7 ก ค 56   บ่าย ระหว่างปฏิบัติธรรม ขั้นที่1

ภาคที่1,2,3, ขั้นที่2 ภาคที่ 1,2, ขั้นที่ 3,

ยืน เพ่งความว่างเป็นอารมณ์ โดย องค์หลวงปู่พุทธะ

อิสระ
เอ้า พร้อม เข้าที่ เตรียม ปฏิบัติธรรม เจริญสติ
(กราบ)
เตรียมตัว
ใครไม่เคย ก็ให้รุ่นพี่เค้าช่วยแนะนำ
การเจริญสติ เป็นอุปการะคุณแก่ชีวิต จิตวิญญาณ

อารมณ์ การกระทำ
ฝึกไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ฝึก มันจะเสื่อม
สติ นี่มันเสื่อมได้ เกิดได้ มันก็เสื่อมได้
ถ้าฝึกจนกระทั่งมันตั้งมั่น แล้วไม่มีวันเสื่อม ก็แสดงว่า

เรามีมหาสติละ
แต่ถ้าไม่ฝึก มันก็จะเสื่อมไปเรื่อยๆๆ
ทีนี้ ใครมาพูดอะไร แหกตาอะไร หลอกลวงอะไร เรา

ก็จะหลงไปหมดล่ะ
ขั้นที่ 1
................
หูฟังเสียง เท้าก้าวเดิน ใจรับรู้
...............
ขยับขึ้นขั้นที่ 1 ภาคที่ 2
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่ช่วยแนะนำ
................
ขยับขึ้นขั้นที่ 1 ภาคที่ 3
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่ช่วยแนะนำ
...............
เดินอย่างรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ใช่เดินอย่างเลื่อนลอย
สติ คือ ความรู้เนื้อรู้ตัว
.................
อย่าเดินแต่ซาก
................
ขยับขึ้นขั้นที่ 2
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่ช่วยแนะนำ
..............
ขั้นที่ 2 ภาคที่ 2
เคาะนิ้วไปด้วยทุกก้าว
.................
รุ่นพี่เห็นเค้าทำผิด เดินผิด อย่าแล้งน้ำใจ
ช่วยแนะนำเค้าหน่อย
อย่าปล่อยให้ความผิดปรากฏตรงหน้า แล้วทำเมินเฉย
มันจะกลายเป็นสันดาน เป็นนิสัย
..................
ขยับขึ้นขั้นที่ 3
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่ช่วยบอก
................
หยุดอยู่กับที่  
หลับตา
สำรวจในกาย
ส่งความรู้สึกเข้าไปในกาย
.................
ดูตั้งแต่ปลายเท้า จนถึงที่ศีรษะ
ดูซิว่า 2 เท้า รับน้ำหนักเสมอกันไม๊
...............
ใช้ ตาใน ไม่ใช่ ตาเนื้อ
..............
น้ำหนักตัว อยู่ขวาหรือซ้ายมากกว่า ปรับให้สมดุลย์

เสมอกัน
ทำโครงสร้าง ให้เป็นฉากกับพื้น
.................
ตรงไหน มันขมึงทึงตึงเครียด ทำให้ผ่อนคลาย
แขน ทิ้งดิ่งข้างลำตัวให้เหมาะสม
ไหล่ไม่ลู่ คอไม่เอียง อกไม่แอ่น
ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย
................
เสร็จแล้ว ลืมตา พร้อม สูดลมหายใจเข้า
.................
หลับตา พร้อม พ่นลมออก
................
ลืมตา สูดลมเข้า
.................
หลับตา พ่นลมออก
................
แล้วก็ ลืมตา สูดลมเข้า
.................
หลับตา พ่นลมออก
ตามดูลมที่ออก
...............
แล้ว ลืมตาขึ้น
................
เพ่งความว่าง เป็นอารมณ์
..................
ทำให้กายว่าง สมองว่าง
..............
จิตว่าง อารมณ์ว่าง
..............
2 มือว่าง, 2 แขนว่าง
.................
ร่างกายโปร่ง ว่าง เบาสบาย
................
เหมือนดั่งมีคำกล่าวว่า ถ้าเหนื่อยนัก ก็พักในถ้ำ
................
เวลานี้ เรากำลังเข้าไปสู่ในถ้ำแห่งความว่าง
จะได้ไม่ต้องเหนื่อย
................
ในความว่าง ไม่มีทุกข์
ในความว่าง ไม่มีความทุรนทุราย กังวล วิตก
ในความว่าง ไม่มีความหวาดกลัว หรือ ระแวงสงสัย
..................
ในความว่าง ไม่มีมิตร
ในความว่าง ก็ไม่มีศัตรู
.................
แม้ที่สุด ในความว่าง ก็ต้องไม่มี ตัวกู
เพ่งความว่างเป็นอารมณ์
ลืมตา
เหลือกตาลงต่ำ อย่าหลับตา
..............
ไม่ได้สอนคนนอนหลับ ไม่ได้สอนคนตาย
หรือไม่ได้สอนคนพิการ
ต้องว่างให้ได้ แม้ลืมตาหรือหลับตา
.................
ธรรมะ มันทำให้เราแข็งแกร่ง แข็งแรง แล้วก็อดทน

อดกลั้น
................
อยู่กับความว่าง
สำรวจดูซิว่า ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ที่ไหนไม่ว่าง
.............
ว่าง ซึ่งมันจะแตกต่างจาก ความไม่ว่าง
ไม่ว่าง มันจะอึมครึม ตึงเครียด หนักหน่วง แน่น อึดอัด
แต่ถ้า ว่าง สภาวะเหล่านี้ ไม่ปรากฏ
มลภาวะอย่างนี้ไม่เกิด
มีแต่สภาพ เบา โปร่ง สบาย
เรียกว่า หัวเบา คอเบา กายเบา ใจเบา อกเบา ตัวเบา
แขนขาเบา มือเท้าเบา
................
ลองมองไปทางทิศ ทางขวามือซิ
หมุนตัวไปทางขวามือว่า ว่างไม๊
..................
ยัง ว่าง อยู่หรือไม่
................
หมุนไปอีก ขวามืออีกครั้งหนึ่ง
................
ยัง ว่าง อยู่หรือไม่
..............
ต้อง ว่าง ให้ได้ทุกทิศ จึงจะเป็นมงคล เป็นชัยชนะของ

จิต
เป็นกำไร เป็นสิ่งที่มีคุณค่า
...............
อีกรอบหนึ่งซิ ทางขวามือ
.................
ในความว่าง ไม่มีมิตร ไม่มีศัตรู
ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวาดกลัว
..............
ไม่มีความพิกลพิการ ไม่มีความทรมาน
................
ไม่มีปัญหา และไม่มีตัณหา
................
เงยหน้า มองดูเพดานซิ ยัง ว่าง อยู่ไม๊
...............
กลับมามองตรงไปข้างหน้า ยัง ว่าง อยู่ไม๊
................
ก้มหน้า มองที่พื้นซิ ความว่าง ยังปรากฏอยู่หรือเปล่า
.................
ความว่าง เป็นอมฤตธรรม เป็นยาอันวิเศษ
แก้โรคเครียด โรคนอนไม่หลับ โรคประสาท โรคจิต

หลอน
เงยหน้า มองตรง ยัง ว่าง อยู่ไม๊
...............
โรคกระวนกระวาย โรคว้าวุ่น โรคทุรนทุราย ร้อนรุ่ม

โรคสับสน โรคฟุ้งซ่าน
หมุนคอไปทางขวามือ ดูซิ ยังว่างอยู่ไม๊
..............
กลับมามองตรงข้างหน้า ยัง ว่าง อยู่หรือเปล่า
................
แล้วทางซ้ายล่ะ
.................
กลับมามองตรงข้างหน้า
.................
เรายังอยู่ใน ถ้ำแห่งความว่าง อยู่หรือไม่
สำรวจดู
..................
นอกถ้ำ มันมีทั้ง แรงลม พายุร้าย สัตว์ร้าย อันตราย

และอุปสรรคมากมาย 
แต่ในถ้ำ เราจะปลอดภัยที่สุด เราจะผ่อนคลายที่สุด

เราจะมีอิสระสูงสุด
.................
พา ความว่าง ออกเดิน ไปนั่งที่ของตน
...............
นั่งลงด้วย ความว่าง
ยังเสพ ความว่าง, ยังอยู่กับ ความว่าง
ยังมี ความว่าง เป็นอารมณ์
.................
ที่ผ่านมา เพราะเราไม่ค่อยว่าง เราจึงอ่อนแอ และไม่

แข็งแรง
................
ไม่แข็งแรงทางกาย ไม่แข็งแรงทางจิตใจ และไม่แข็ง

แรงทางสติปัญญา
................
คนที่มีความว่าง เสพความว่าง อยู่กับความว่าง
สัมพันธ์ สัมผัสอยู่ในความว่าง
จะมีความแข็งแรงทางกาย จะแข็งแรงทางใจ
แล้วก็ แข็งแรงทางสติปัญญา
เพราะ กาย ใจ และ สติปัญญา ได้ผ่อนคลาย ได้พัก
เหมือนกับคนที่นอนหลับอย่างเต็มที่
ตื่นขึ้นมา ก็แข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
.................
ในความว่าง เป็นที่พักของกาย วิญญาณ จิต สติปัญญา

และ อารมณ์
...............
ทุกครั้งที่เราเหนื่อย เปลี้ย เพลีย ร้อนรุ่ม ทุรนทุราย

ว้าวุ่น มากไปด้วยปัญหา
มีแต่ความทุกข์ เดือดร้อน
ก็เข้าไปใน ถ้ำแห่งความว่าง เราจะปลอดภัย
แล้วเราจะกลับออกมาอย่างเป็นผู้องอาจ งดงาม และมี

ชัยชนะเสมอ
..............
หัด ฝึก เสพ อารมณ์ว่าง ให้เป็นนิจ
..................
แม้จะบอกว่า เป็นการเพ่งอารมณ์ ก็ดีกว่าทุกข์อยู่

เนืองนิจ
.................
บอกไปแล้วว่า ความว่าง มี 2 สถานะ
ว่างโดยการเพ่งอารมณ์ กับ ว่างโดยสภาวะ
ถ้าถึงขั้นว่างโดยสภาวะ ก็แสดงว่า ปัญญาสูงสุด ได้เกิด

ขึ้นแก่เราแล้ว
ถ้าอย่างนั้น เราก็จะเห็นทุกอย่างเป็นโลกธาตุ
ไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา ให้ยึดถือ
................
ถ้าถึงขั้นนั้น ก็ไม่ต้องสอนแล้ว
...............
งั้น ต้องฝึกให้ได้ ต้องทำเป็นอาจินต์ ทำจนเป็นนิสัย
............
หลับตา สูดลมหายใจเข้า
.............
ตามดูลมว่า ไปสุดตรงไหน
...............
แล้วหายใจออก ลืมตา
..............
ตามดูลมว่า ลมออกหมดหรือไม่
..............
อีกที
................
ทีนี้ หายใจเข้า สัตว์ทั้งปวง จงเป็นสุข
..............
หายใจออก ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวง จงพ้นทุกข์
................
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
..............
หายใจออก ลืมตา ผ่อนคลาย
ยกมือไหว้พระกรรมฐาน
.............
เดือนหนึ่ง ได้พักสักทีหนึ่ง จะได้ไม่เป็นโรคประสาท
เอ้า พอสมควรแก่เวลาแล้ว ลูก  4:00โมงละ
เดี๋ยว กล่าวคำถวายทาน
ว่า นะโม 3 จบ พร้อมๆ กัน
นะโม ตัสสะ................
อิมินา สักกาเรนะ ...........  ธัมมัง อภิปู

ชะนามะ
............
อีห่า เนี่ยแสดงว่า ใช้ไม่ได้ละ ฝึกสติมาหยกๆ ยังปล่อย

ให้จูงจมูกได้ อย่างนี้ มึงจะได้ชื่อว่า  เป็นลูกศิษย์พุทธะ

ได้ยังไง มิน่าล่ะ อรหอยมันถึงได้เกิดขึ้นได้เกลื่อน

เมืองอย่างนี้ไง เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง
อิมินา สักกาเรนะ ......... พุทธัง อภิปูชะยา

มะ
.............
สาธุ
(กราบ)
..............
(สาธุ)
สังฆทาน และปัจจัย สิ่งของทั้งหลายที่ลูกหลานถวายแล้ว

หลวงปู่รับแล้ว ลูก ยกให้เป็นสมบัติของวัด พระศาสนา

และมูลนิธิฯ เพื่อใช้ในกิจกรรมสาธารณะสงเคราะห์

สาธารณะประโยชน์ ขอท่านทั้งหลายอนุโมทนา ลูก (

สาธุ)
เคยบอก เคยสอนหลายครั้ง มึงไม่ต้องกลัวว่า ครูคนนี้

จะเสียหน้า ครูคนนี้ยอมเป็นขี้ข้า เสียหน้าและไม่

เหลือสักหน้า แต่ถ้าทำให้พวกมึงถูกได้ ไม่ต้องมา

รักษาหน้ากู ถ้ากูพูดผิด ก็ต้องพูดให้ถูก ไม่ได้สอนให้

เชื่อ
ชั่วชีวิตกู ไม่เคยสอนให้ใครเชื่อกู สิ่งที่มึงควรจะเชื่อ คือ

ความถูกต้องชอบธรรม
อย่าทำตนเป็นคนโดนจูงจมูกง่าย
อย่าทำตนเป็นคนบ้าศรัทธาจนไม่มีปัญญาใคร่ครวญ

ไม่แยกแยะว่า อะไรถูก อะไรผิด
ถ้าอย่างนี้ ก็ไม่ใช่คำสอนของครูคนนี้แล้วล่ะ
งั้น ถ้าคิดจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธะ ต้องรู้จักแยกแยะ ดี

ชั่ว ถูกผิด ให้ชัดเจน แล้วก็ต้องเดินไปตามมรรควิถี

อย่างถูกตรง ไม่ใช่ผิด ก็ผิดตามเค้าไป โดยไม่ใช้ปัญญา
อย่างนั้น ก็จะทำให้กูเสียเวลาสอนเปล่าๆ ทดสอบมา

หลายเที่ยว ก็ไม่ผ่านสักเที่ยวล่ะ
ตั้งใจกรวดน้ำ ว่าตาม แล้วรับพร
..................
ตั้งใจรับพร ลูก
....................
(สาธุ)
โชคดี ลูก ธรรมะรักษา ให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

ปลอดภัยทุกคน
(สาธุ)
กราบลาพระ อะระหัง สัมมา
............
(กราบ)