แล้วมันไม่ใช่ขังแบบน้ำแข้ง น้ำแค่ตาตุ่ม มันขังน้ำมิดคอ ไม่รู้ว่า อีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า น้ำจะลดมั้ย หรือถ้าลดแล้ว มันจะมีน้ำเหนือไหลมาเติมมั้ย ถ้าเค้าระบายกันอย่างทั่วถึงและทัน
ชาวบ้านก็ทุกข์ทรมาน ก็หมดตัว บ่อปลาก็เจ๊ง สวนไร่นา เจ๊งหมด ก็เขียนป้าย ประกาศขายที่ราคาถูก ตึกแถวราคาถูก นักลงทุนสนใจจะไปซื้อบ้างมั้ย เอ้อ ถ้าสนใจจะไปซื้อก็ไปหาเรือเตรียมไว้ ตั้งใจจะเอาเรือไปด้วย ก็ยังหาคนขับไม่ได้ กลัวจะไปพาย งัดพายงัดวนอยู่แถวนั้นไม่ต้องไปไหน เรือก็มี แต่เครื่องไปหาเอาข้างหน้า ก็เล่นตะหลิว เล่นทัพพี พอจะพายได้
เอ๊อ อันนี้คือ สิ่งที่กังวล มันทำให้นอนไม่เป็นสุข ตื่นไม่เป็นสุข บอกตรงๆว่า หลวงปู่เห็นความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์แล้ว มันนอนไม่เป็นสุข ตื่นไม่เป็นสุข มันเป็นความทุกข์ ความทุกข์เดือดร้อนที่เราต้องหาวิธีช่วยเหลือเค้า
เดี๋ยวก็เปิดโอกาสให้พิธีกรเค้าถามปัญหาบ้าง ทำมาหากิน เอ้า อยากถามอะไร เชิญ