16 ก พ 56    11.20 น. ธรรมะวันยกพระเศียร ณ. วิหารพระโพธิสัตว์แสดงธรรม โดย องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ

(กราบ)
กินข้าวกันหรือยังล่ะ เค้ามีอาหารเลี้ยงนี่นา ทั้งชอ ทั้งเจ
ใครยังไม่กิน ไปกินข้าวซะก่อน ลูก ยังมีเวลาอยู่อีกเยอะแยะ
เค้าจัดงานกันตอนเย็นๆ แล้วมาทำอะไรแต่เช้า กลัวไม่มีที่นั่งเหรอ กว่าจะเริ่มงานก็ประมาณ

5 โมงเย็น 5-6 โมง แดดร่มลมตก มาตอนนี้ ก็เหนื่อยล่ะ นั่งร้อน พัดลมอยู่ข้างนอกมี

ที่จริง ข้างล่างเค้ามี เก้าอี้ พัดลมให้ ทำไมมานั่งกันอัดอยู่แต่ในวิหาร จะฟังธรรม ไม่ใช่เหรอ

หรือ มาทำอะไร
เฮ้ย อั่งเปา เค้าแจกกัน 4-5 โมงเย็นนู่น
เหรอ ไม่มี๊ แจกรอบเดียว แจกอะไร 2 รอบ
เหรอ อ้าว งั้น ไปเอากับอ้ายคนประกาศ
โอ๊ย หลวงปู่เขียนจนตาจะแย่อยู่แล้ว อั่งเปา ไว้แจกเย็นๆ ลูก ช่วงนี้ เค้าเป็นช่วงทำกิจกรรม
ไหนๆ มาแล้ว ก็เอาบุญกันหน่อย การเอาบุญที่ดี ที่ถูกต้อง ก็คือ เราบริจาคทานไป แล้วก็

รับศีล
เดี๋ยวช่วยกันสมาทานศีล ว่า มะยัง ภันเต รับศีลแล้ว ทั้งหมดนี่ มันเป็นประโยชน์ของพวกเรา
ทาน พระพุทธเจ้าสอนให้เราบริจาค ก็เพื่อให้ทำลายความคับแคบ ความตระหนี่
ศีล พระพุทธเจ้าสอนให้เรารักษา ก็เพื่อทำให้เราเข้าไปสู่สังคมได้อย่างผาสุก แล้วทำให้

สังคมสงบสุข
สมาธิ พระพุทธเจ้าสอนให้เราฝึก ก็เพื่อให้เราเจริญรุ่งเรืองในการดำรงค์ชีวิต มีเดช มีอำนาจ

มีพลัง มีตบะ ในการมีชีวิตอยู่
ปัญญา พระพุทธเจ้าสอนให้เราฝึกปรือ ก็เพื่อให้เราสามารถเอาชนะ ฝ่าฟันต่อปัญหาและ

อุปสรรคที่มีอยู่ในชีวิต ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
งั้น เดี๋ยวเราบริจาคทานมาแล้ว ก็ตั้งใจสมาทานศีล
ว่า มะยัง ภันเต พร้อมๆ กัน ลูก
(กราบ)
...............
ต่อไป ตั้งใจรับไตรสรณคมภ์ และ ศีล คอยว่าตาม ลูก
.................
(กราบ)
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชน คนดีที่รักทุกท่าน
ที่จริง วันนี้ ตอนนี้ ช่วงนี้ ไม่ใช่เป็นเวลาที่หลวงปู่จะต้องลงมาแสดงธรรม หรือ ลงมาพบปะ

พูดคุย เพราะถ้าเป็นวันปกติธรรมดาๆ ก็จะลงมาตอน 5 โมงเย็น เพื่อจะลงมานำเจริญ

พระพุทธมนต์ แล้วก็แจกอั่งเปา แจกส้มมงคลทุกวัน, 10 วัน ก็แจก 10 วัน แต่มา

ตอนเย็นๆ
แต่มาวันนี้ ที่ต้องลงมาในเวลานี้ ก็เพราะเห็นพวกเราเดินกันงุ่นง่านๆ คือ เสียดายเวลา ไหนๆ

เรามาวัด มาโรงเจ มาสถานที่อันเป็นบุญ เป็นมงคลของชีวิต เราควรจะแสวงหาสิ่งที่เป็น

มงคลสูงสุดให้แก่ชีวิต ให้ได้มาก ถือว่า เป็นช่วงโอกาสที่เราจะมากอบโกยความงดงาม

ความเป็นมงคลแก่ชีวิต ไม่ใช่มาเสียเวลา โดยการมาเดินงุ่นง่านๆ หาคนนั้นคนนี้ ถามว่า

หลวงปู่อยู่ไหน หลวงพี่ หลวงปู่อยู่ไหน เรื่อยเปื่อยไป
ก็เลยทำให้คิดว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ใช้เวลาที่มีอยู่นี้ เสียสละเวลาตัวเองนิดหนึ่ง มาสงเคราะห์พวก

เรา ก็คือ ให้มาแสดงธรรม มาฟังธรรม มาให้ศีล ให้พวกเราได้มีบุญ คุณงามความดี ติดตัว

ไว้ให้เยอะๆ
ไหนๆ ครั้งหนึ่งมีโอกาสเหยียบวัดอ้อน้อย มาสถานที่อันเป็นมงคล เป็นเนื้อนาบุญ เป็นบุญ

ญเขตตัง โลกัสสาติ คือ เป็นเนื้อนาบุญของโลก แล้วก็ควรจะให้ได้มีบุญกลับไปให้ได้เยอะๆ
เพราะอะไร
ก็เพราะว่า หลวงปู่เชื่อว่า บุญคือ เครื่องยังให้สำเร็จถึงสมบัติทั้งปวง
เพราะเชื่ออย่างนี้แหละ ชั่วชีวิตหลวงปู่ เลยไม่กลัวจน แต่กลัวจะไม่มีบุญ เวลาจะทำอะไร

ก็คำนึงว่า เราจะได้บุญหรือไม่ เรากำลังทำบุญหรือเปล่า
เหมือนๆ ที่หลวงปู่สร้างวัด แรกๆ ไม่ได้มีตังค์เยอะ มีตังค์ติดตัวแค่ 3 บาท แล้ว 3 บาท

นั้น ก็ทำมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ 25 ปีละ เอ่อ หมดเงินไปเท่าไหร่แล้ว มันก็คงจะต้องมากกว่า

3 บาทอยู่แล้ว แต่ชั่วชีวิต ก็พกตังค์แค่นี้ ไม่เคยพกเยอะกว่านี้ แล้วก็ไม่เคยคิดว่า จะต้องมี

เงินเยอะสำหรับที่จะพกมากกว่านี้ แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ สิ่งที่มีค่าที่สุดกว่าเงิน ก็คือ บุญ

เพราะเมื่อใดที่มีบุญ เหมือนอย่างเมื่อกลางวัน หลวงปู่กินข้าว คือ บอกกับลูกศิษย์ว่า ให้เค้า

ไปหาบริษัทที่จะทำสวนหย่อมข้างหลัง แต่เป็นสวนหย่อมที่อยู่ในโดม ซึ่งคุมอุณหภูมิให้อยู่

ได้ทั้งปี ก็คือ สัก 25,23 องศา เป็นสวนหย่อมที่ใครๆ ก็จะมานั่งเล่น ฟังธรรม ปฏิบัติ

ธรรม เจริญสมาธิภาวนาได้ แต่อยู่ในเรือนกระจกที่มันคุมอุณหภูมิ
เค้าก็บอกว่า โอ้โห ถ้าสวนใหญ่ขนาดนี้นี่ เนื้อที่ 5 ไร่ ทั้งหมดนี่ มันต้องใช้เงินเป็นร้อยล้าน

เราก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร หลวงปู่เป็นคนไม่มีต้นทุนอยู่ละ คือ ทุนของหลวงปู่ ก็คือ บุญ

แต่ต้นทุนทางสตางค์ ต้นทุนทางสังคม เราเป็นคนไม่มี แต่เราเป็นคนมีต้นทุน ก็คือ บุญ
ขอเพียงมีบุญ ปรารภ สิ่งที่งดงามก็จะเกิดขึ้น เพราะ ปรารภสิ่งที่เป็นประโยชน์
เพราะงั้น การบำเพ็ญบุญ การสั่งสมบุญ อบรมบุญ การเจริฐบุญ มีหลากหลายวิธี ลูก ไม่จำ

เป็นว่า ต้องมีตังค์ แล้วจึงจะได้บุญ
เมื่อครู่นี้ เรารับศีล ก็ได้บุญละ ปฏิบัติธรรม ก็ได้บุญละ ฟังธรรม ก็เกิดบุญละ รักษาศีล แผ่

เมตตา ก็เป็นบุญ เจริญภาวนา ทำให้จิตสงบระงับ มีสมาธิตั้งมั่น ก็เป็นบุญ เห็นคนอื่นเค้าดี

สาธุ อนุโมทนา ก็เป็นบุญของเราละ, ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เป็นพ่อทำหน้าที่พ่อ

เป็นผัวทำหน้าที่ผัว เป็นลูกทำหน้าที่ลูก เป็นครูบาอาจารย์ทำหน้าที่ตน ไม่บกพร่อง ถูกต้อง

ในหน้าที่ ก็เป็นบุญละ มีสติ ก็เป็นบุญละ อย่างน้อยๆ คนมีสติ นี่มันทำไม่ผิด พูดไม่ผิด คิด

ไม่ผิด ไม่ทำเรื่องเลวร้ายให้เกิดแก่ตนและคนรอบข้าง คือ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตน

และคนอื่น ก็ถือว่า เราอยู่ด้วยบุญ เราดำรงค์บุญ เรากำลังทำบุญ แล้วเราเป็นผู้มีบุญอยู่
มีสัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นตรง ถูกต้องตามความเป็นจริง คือ เห็นว่า สัตว์โลกเป็นไปตาม

กรรม เห็นว่า กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดีชั่วเลวหยาบ
เช่น เชื่อว่า บุญย่อมยังให้สำเร็จประโยชน์ถึงสมบัติทั้งปวงได้จริงๆ
เชื่อในบุญ เชื่อในอานุภาพของพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ สีลานุภาพ จาคานุ

ภาพ หรือ เชื่อในคุณงามความดีที่ตัวกระทำ แล้วก็เชื่อ เรื่องกฏของกรรม ว่า ทำดีได้ดี ทำ

ชั่วได้ชั่ว
ควา มเชื่ออย่างนี้ เป็นเหตุทำให้เกิดบุญที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ คือ กิริยา ที่

ประกอบบุญ วัตถุที่ทำให้เกิดบุญ
งั้น เมื่อเราเชื่อว่า บุญมีอานุภาพ ทำให้สำเร็จประโยชน์ พวกเราทั้งหลาย ก็มาแสวงหาบุญ

มาทำให้เกิดบุญ มาสั่งสมอบรมบุญ มาทำให้เจริญบุญ ทำให้บุญนั้นรุ่งเรืองเจริญยิ่งๆ ขึ้น

แล้วเราก็เชื่อว่า การที่เราจะดับซึ่งทุกข์ทั้งปวง ความทุรนทุราย เดือดร้อน แร้นแค้น ทุกข์

ยาก ลำบาก มันก็สำเร็จได้ด้วยบุญอีกนั่นแหละ
งั้น อย่างที่หลวงปู่พูดให้ฟังว่า หลวงปู่สร้างวัดนี้ ไม่เคยเป็นหนี้ใคร มีเงิน 3 บาท สร้าง

ใหญ่ขนาดนี้ นี่ไม่เคยเป็นหนี้ใคร
อ้ายที่เรานั่งอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ มันไม่ต่ำกว่า 4 - 500 ล้าน ก็ไม่เคยเป็นหนี้ใคร ไม่เคย

ไปร้องขอให้ใครมาช่วยบริจาคให้ ไม่เคยไปติดป้ายโฆษณา บอกว่า เชิญมาร่วมบริจาค ทำ

โน่นทำนี่ ไม่เคย
มีแต่คนเค้าเห็นว่า เราทำ แล้วก็มาให้
ถ้าหลวงปู่จะเป็นหนี้ ก็คงเป็นหนี้ฟ้าดิน เพราะถึงเวลาใดที่หลวงปู่ไม่มี ก็แหงนหน้ามองฟ้า

ก้มหน้ามองดิน แล้วก็บ่นเล็กน้อย รุ่งขึ้นเช้า ก็มีคนเอามาให้ ก็คงจะเป็นอย่างนี้แหละ ถ้า

หลวงปู่จะเป็นหนี้ ก็คงเป็นหนี้ฟ้าดิน
คนที่เป็นผู้มีบุญ ปรารถนาสิ่งใด ต้องการอะไร ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรเนี่ย ฟ้า

ดินอำนวยอวยชัย ลูก ฟ้าดินเมตตา ประทานพรอันสำเร็จประโยชน์ให้แก่เรา
สำคัญว่า เราต้องมีบุญจริงๆ มีบุญอย่างชนิดที่บุญนั้น สำเร็จประโยชน์ถึงสมบัติทั้งปวงให้ได้

ไม่ใช่ทำบุญเพราะความอยาก แต่ต้องทำให้เป็นนิจสิน ทำจนเป็นนิสัย ทำจนเป็นความคุ้น

เคยแล้วก็เคยชิน
วิหารที่เรานั่งเนี่ย เมื่อครู่นี้ พิธีกรเรียกว่า ตำหนัก, ตำหนัก เค้าใช้สำหรับ สำนักทรง ตรงนี้

เค้าเรียกว่า วิหารพระโพธิสัตว์
ทุกครั้งที่หลวงปู่รู้สึกเหนื่อย เปลี้ย เพลีย แล้วก็จะหมดเรี่ยวแรง จะมานั่งที่วิหารพระ

โพธิสัตว์
ถามว่า เพื่ออะไร
หลายคนก็กำลังเหนื่อย เปลี้ย ระเหี่ย หนังตาหย่อน เข้าใจค่ะ เข้าใจค่ะ เอ่อ ไม่ใช่มานั่งหลับ

แบบนี้ ลูก หลวงปู่มานั่ง แล้วก็มองรูปพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ๆ รูปเหล่านี้ เป็นรูปพระ

โพธิสัตว์แต่ละปาง แต่ละองค์ ซึ่งจะทำหน้าที่อะไร
ท่านทำหน้าที่เจริญ ทานบารมี สีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี สัจจะ

บารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี และขันติบารมีธรรม
ท่านทำหน้าที่ เจริญบารมีแต่ละครั้ง แต่ละชาติ แต่ละภพ บางครั้ง ถึงขนาดต้องควักเอา

หัวใจตนเอง เป็นทานต่อสัตว์ เฉือนเนื้อตัวเองเป็นทานต่อแม่เสือ ผู้กำลังอดตาย ท่านยัง

กล้าทำได้ ต้องเอาความสุขของตัวเอง พลีเป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ทั้งหลาย

ทั้งปวง พ้นทุกข์
ท่านทำดีโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน แล้วก็เป็นประโยชน์คนอื่น
อ้ายพวกเรา ถ้าทำดี ก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาผัวตัวเอง เอาลูกตัวเอง เอาครอบครัวตัวเอง

เอาตัวของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่พระโพธิสัตว์ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ได้ทำดีเพื่อเอาตัวเอง

เป็นที่ตั้ง แต่ทำดีเพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์เป็นที่ตั้ง เพื่อเปลื้องทุกข์ให้แก่สรรพสัตว์
มันก็เลยทำให้เรามีกำลังใจที่จะยืนขึ้นมาอย่างองอาจ งดงาม แกล้วกล้า ที่จะต่อสู่ฝ่าฟัน เพื่อ

จะทำประโยชน์ให้ได้มากยิ่งขึ้น ให้เยอะขึ้น ให้เป็นประโยชน์มากๆ เพื่อสังคม เพื่อ

ประโยชน์สุขของสิ่งแวดล้อม เพื่อธรรมชาติรอบกาย เพื่อสรรพชีวิตรอบตัว แล้วที่สุด มันก็

จะย้อนกลับมาเพื่อตัวเอง
งั้น วิธีคิด คือ คิดที่จะให้ แล้วสุดท้าย เราก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าคิดจะเอา สุดท้าย เราจะ

เสียประโยชน์ เพราะทุกคนก็จะเอาเหมือนกับเรา แล้วมันก็จะมาเอาล่ะทีนี้ เมื่อมันไม่มีใคร

ให้ มันก็จะต้องมาปล้นสดมภ์เรา มายื้อแย่งของๆ เรา
แต่ถ้าทุกคนคิดจะให้น่ะ มันเหลือ มันเหลือเฟือ สุดท้าย อ้ายที่เหลือน่ะ มันกลายเป็นของเรา
หลวงปู่ก็หวังว่า เอาส่วนที่มันเหลือ ถ้าหลวงปู่จะได้ ก็ขอได้ส่วนที่มันเหลือ แม้ใครจะบอกว่า

มันเหลือเดนก็ตามทีเถอะ แต่ของเหลือนี่ มันเยอะกว่าของที่จะได้นะ เพราะอย่างน้อยๆ

ลองสังเกตุดู ของที่กินบนโต๊ะ อ้ายของเหลือๆ มันได้มากกว่าของที่เรากินเข้าไปอีกนะ
งั้น อยากบอกท่านที่รักทั้งหลายว่า เมื่อใดที่เรารู้สึกท้อแท้ พ่ายแพ้ แล้วก็ท้อถอย อ่อนแอ

หมดเรี่ยวแรง แล้วก็ขาดกำลังใจ มาที่นี่ มานั่งไหว้พระโพธิสัตว์ นึกถึงคุณงามความดีของ

ท่าน แล้วเราจะมีพลัง
ข้างบนนี่ จะเป็นยันต์ร้อยแปดมงคลของพุทธ จะเห็นเป็นยันต์ร้อยแปด แล้วก็มีสวัสดิกะ

เค้าเรียกว่า มงคลไม่รู้จบ รุ่งเรืองไม่รู้จบ โชคดีไม่รู้จบ ร่ำรวยไม่รู้จบ สำเร็จประโยชน์ไม่รู้

จบ
แล้วตามฝาผนัง ก็จะมีรูปพระโพธิสัตว์แต่ละภาค แต่ละปาง ซึ่งเกิดแต่ละที่ แต่ละถิ่น แตก

ต่างกัน เพื่อปฏิบัติโพธิธรรม ในโพธิศรัทธา เพื่อปรารถนาโพธิภูมิ หรือ พุทธภูมิ หรือว่า

ต้องการเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
และท่านทั้งหลายเหล่านี้ จะไม่เกิดเล็กกว่านกกระจาบ จะไม่ใหญ่กว่าช้าง เพื่อบำเพ็ญบารมี

ธรรมต่างๆ เดี๋ยวเย็นนี้ จะนำสวดบารมี 30 ทัศ หลังจากเรายกเศียรพระเรียบร้อยแล้ว
อยู่ถึงไม๊ ถึงเย็นไม๊ เอ่อ ถึง เพราะว่า ไม่ถึงก็คงไม่ได้ล่ะ เพราะว่า เย็นนี้ ตั้งใจว่า เดี๋ยวจะ

แจกพระด้วย
เอาไม๊ ตั้งใจว่า เดี๋ยว จะเอาพระสงฆ์กับสมภาร ใส่ซองแจก เออ ชักเยอะล่ะ แจกๆ ไปบ้าง

ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยว มีอั่งเปาแจกตอนเย็นๆ ลูก เค้าไม่แจกตอนนี้ เพราะตอนนี้ ยังไม่ได้

อารมณ์แจก
แม้คนอยากได้ คนแจกยังไม่อยากให้ ก็ เลยรอไปก่อนแล้วกัน ฟังธรรม รักษาศีล เจริญ

ภาวนา ทำจิตใจให้ร่มรื่น แช่มชื่น เบิกบาน เดี๋ยวเรามาทำกุศลอันใหญ่ ก็คือ ยกเศียรพระ

มหาพุทธพิมพ์นาคปรก ปกเกล้าปกแผ่นดิน เพื่อเป็นประโยชน์สุขกับมหาชน และสรรพ

สัตว์ทั้งปวง
รวมทั้ง เราไปช่วยกันหล่อเรือมังกร เรือมังกรสวรรค์ สำหรับเอาไว้ใช้ คนโบราณเค้าถือว่า

เอาไว้ใช้เป็นพาหนะข้ามโอฆสงสาร ความเชื่อของมหายาน เอาไว้ใส่สมบัติ เอาไว้ใช้ข้าม

ภัยพิบัติต่างๆ แล้วก็ป้องกันภัย ไม่ให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง และเป็นประโยชน์สุขต่อตนและคน

รอบข้าง
เดี๋ยวบ่ายๆ เย็นๆ เค้าจะมีพิธีหล่อ เพื่อตั้งเอาไว้ที่หน้าประตู เค้าเรียกว่า ประตูสวรรค์ด้าน

หน้า เวลาคนจะมา เขตนี้ เค้าเรียกว่า เขตชั้นดุสิต ถ้าเทียบเป็นสวรรค์ ก็ต้องชั้นดุสิต ด้วย

เหตุผล ว่า เป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์จะอยู่ในชั้นดุสิต
นี่ถึงขั้นมานั่งอยู่ชั้นดุสิตแล้วนะเนี่ย แหม แต่กูเห็นหน้าคนมานั่งชั้นดุสิตนี่ กูยอมกลับลงไป

เกิดใหม่ดีกว่า ทำไมชั้นดุสิต หน้าเหี่ยวอย่างนี้ ไม่ค่อยเต่งตึงเลย ไปดึงหน้าใหม่
อืม เขตนี้ เขตชั้นดุสิต เขตข้างหน้าเรา ที่เราเข้ามา เค้าเรียกว่า ชั้น กามาวจร สวรรค์ชั้น

ตาวติงสา เป็นที่อยู่ของพระอินทร์ หรือ เง็กเซียนฮ่องเต้
เง็กเซียนฮ่องเต้ของคนจีน ก็คือ พระอินทร์ของคนไทย เป็นสวรรค์ชั้นต้นๆ
ชั้นนี้ เป็นที่อยู่ของพระมหาโพธิสัตว์ ชั้นใน ก็เป็นที่อยู่ของพวกท้าวมหาพรหมทั้งหลาย ซึ่ง

ก็จะทำเป็นสวน ที่คุมอากาศให้เย็นสบายให้ทั้งวันทั้งคืน เวลาเรามานั่งฟังธรรม ก็จะใช้สวน

นั้น สวนที่อยู่ในโดม ในอาคาร กำลังคิดจะทำ
ใครรู้จัก นักออกแบบ จัดสวน ก็ให้มายื่นซองประกวดราคาได้ ว่า เราจะทำสวนหย่อมที่อยู่

ในโดม
ถามว่า มีตังค์หรือยัง
เดี๋ยว ก็มองฟ้า, ก้มหน้า มองดิน เดี๋ยว ตังค์ ก็มา ลูก ไม่ยากหรอก ขอเพียงมีบุญ เดี๋ยว

ก็มีตังค์
ถ้ามันมีบาป แม้มีตังค์ ก็หมด จริงไม๊
คนมีบาป นี่ ให้มีตังค์ ก็หมด
อ้ายคนมีบุญ จิตใจเป็นบุญ ไม่มีตังค์ มันก็หาตังค์ได้, ได้ตังค์มา ก็ทำให้ตังค์นั้น เจริญได้

ทำให้ตังค์เป็นกระเป๋าตุงได้
อ้ายคนมีบาป กระเป๋าตุงๆ ก็หมดกะตังค์ เป็นกระเป๋าแฟบได้ เพราะจิตใจมันโลภไง มัน

อยากนู่น อยากนั่น อยากนี่ อ้ายคนมีบุญนี่ มันแปลว่า อิ่ม เต็ม, บุญ นี่เค้าแปลว่า อิ่ม

เต็ม, อิ่มแล้วเต็ม
อ้ายคนอิ่ม เต็ม นี่ มันไม่อยากอะไร พอไม่อยากอะไร ตังค์มันก็อยู่ได้นาน ใช่ไม๊
อ้ายคนมีบาป นี่แปลว่า ความตะกาย ตะกละ ทะยานอยาก
บาปเนี่ยนะ มันหมายถึง ความตะกาย ตะกละ ทะยานอยาก
เพราะฉะนั้น เมื่อมันตะกาย ตะกละ ทะยานอยาก ตังค์ กระเป๋าตุงๆ มันหมด เดี๋ยวก็อยาก

ซื้อนั่น เดี๋ยวก็อยากได้นี่ เดี๋ยวก็อยากได้นู่น อยากได้ขยะทั้งนั้นน่ะ สุดท้าย เป็นประโยชน์

น้อยมาก ที่มีประโยชน์น่ะ ไม่ค่อยมี ที่มีโทษน่ะ เยอะมาก
งั้น เงินมีเป็นถัง ก็หมด, เงินมีมหาศาล ก็ไม่เหลือ เพราะ มีบาป, ใจมันคด ใจมันสับสน

ใจมันว้าวุ่น ใจมันทุรนทุราย ใจมันร้อนรุ่ม
อ้ายคนมีบุญ นี่ ใจมันสงบเย็น ใจมันสงบเย็น ใจมันอิ่มเอิบ ใจมันแช่มชื่น มันเบิกบาน มัน

เห็นอะไร มันก็ปลื้มปิติสุข มันไม่อยาก
ไม่เชื่อ ลองทำให้เกิดปิติสุข ด้วยการมีบุญในหัวใจเยอะๆ เราจะมองอะไร เป็นความสวย

งามไปหมด เป็นความรุ่งเรืองเจริญ เป็นความอิ่มหนำสำราญ เป็นความสุขสมบูรณ์ แล้วเรา

ไม่อยาก ไม่ตะกรุมตะกราม ตะกละ
เพราะงั้น บุญ นี่มันเกิดอยู่กับใคร มันทำให้หยุดอยากได้ในระดับหนึ่งนะ มันทำให้เรารักษา

เค้าเรียกว่า รักษาสิ่งแวดล้อม รักษาสังคม รักษาธรรมชาติ รักษาชีวิต รักษาสมบัติ แล้วก็

รักษาความสุขได้อย่างยั่งยืนยาวนาน
พระพุทธเจ้า จึงสอนให้เราบำเพ็ญบุญ ด้วยเหตุปัจจัย 10 อย่างที่เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ

10 อย่างๆ ที่กล่าวไป เริ่มต้นจาก รักษาศีล บริจาคทาน ฟังธรรม แผ่เมตตา เจริญภาวนา

อนุโมทนามัย เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย เห็นคนอื่นทำดี พลอยยินดี
ทำหน้าที่ถูกต้อง แล้วก็ เห็นคนอื่นเค้ามีจิตใจโอบอ้อมอารี ก็สาธุโนโมทนากับเค้าด้วย แบ่ง

ความดีให้กับคนอื่น แผ่เมตตา ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งนะ ลูก แผ่เมตตา ทำหน้าที่ถูกต้อง

ฟังธรรม แล้วก็มีสติ มีสัมมาทิฏฐิ
ทั้งหมดนี่ เป็นวิถีที่ทำให้เกิดบุญ แล้วบุญนี่ มันยังให้เกิดสำเร็จประโยชน์ ถึงสมบัติทั้งปวง
20 กว่าปี ที่แล้ว หลวงปู่ จัดงานปิดทองลูกนิมิต เขียนคำอวยพรว่า
ลูกรัก บุญ คือ เครื่องยังให้สำเร็จถึงสมบัติทั้งปวง
สมัน 20 กว่าปีที่แล้ว หลวงปู่ จัดงานปิดทองลูกนิมิต ไม่มีพิธีรีตรองอะไร ลูก ไม่มี

กิจกรรมอะไร มีแต่งานแสดงธรรม ไม่มีการเล่นอะไร ได้เงิน 40 กว่าล้าน 48 ล้าน

คนอื่นเค้ามีการเล่นทั้งวันทั้งคืน 10 วัน 10 คืน ได้ 10 กว่าล้าน 20 ล้าน หลวงปู่

ไม่มีอะไร มีแต่บุญ ฟังธรรม แสดงธรรม
ใครมา ก็แสดงธรรมให้ฟัง เท่านั้นแหละ ไม่มีอย่างอื่นมากกว่านี้ เพราะถือว่า ธรรมะ เป็น

บุญอันวิเศษ คนฟังธรรม ก็มีสติปัญญา
เพราะงั้น จงเชื่อในผลของบุญ จงเชื่อในบุญฤทธิ์ จงเชื่อในบุญอันวิเศษพิสดาร ทำให้สำเร็จ

ประโยชน์ได้
งั้น ภาระอะไร ภาวะชนิดใด กิจกรรมอะไร ที่มันจะทำให้เกิดบุญ แล้วเป็นบุญที่ชาญฉลาด

นะ ลูก ไม่ใช่บุญที่โง่เขลา ใครมาพูดอะไร ก็เชื่อง่ายไปหมด อย่างนี้ ก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน

นะ
บุญ พระพุทธเจ้าบอกว่า วิธีทำบุญ นี่มันต้องสัมปยุตไปด้วยปัญญา
ถามว่า หลวงปู่ลงทุนมหาศาลขนาดนี้ รู้สึกจะ 10 ปีแล้วมั๊ง หอคุณธรรมฟ้าเนี่ย
ถามว่า ทำไมต้องเรียก หอคุณธรรมฟ้า
เพราะหลวงปู่ เชื่อว่า ฟ้ามีคุณธรรม, ฟ้าดินมีคุณธรรม
ถ้าฟ้าดินไม่มีคุณธรรม ป่านนี้ ฟ้าดินคงจะพิโรธโกรธกริ้ว เยอะแยะมากมายแล้ว เราถุย

น้ำลายรดบ้าง เยี่ยวรดบ้าง ขี้รดบ้าง กระทืบซ้ำบ้าง ทำนานา ประการต่อแผ่นดิน แผ่นดินก็

ไม่เคยบ่นว่าสักคำ เหมือนกับที่พระสารีบุตร แสดงความเป็นพระอรหันต์ ต่อพระผู้มีพระ

ภาคเจ้า ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหมู่สงฆ์ว่า พระศาสดาทรงถาม คือ มีพระมาโจทก์พระสารี

บุตรว่า เป็นปุถุชน ไม่ใช่พระอรหันต์
พระศาสดา ก็เลยหันมาถามพระสารีบุตร สารีบุตร เธอมีวิถีคิด วิถีชีวิตอย่างไรฤา, อย่าง

ไรฤา พระองค์ทรงถามอย่างนี้
ข้าพระพุทธเจ้า มีวิถีคิด วิถีชีวิตดั่งแผ่นดิน พระเจ้าค่ะ
ทำไม ถึงตกต่ำอย่างนั้น
อย่างแผ่นดิน ก็คือ เวลาใครจะเหยียบ จะย่ำ จะซ้ำเติม จะทำร้ายทำลาย แผ่นดินก็ไม่เคย

โวยวาย ไม่เคยถือโกรธ ไม่เคยถือโทษ ไม่เคยทำเหตุเพทภัยให้กับผู้คนที่กระทำต่อเลย

อย่างนี้เป็นต้น
พระองค์ก็ทรงชี้ให้เห็นว่า นี่คือ นิสัย สันดานของพระอรหันต์ ต้องมีสันดานแบบนี้ มีนิสัย

แบบนี้ ไม่เคยผูกโกรธ ไม่เคยพยาบาทอาฆาตกับผู้ที่จองล้างจองผลาญ จองเวร เพราะไม่รู้

จะโกรธไปทำไม ไม่รู้จะอาฆาตกันไปทำไม ถ้ามองเห็นด้วยปัญญา ก็คือ ทุกอย่าง มันเกิด

ขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่มีเหตุปัจจัยอะไร จะคงที่ ตลอดกาล ตลอดสมัย
อ้ายคนด่า มันก็ตาย, คนถูกด่า ก็ต้องตาย ด่ากันไปด่ากันมา ใครตายก่อนกัน
ดีไม่ดี อ้ายคนด่า มันตายก่อนคนถูกด่า
ทีนี้ อ้ายคนถูกด่า มันอาจจะตายก่อนคนด่าก็ได้ ถ้าคนถูกด่ามันเอาคำด่า มานอนคิด ดิ้นจน

หนังกลับ นอนไม่หลับทั้งคืน รุ่งขึ้น เส้นเลือดสมองแตก หัวใจวายตาย แสดงว่า อ้ายคำด่านั้น

เป็นประโยชน์ คือ คำด่านั้นสำเร็จประโยชน์ คือ เป็นผลที่สาปแช่งคนที่ถูกด่า ให้แช่งชักหัก

กระดูก
แสดงว่า คนผู้ถูกด่า โง่กว่าคนด่า ไม่มีปัญญาวิเคราะห์ ใคร่ครวญ พินิจ พิจารณา
งั้น ฟ้าดิน นี่มีคุณต่อเรา สำหรับหลวงปู่แล้ว ถือว่า สวรรค์และฟ้าดิน เป็นผู้มีคุณ
เลยทำ วิหารเซียนฟ้า โรงเจหอคุณธรรมฟ้า และเขียนไว้ข้างหน้าเป็น ตัวหนังสือมังกรว่า
พ่อแม่ มีคุณธรรม ลูกหลาน กตัญญู แล้วเขียนต่อไปข้างๆ ถ้าเราไล่อ่านตามหลัง ก็จะบอกว่า

ครอบครัวรุ่งเรือง เจริญ ชีวิตได้ดี มีกำไร
ทั้งหมด มันเกิดมาจากอะไร
คุณธรรม
แม้นมนุษย์ ไม่ควรปฏิเสธ 4 คุณ เพราะคุณธรรม ทำให้เราทำคุณประโยชน์ เมื่อทำคุณ

ประโยชน์ สังคมก็มองว่า เราเป็นคนมีคุณค่า ชีวิตก็กลายเป็น มีคุณภาพ
คุณธรรม ทำคุณประโยชน์ เกิดคุณค่า ชีวิตก็มีคุณภาพ
มนุษย์ ไม่ควรปฏิเสธ 4 คุณนี้ เราจึงจะกลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์, มนุษย์ที่เป็น

มนุษย์, ไม่ใช่มนุษย์เหมือนมนุษย์, มนุษย์คล้ายมนุษย์, มนุษย์เกือบจะเป็นมนุษย์

และมนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ถ้าเป็นพันธุ์ๆ นี้ ก็แย่หน่อยละ เราก็จะกลายเป็นคนที่ได้รับความ

เดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากมนุษย์ที่เหมือนมนุษย์ หรือ มนุษย์ที่คล้ายมนุษย์ แต่มนุษย์

ที่ไม่ใช่มนุษย์
แล้วถามว่า มนุษย์ที่มันคล้าย ที่มันเหมือน ที่มันไม่ใช่ มันคืออะไร
ก็ มนุษย์ นี่มันแปลว่า ผู้มีใจสูง ใจประเสริฐ แล้วถ้ามันเหมือน มันคล้าย มันก็คือ แกล้งๆ

จะสูง เหมือนแสร้งกระทำดี แต่ต่อหน้าเท่านั้นนะ ลับหลังมันก็เอาเปรียบเรา ทำร้ายทำลาย

เรา อย่างนี้เค้าเรียกว่า มนุษย์คล้ายมนุษย์ มนุษย์เหมือนๆ กับจะเป็นมนุษย์ แต่มันไม่ใช่

มนุษย์ตัวจริง
งั้น ถ้ามนุษย์พันธุ์นี้ อยู่กับเราเยอะๆ เราก็จะลำบากล่ะ เราจะโดนเอาเปรียบตลอดเวลา เรา

จะกลายเป็นคนที่อ่อนแอ แล้วมันก็หาเล่ห์เพทุบาย จองล้างจองผลาญ ทำร้ายทำลายเราอยู่

เนืองนิจ
งั้น ก็เลยเป็นที่มาว่า ทำไม หลวงปู่สร้างโรงเจหอคุณธรรมฟ้า
ที่จริง มันมีเรื่องยาวกว่านั้น ลูก
เพราะว่า ช่วงจังหวะหนึ่ง ครั้งหนึ่งของชีวิต เคยไปอยู่ป่าเขาลำเนาไพร แล้วก็ไปเขมร กลับ

มาเข้ามาทางเมืองไพลินศรีโสภณ แถว ตราด ระยอง จันทฯ เข้ามาทางเทือกเขาสมิง แล้วก็

เดินมาเรื่อยเปื่อย
สมัยนั้น เค้ายังขุดพลอยกันเยอะแยะ ผู้คนก็ตายกันเกลื่อน แย่งพลอยกัน แถวเมืองไพลิน นี่

มันไพลินทั้งเมือง ในป่าในเขา ชาวบ้าน ชาวไทย เขมร ก็ลักลอบขุดกัน
รัฐบาลตอนนั้น ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย มันยังเป็นอะไรต่ออะไรอยู่ ก็ฆ่ากันตายบ้าง บางที

หญิงท้องแก่ ผัวไปรับจ้าง ขุดเอาพลอยมาฝากเมีย เมียก็โดนฆ่าตาย ตายท้องกลม เราก็ต้อง

ไปเป็นสัปเหร่อ สวดศพให้มัน ฝังให้มันเสร็จเรียบร้อย เพราะผัวมันก็หนีไป เมียก็โดนฆ่า

ตาย
ก็เดินทางกลับมา ถึงทุ่งเหียง พนัสนิคม มันก็ดึกแล้วล่ะ ลูก กลับมา ก็ท้องมันเจ็บ ก็คือ มัน

เลือดออก เป็นแผลในกระเพาะ แล้วก็ถ่ายเป็นเลือด หมดเรี่ยวแรง ถ่ายมาตลอดช่วงเดินทาง
ถึง จะ 3 ทุ่มแล้ว มาถึงทุ่งเหียงก็ เอ๊ หาที่พัก ก็มาเจอวิหารพระโพธิสัตว์ เป็นโรงเจเล็กๆ

ร้าง มีรูปพระกวนอิม พระโพธิสัตว์กวนอิม รูปไม่สูงนักหร๊อก ประมาณสักศอกกว่า ร่วมๆ

2 ศอก เราก็มาอาศัยนอน อาศัยนอน ตกดึกๆก็ พระโพธิสัตว์ ท่านก็มาหา เอาลูกท้อมา

ถวาย ก็นอน ครึ่งหลับครึ่งตื่น ฝัน ว่า ปวดท้องเหลือเกิน ทรมาน ทุรนทุราย
ท่าน ฉันท้อ แล้วท้องจะเย็น สุขภาพจะดี โรคภัยไข้เจ็บ ก็จะหาย
ตื่นเช้าขึ้นมา ก็ เอ๊ กูฝันอะไร ฝันว่า พระโพธิสัตว์มา
ตื่นขึ้นมา ก็เห็นลูกท้อวางอยู่ 3 ลูก
เอ๊ ตอนกูมา หรือว่า เราไม่ได้สังเกตุ มันมืด แต่นี่มัน ท้อสดๆ ใหม่ๆ หอม กำลังอร่อย
เอาละวะ ของใครก็ไม่รู้ล่ะ แต่กูฝันนี่หว่า ว่ากูได้นี่ เค้าให้ในฝัน กูก็เอาซะก่อนล่ะ
ปกติ มันต้องบังสุกุล ใช่ไม๊ พระ
วิธีมีชีวิตอยู่ของพระธุดงค์เนี่ย ลูก เค้าใช้วิธีบังสุกุล สมมุติว่า เราไปอยู่ในป่า แล้วมันบิณฑ

บาตรไม่ได้ เค้ามีต้นไม้ ลูกไม้ เค้าใช้วิธีบังสุกุล บังสุกุลไปเก็บ เพราะมันไม่มีใครประเคน

เทวดาหน้าไหน จะมาประเคนในป่า ก็ใช้วิธีบังสุกุล
ไปเจอลูกท้อ 3 ลูก เอ้า เมื่อคืนนี้ กูฝันว่า พระโพธิสัตว์เอามาให้ ถือว่า กูเป็นเจ้าของได้ละ

บังสุกุล
ฉันแล้วสุขภาพดี มันเย็นท้องเหมือนในฝัน แล้วเราก็รู้สึกสบายขึ้น มีพลัง
เลยหันไปบอกว่า ถ้ามีโอกาส มีปัญญา มีกำลัง จะสร้างวิหารถวาย พอสร้างวัดเรียบร้อยแล้ว

ก็เลยมีกำลังวังชาพอเหมาะ ก็สร้างวิหารพระโพธิสัตว์ถวาย
เอ้า สร้างวิหารพระโพธิสัตว์ แล้วก็ทั้งปี ตลอดเวลาสร้าง ทำกิจกรรม
ที่นี่ เป็นที่รู้กัน วัดอ้อน้อย เวลามีการงาน มีกิจกรรม เทวดาฟ้าดิน จะอำนวยอวยโชค อวย

ชัยให้สำเร็จประโยชน์ ไม่มีอุปสรรคขวากหนาม
เอ้า ไหนๆ สวรรค์ฟ้าดิน มีคุณต่อเรา เอ้า สร้างวิหารเซียนเทียนฟ้า ขึ้นมา เพื่อระลึกถึงคุณ

ด้วยความกตัญญู ต่อสวรรค์และฟ้าดินที่มี เลยเป็นที่มาอย่างที่เราเห็น
ทั้งหมดเนี่ย ก็ได้จากแรงบันดาลใจ จากจิตที่ศรัทธาในคุณธรรมของสวรรค์ ฟ้าดิน และพระ

โพธิสัตว์เจ้า
แบบ เอามาจากไหน
ก็มาจากสมอง ลูก เอามาจากแรงบันดาลใจ เอามาจากความศรัทธา
คิดเอา เอ่อ ไม่ใช่นั่งหลับตาฝันเอานะ ใช้วิธีคิดเอาว่า อ้ายตรงนู้น มันต้องเป็นอย่างนั้น,

อ้ายตรงนั้น มันต้องเป็นอย่างนี้
คนเข้ามา ต้องการสิ่งดี มีมงคล, เข้ามา ต้องการสิ่งที่เป็นความงดงาม ความรุ่งเรือง เจริญ
ทำโรงเจเนี่ย มันทำยาก ยิ่งกว่าวัดอีกนะ ลูก เพราะทุกกระเบียดนิ้ว มันจะต้องเป็นตัวเลข ที่

ตกมงคลทั้งหมดนะ ถ้าผิดไปเซนต์เดียว ก็เป็นอัปมงคล แม้กระทั่งประตูที่ก้าวเข้ามา คน

ถามว่า ทำไมบานประตู ทำไมธรณีประตูมันใหญ่นัก ถ้าเล็กกว่านี้ ก็เป็นอัปมงคลละ
ธรณีประตู ที่ตกมงคล อ้ายนี่ มันตกเลข 6, ตกเลข 6 ในภาษาจีน เค้าเรียกว่า ตกอะไร

เอ่อ มันจะตก เฮงหลี, เฮงหลี หวังหลี ก็คือ ความรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ ความเป็นมงคล

ทุกอย่างเป็นตัวเลขที่เป็นมงคลหมด แล้วต้องเอามาวัดทุกครั้งเลย
เวลาช่างทำ หลวงปู่ ต้องมาคำนวณประตู หน้าต่าง ทั้งหมด ตัวเลข ต้องเป็นมงคล แม้แต่

บางที เราเห็นว่า มันไม่ตรงต่อความคิดของช่าง เพราะความคิดของช่าง มันต้อง 4, ต้อง

8, ต้อง 12
บางทีมันตกเลข 5 เลข 3 อะไรอย่างนี้ ก็ต้องถือเอาเลขที่เป็นมงคล ไม่งั้น มันจะได้ความ

เป็นอัปมงคลกลับไปสำหรับคนที่มากราบไหว้
แม้กระทั่ง รูปพระโพธิสัตว์ แต่ละมือ แต่ละปางนี่ เค้าจะมีตัวเลขที่เป็นมงคลกำกับ ความสูง

เท่าไหร่ ความกว้างเท่าไหร่ ความหนาเท่าไหร่ ความใหญ่เท่าไหร่ ใบหน้าต้องตกความ

รุ่งเรือง ถ้าลดใบหน้าไม่อยู่ในตัวเลขที่คำว่า รุ่งเรือง คนมองพระโพธิสัตว์ ก็จะไม่ศรัทธา ไม่

งดงาม ไม่สง่า
แม้กระทั่ง กระถางธูป ก็ต้องใช้เลขมงคล ปักแล้ว ก็ต้องให้มั่งคั่ง ให้มั่นคง ให้รุ่งเรือง เจริญ

อย่างนี้เป็นต้น
มันทำไม่ง่าย ลูก ทำยากมาก พื้น ต้องให้ได้ขนาดพอดี ทำวัด 10 วัด หลวงปู่ว่า ง่ายกว่า

ทำโรงเจ 1 โรง ทำโรงเจ 1 โรง นี่ทำยากมาก ใช้เวลา 10ปี ทุบทิ้งไปซะตั้งเยอะ
อ้ายที่เราไม่ค่อยได้ดู คราวก่อนนู้น ยุคแรกๆ ให้มูลนิธิฯ เค้ามาทำ คุมการก่อสร้าง หลวงปู่

ทุบทิ้งไป ถมที่ 5 ไร่ เต็มบ่อ เพราะมันตกตัวเลขที่เป็นอัปมงคล อ้ายเสาหงส์ มังกร ถ้า

ใครมาแรกๆ น่ะ มันเสร็จแล้ว หลวงปู่ทุบทิ้งเพราะว่า ตัวเลข มันตกอัปมงคล
ที่จริง มันก็ไม่ได้อัปมงคลทั้งหมดหรอกนะ มันก็มีส่วนที่เป็นมงคลบ้าง แล้วก็อัปมงคลบ้าง

พอวัด 3 ช่วง แล้วมันไม่ได้มงคลสูงสุด ก็ต้องทุบทิ้งละ ทุบทิ้งแล้วก็สร้างขึ้นมาใหม่
ไม่เป็นไร สวรรค์รวย ฟ้าดินรุ่งเรือง เอ่อ ทำแล้ว เดี๋ยวก็มีคนมาช่วย คนนั้นคนนี้มา ไม่ได้

ลำบาก ไม่ได้ทุข์ยาก ทำไปเรื่อยๆ ลูก
เหมือนกับที่หลวงปู่ ทำพระนาคปรก ก็ทำด้วยมุ่งหวังว่า ดวงบ้านดวงเมือง มันจะตกต่ำ

ชีวิตของราชวงศ์ พระราชา พระมหากษัตริย์ สำหรับหลวงปู่แล้ว อยากให้พระองค์ทรงมี

พระชนมายุยิ่งยืนยาวนาน ตราบนานเท่านาน เราตาย 10 ตาย ยังไม่เท่ากับที่พระองค์

ทรงอยู่ เพราะถือว่า พระองค์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่แผ่นดิน
ทำยังไงก็ได้ ที่จะทำให้พระชนม์ชีพของพระองค์ ยั่งยืนยาวนานได้ หลวงปู่ทำได้ทั้งนั้นแหละ
นี่ เดี๋ยวอีก 2 วัน จะต้องไปเจริญมนต์ ใช่ไม๊ เอ่อ วันที่เท่าไหร่ล่ะ วันที่ 23 เราจะไป

เจริญมนต์ถวายในหลวง พระราชินี ที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ไปทุกเดือน เสาร์ที่ 3 ของเดือน

แต่เดือนนี้เปลี่ยน เลื่อนไปเป็นเสาร์ที่ 4 เพราะเหตุผลว่า ที่นี่มีงาน ก็ขยับเป็นอีกเสาร์หนึ่ง

ก็เสาร์หน้า เสาร์ที่ 4 ก็เวลาบ่ายโมง ทุกคนไปพร้อมกันที่นั่น ไปแสดงความจงรักภักดี ไป

เจริญพระพุทธมนต์ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรม

ราชินีนาถร่วมกัน เค้ามี sheet มีอุปกรณ์ สำหรับเจริญมนต์พร้อมเสร็จ ไปร่วมกัน
ทั้งหมด ทั้งหลายทั้งปวง นี่ เป็นที่มาว่า ทำไมหลวงปู่ต้องสร้างอะไรเยอะแยะมากมาย
วัด นี่มันอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่โรงเจทำ ลูก
หลวงปู่อยากให้ภาพของวัด นี่ มันเป็นที่คนเข้าไปแล้ว มันต้องสงบ มันไม่วุ่นวาย มันต้อง

ไม่มีพิธีกรรมอะไร
เพราะงั้น โรงเจ ก็คือ ที่ๆ ทำพิธีกรรม แต่วัดไม่มีพิธีกรรมอะไร มีแต่สวดมนต์ ไหว้พระ

ปฏิบัติธรรม นั่นคือ ที่หลวงปู่คิดเอาไว้ว่า วัดจะต้องไม่มีพิธีกรรมอะไร
ใครจะมาไหว้ บวงสรวง บูชาอะไร ก็ให้มาที่โรงเจ มาที่วิหารเซียนฟ้า มาที่วิหารพระกวนอิม
แต่ถ้าจะไป สงบ เย็น ผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย ก็เข้าวัด นั่งสมาธิ ฟังธรรม

ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ไม่มีการเล่น ไม่มีมโหรี ปี่พาทย์ ไม่มีมหรสพ ไม่มีกิจกรรม
ปกติ ที่นี่ เค้าก็ไม่มีการเล่นอะไรกันอยู่แล้ว ยกเว้น วันเด็กของทุกปี อันนั้นก็ถือว่า ยกให้เด็ก

ปีที่ผ่านมา ก็มีเด็กมาร่วมๆ หมื่นคน ก็ข้างหน้านี่ เค้าก็มีกิจกรรม มีดนตรี มีเวที มาเล่นให้

เด็กได้สนุกสนาน มีเกมอะไร ก็ถือว่า เป็นเรื่องของเด็กๆ
เราก็ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อเด็ก และเยาวชน อย่างน้อยเค้าก็คิดได้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต

เค้าได้เข้ามาในวัด ได้มาสนุกสนาน มาได้ฟังธรรม มาได้สิ่งดีมีประโยชน์กลับไปบ้าง เป็น

ริ้วรอยอันงดงาม
เดี๋ยว เปิดโอกาสให้พิธีกร เค้าถามปัญหา เดี๋ยวเค้าจะไปออกรายการ ปุจฉา วิสัชนา
16 ก พ 56    12.30 น. ช่วง รายการ ปุจฉา วิสัชนา โดย องค์หลวงปู่

พุทธะอิสระ
เดี๋ยว เปิดโอกาสให้พิธีกร เค้าถามปัญหา เดี๋ยวเค้าจะไปออกรายการ ปุจฉา วิสัชนา
งั้นก็ พิธีกร เค้ามารอ หน้าแห้งแล้ว เดี๋ยว เปิดให้เค้าถามปัญหา คุณ
พิธีกร     กราบนมัสการ หลวงปู่ครับ.....ส่งคำถามมาได้นะครับ ตอนนี้ มีอยู่ 3 คำ

ถามนะครับ
ปุจฉา        กราบขอความเมตตาจากหลวงปู่ บอกชื่อของพระรูปปั้น ที่ยืนอยู่ด้านขวาของ

หลวงพ่อผาสุข ตรงลานด้านหน้าวิหารพระโพธิสัตว์
วิสัชนา        อ๊อ ก็คือ พระโพธิสัตว์กษิติครรภ แต่เป็นปางยืน เหมือนกับองค์นี้ ที่เป็นปางนั่ง

พระโพธิสัตว์ กษิติครรภโพธิสัตว์ นั่น ใครไม่รู้ หล่อมาถวาย เค้าไปวางไว้ที่ลานโพธิ์ หลวง

ปู่ไปเห็นเข้า ก็เลยเอาออกมาตั้งไว้
แต่อันนี้ หลวงปู่หล่อเอง ทำเอง ก็เป็นพระโพธิสัตว์ ที่ตั้งความปรารถนาไว้ว่า จะโปรดสัตว์

นรกตนสุดท้ายให้หมด จึงจะบรรลุพระโพธิญาณ จึงจะบรรลุสัมโพธิญาณ ก็คือ จะได้ไป

เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าเมื่อใดที่สัตว์นรก ตนสุดท้าย ยังไม่หมด ก็จะยังไม่ยอมไปเป็นพระ

พุทธเจ้าในอนาคต
งั้น จะเป็นพระโพธิสัตว์ ที่เฝ้าอยู่ในขุมนรก เพื่อเทศน์สั่งสอน แต่สัตว์นรกนี่ เป็นอะไรที่

เหมือนกับคนเมาล่ะ ลูก
คิดออกไม๊ นึกได้ไม๊
คนเมา นี่ เวลาพระไปเทศน์ มันฟังไม๊ (ไม่ฟัง) เอ่อ สัตว์นรกนั่นแหละ ประมาณนั้นเลย
งั้น พระโพธิสัตว์ ท่านก็นั่งหง่าวอยู่อย่างนั้นล่ะ ก็เหมือนกับนั่งอยู่ในวงของคนเมา เพราะ

คนที่ตกนรก มันไม่ต่างอะไรกับคนเมา เพราะว่า มันเมา อะไร
เมาความทุกข์ เดือดร้อนไง มันมีความทุกข์เป็นอาหาร มีความทุกข์เป็นเครื่องอยู่ มันก็ไม่

คิดว่า ความสุขจะมีในโลก เพราะงั้น พระโพธิสัตว์ให้เทศน์ให้ตาย คอโป่ง สัตว์นรก หรือ

คนเมา มันก็ไม่รู้เรื่อง มันไม่รู้เรื่อง ดีไม่ดี ชวนพระกินเหล้าตามมันไปด้วย
งั้น ท่านก็ต้องอยู่นานหน่อย แต่ถามว่า ทำไม
พี่น้องชาวจีน ค่อยข้างจะรู้ดีว่า ถึงเวลา มีประเพณี กิจกรรม กงเต็ก ก็ตาม หรือไม่ก็ เซ่น

ไหว้บรรพบุรุษก็ตาม ก็จะมาไหว้พระโพธิสัตว์องค์นี้ เพื่อให้ฝากผลบุญ ให้พระโพธิสัตว์

องค์นี้ได้นำเอาบุญ นำเอาสิ่งที่ตัวเองเซ่นไหว้นั้นไปให้ ไปมอบ ไปส่งให้กับญาติของตน ถ้า

เผอิญจะต้องตกนรก หรือ อยู่ในขุมใดๆ
พระโพธิสัตว์ ท่านนี้ พระองค์นี้ ก็จะเป็นพระโพธิสัตว์ เรียกว่า เป็นเหมือน พระ ผู้ประจำ

สัตว์นรก ผู้ประจำอยู่ในขุมนรก ที่จะทำหน้าที่โปรดสัตว์นรกให้พ้นทุกข์
แต่ถามว่า ท่านทำหน้าที่ ได้ดีไม๊
มันก็อย่างที่หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มันก็ไม่ต่างอะไรกับไปเทศน์สอนคนเมาน่ะ ลูก มันทำได้ยาก

แต่ท่านก็ไม่หยุด ไม่ย่อท้อ ท่านก็จะทำ
เรื่องมันก็คงมาจากตำนานเดิม ที่เค้าเล่ากันสืบๆ กันมา เป็นตำนานเก่าของพระกษิติครรภ

โพธิสัตว์ว่า ท่านบวชเป็นพระ แล้วก็มารดาท่านตาย แล้วท่านก็เผอิญนิมิต ฝันไปว่า มารดา

ทุรนทุราย ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะว่า ตกนรก อยู่ในนรก
ท่านก็เลยลุย ลงไปในนรก เพื่อจะไปช่วย ปลดเปลื้องมารดา แล้วเมื่อช่วยมารดาได้แล้ว ผล

ปรากฏว่า อ้ายความที่มีจิตเมตตาอยู่ในใจ ท่านเห็นว่า ไม่ใช่เฉพาะมารดาคนเดียวเท่านั้น

ที่ตกทุกข์ได้ยาก มันมีคนอื่นๆ มีสัตว์อื่นๆ อีกเยอะแยะ ถ้าเราจะช่วยเฉพาะมารดา ก็ไม่

ควรจะเรียกขานตัวเองว่า เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านก็เลยไม่ยอมขึ้นจากนรก อยู่อย่างนั้นจนกว่า

จะช่วยเหลือสัตว์นรก ให้พ้นจากทุกข์ภัยได้ เรียกท่านว่า พระกษิติครรภโพธิสัตว์

สัญลักษณ์ของท่าน ก็จะมีไม้เท้า เค้าเรียกว่า ไม้ธุดงค์ ไม้อย่างนี้ พระจีน เค้าถือว่า เป็น

ไม้สำหรับกันงู กันเพทภัย กันภูตผีปีศาจ
ที่จริงท่านมีบาตร ไม่รู้ใครขโมยบาตรไป ไม่ใช่ขโมยหรอก พระท่านเก็บ ถ้าไม่เก็บ เดี๋ยว

หาย
ที่นี่ มันมากันแปลกๆ บางทีมันมาเอา อะไรต่ออะไรไปไม่รู้ มันชอบ เอาไปทำเคล็ด ทำ

อะไรของมันก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้มี บางทีมา ทำเป็นจ้าว เข้าสั่น ถ้าหลวงปู่มา นี่ จ้าวจะหยุด จ้าว

ไม่กล้าเข้า เพราะ เราเป็นพ่อจ้าวไง ไม่กล้า มันมี บอก เฮ้ยๆ ตีนพระน่ะ หนักนะเว้ย เอ่อ

บางที มันต้องเตือนกันน่ะ
ก็ ไม่อยากให้ใครมาหลอกใคร หลวงปู่ไม่ชอบให้คนมาหลอกกัน
รู้อยู่แก่ใจว่า จ้าวเข้า หรือว่า คิดเอาเอง งั้น ไม่ต้องการให้ใครมาหลอกใครกิน เราก็ทำให้บูชา

ให้ไหว้ อ้ายที่เค้ามีจริงๆ ก็มีนะ เราก็ไม่ได้ไปดูถูก ดูแคลนเค้า แต่ของจริง เค้าไม่ได้มาพร่ำ

เพรื่อ เลอะเทอะ นานๆ เค้าจะทำกันซะที ไม่ได้ทำเปรอะเลอะเทอะ อย่างที่เป็นกันอยู่ทุก

วันนี้ จบ (สาธุ)
ปุจฉา       ทำไมคนเลว ถึงได้เกิดมา ทำเลว ไม่ใช้กรรมในนรกต่อไป
วิสัชนา    อืม เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์คนหนึ่ง มันไม่ได้เลวทั้งหมดหรอก ลูก หัวเลว

บางทีตีนมันอาจจะดีก็ได้, ตีนมันอาจจะเลว แต่หัวมันอาจจะดีก็ได้ คือ คนเราเนี่ย มันไม่

ได้เลวตลอดชีวิต เราว่า เป็นอย่างนั้นไม๊
อ้ายที่นั่งๆ อยู่นี่ ก็ไม่ใช่ไม่เคยเลวเมื่อไหร่ เอ่อ แม้แต่ตัวผู้พูดเองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้น

เราเอาดีของเค้าเป็นตัวตั้งก็แล้วกัน งั้น อ้ายส่วนที่เค้ามาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ก็เพราะในส่วนดี

ของเค้านั่นแหละ แต่เผอิญ เมื่อมันเกิดมาแล้ว มีดี มันไม่ยอมใช้ดี ทำให้ดีเจริญ มันดันมา

ใช้ชั่ว ใช้เลว
ก็แสดงว่า มากินทุนเก่าให้หมดไป พอหมดทุนแล้ว ทีนี้ มันก็จะแย่ล่ะ
อ้ายคนที่เกิดเป็นคนได้เนี่ย ปกติ ธรรมชาติ สัตว์ที่จะเกิดเป็นคน มันจะต้องมีดี แล้วใช้ดี

เป็นต้นทุนในการมาเกิด ทีนี้ พอมันเกิดได้แล้ว มันดันมาทำเลว ก็แสดงว่า อ้ายสัตว์ตัวนั้น

หรือ มนุษย์ตนนั้น คนๆ นั้น มันมากินต้นทุนเก่าให้หมดไป แล้วไม่สร้างทุนใหม่เพิ่มขึ้น
อ้ายนั่นน่ะ จะแย่ ทีนี้ ไม่รู้กี่ร้อยชาติแล้วล่ะ จะไม่ได้เกิดเป็นคน มันต้องตกนรกหมกไหม้

เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย รอแผ่นดินสูงเป็นโยชน์ๆ เป็นกิโลฯๆ ถึงจะได้มา

เป็นคน
เพราะ บุญมันหมดแล้วไง ทุนมันเกลี้ยงแล้วไง เค้าให้มาเกิดเป็นคน เพื่อจะทำทุนเพิ่ม ดั๊น

มากินทุนเก่า แล้วทุนใหม่ก็ไม่สร้าง เลยไม่เหลือทุนอะไร ก็ลงนรกไปตามระเบียบ จบ (

สาธุ)
ปุจฉา        สงสัยว่า ทำไม หลวงปู่ต้องอาศัยมงคลอื่นๆ เช่น เลข และฤกษ์ยาม เพราะพระ

พุทธเจ้าได้ห้าม ไม่ให้ยึดถือสิ่งเหล่านี้ ให้ยึดถือแต่มงคล 38 ประการ
วิสัชนา      อ้าว คนถามนี่ ต้องออกไปนั่งข้างนอก เพราะนี่ คุณก็มาอาศัยชั้นเหมือนกันนะ

อาศัยมงคล อ้ายคนที่ถามเนี่ยนะ
ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องจริงที่คุณพูดเนี่ย เป็นเรื่องๆ
สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง เวลาที่ท่านประพฤติชอบ ชื่อว่า ฤกษ์ดี มงคลดี

สว่างดี รุ่งเรืองดี วันดี และ เวลาดี
ถามกลับไปว่า ดีกี่นาที ในหนึ่งชีวิต อ้ายคนที่ถามเนี่ย เฉพาะอ้ายคนที่เขียนคำถามเนี่ย

ชีวิตคุณน่ะ ดีได้กี่นาที ที่เหลือนอกนั้น อัปรีย์กี่ชั่วโมง หา คนมันดีได้ทั้งหมดไม๊ (ไม่ครับ)
นั่นสิ เมื่อมันดีไม่ได้ทั้งหมด เอาล่ะ ตัวเราดีไม่ได้ ก็หาสิ่งแวดล้อมดีๆ บ้าง ไม่ได้เหรอ

เหมือนกับหมาขี้เรื้อน ยังไงๆ มันก็เป็นหมาขี้เรื้อน แต่มันจะนอนให้ลมเป่า แดดเผา แล้ว

เกาจนเลือดโซก หรือ มันจะไปซ่านหาอ้ายที่เย็นๆ อยู่ แล้วจะได้ไม่ต้องเกา หา
เพราะฉะนั้น หมาขี้เรื้อนฉลาด มันไม่นอนตากแดด มันต้องไปหาอ้ายที่เย็นๆ อยู่ มันจะได้

ไม่คัน ไม่เกา เพราะงั้น คนที่ถามนี่ ก็อย่ามาอาศัยมงคล ไปหามงคลเอาเอง ถามให้ด่านะเนี่ย
เอ่อ คนเรามันไม่ได้ฉลาดเสมอไป ลูก ไม่ได้แข็งแรงมากเหมือนกันทุกคน มันก็มีคนโง่บ้าง

คนฉลาดบ้าง คนรุ่งเรืองบ้าง คนตกต่ำบ้าง คนเชื่อง่ายบ้าง คนเชื่อยากบ้าง
งั้น เมื่อคนเหล่านี้ มันจะอยู่ มีชีวิต มันก็ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมบ้าง
เอาล่ะ พระพุทธเจ้าสอน เป็นเรื่องถูกต้อง เรื่องจริง หลวงปู่ไม่เคยปฏิเสธเลย คนมาถาม

หลวงปู่ เรื่องจะสร้างของ ปลูกบ้าน มีฤกษ์ไม๊ ขอฤกษ์หน่อย หลวงปู่
หลวงปู่ถามว่า มีที่ยัง, มี, มีตังค์ไม๊, มี, ไปหาช่างให้ได้ แล้วพรุ่งนี้ ปลูกเลย
ไม่มีฤกษ์ล่ะ ฤกษ์ดี ก็คือ มึงมีตังค์กับมีที่ แล้วหาช่างได้ นั่นแหละ ฤกษ์ดี
อ้าว จริงๆ นี่หลวงปู่ทำนี่ ก็ไม่ได้ดูฤกษ์ผานาทีอะไร
ฤกษ์ดี ก็คือ เอาล่ะ เราพร้อมที่จะทำ ก็ทำ แต่เค้ามี flight บังคับว่า อ้ายตรงนี้ๆ มัน

ต้องเป็นอย่างนี้ มันจึงออกมาเป็นรูปนี้ อ้ายช่องประตูนี้ มันต้องกว้างขนาดนี้ ถ้ามันแคบ

มากไปกว่านี้ มันก็ไม่เป็นอย่างนี้ เมื่อมันมี flight บังคับอย่างนี้ เราก็ต้องทำให้มัน

ตามโฉลก
เดี๋ยวเค้าก็จะมาด่า อ่า ทำทั้งที แล้วมึงไม่รู้อะไรเลย แล้วมึงทำ ทำไม, อ่า โดนด่าอีก
พอทำได้ ก็ด่าอีก แม๊ ไปถืออะไรมากมาย นี่แหละ อยู่กับมนุษย์ขี้เหม็น จบ (สาธุ)
ปุจฉา       อะไร คือ ตัวเรา
วิสัชนา       อ้าว เวรกรรมล่ะกู แล้วกูจะไปตอบยังไงล่ะหว่า, อะไร คือ ตัวเรา, ก็เรา

บวกเรา ก็เป็นตัวเราล่ะ ลูก, อะไร คือ ตัวเรา, ก็คือ อัตตา ความเป็นตัวเป็นตน อุปาทาน

อวิชชา และก็ ตัณหา
อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เนี่ย เป็น ตัวกู ของกู, ถ้าไม่มี ตัวกู ก็ต้องไม่มีตัณหา ไม่มี

อุปาทาน นั่นก็คือ ต้องไม่มีอวิชชา จบ (สาธุ)
ปุจฉา        ทำบุญกับวัด กับ ทำบุญให้แผ่นดิน อะไรได้บุญ มากกว่ากัน
วิสัชนา        มันขึ้นอยู่กับว่า เราทำอะไร แต่จำไว้อย่างว่า เวลาทำบุญ ต้องนึกให้ได้ 3

อย่าง
นึก 3 อย่าง คือ อะไร
ก่อนทำ ต้องตั้งใจ, ขณะที่ทำ ต้องเต็มใจ ทำเสร็จแล้ว ให้สบายใจ แล้วคุณจะทำอะไร ก็

ได้บุญ
ส่วนจะบุญมาก บุญน้อย มันขึ้นอยู่ ถ้าถามหลวงปู่ว่า บุญมากที่สุด คือ อะไร, นั่งนิ่งๆ

หลับตา ให้จิตผ่อนคลาย ให้ปัญญารุ่งเรืองล่ะ บุญมากที่สุด เลย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย จบ

(สาธุ)
ปุจฉา         สภาวะจิตของผู้ที่มีธรรม ถึงขั้น พระอนาคามีจิต จะตกมาเป็นปุถุชน ลงนรก

ได้หรือไม่ คำกล่าวที่ว่า ถ้าเป็นพระโสดาบัน เกิด 7 ชาติ เป็นอรหันต์ จริงหรือไม่
วิสัชนา        อืม ส่วนใหญ่หลวงปู่เจอแต่ พะหญ้าคา นะ ถามไปถึงอนาคาฯ เลยเหรอ โซดา

ยังไม่เจอเลยนะเนี่ย ตอบตามตำราน่ะ ลูก แต่เชื่อว่า ที่นั่งอยู่เนี่ย มีแต่หญ้าแพรก หญ้าคา

ทั้งนั้นเลยล่ะ อนาคาฯ ไม่มีหรอกนะ นี่ ไม่ได้ดูถูกนะ นี่ เรื่องจริงนะ
สภาวะจิตของอนาคาฯ ก็คือ จะไม่มีวันเกิด คือ ตั้งแต่พระโสดาฯขึ้นไป ก็คือ ไม่มีชาติภพ

เกิดเป็นอื่นแล้ว คำว่า ไม่มีชาติภพเกิดเป็นอื่น ก็คือ จะไม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะไม่เป็นเปรต

ไม่เป็นอสุรกาย ไม่เป็นสัตว์นรก แม้ที่สุด ก็คือ ไม่เป็นอย่างอื่นที่พ้นจากมรรคาปฏิปทา คือ

มรรควิถี
นั่นก็คือ ต้องมีที่เกิดอันแน่นอน ก็คือ เป็นอรหันต์ สำเร็จอรหันต์ บรรลุอรหันต์ นั่นแน่นอน
ส่วนจะกี่ภพกี่ชาติ ก็ขึ้นอยู่กับว่า พระอนาคาฯ เค้ามีเป็นชั้นน่ะ ลูก มีอนาคาฯ มรรค กับ

อนาคาฯ ผล เราก็ไม่รู้ว่า มรรค หรือ ผล ส่วนใหญ่จะเจอ มักง่าย มากกว่า ลูก จบ (สาธุ)
ปุจฉา         มีต้นไทรใหญ่ ขึ้นอยู่หลังบ้าน คนข้างบ้านเดือดร้อน จึงต้องตัดกิ่งใหญ่กิ่งน้อย

และรากออกไป ถามว่า จะให้โทษถึงแก่ชีวิตหรือไม่
วิสัชนา    ถ้ามันหล่นใส่หัว ก็ถึงล่ะ ลูก ถ้ามันไม่หล่นใส่หัวคนข้างบ้าน หมั่นไส้ ยิงหัว ก็อาจ

จะถึงอีกเหมือนกัน เพราะต้นไม้ตระกูลพวกนี้ มันเป็นต้นไม้ที่รากหากินบนหน้าดิน มันไม่

ลงใต้ดิน มันหากินบนหน้าดิน มันก็อาจจะเป็นโทษกับคนที่อยู่ใกล้ๆ เช่น เค้าปลูกบ้านใกล้ๆ

รากมันอาจจะไปชอนไชกำแพง รั้วเค้า หรือไม่ พื้นเค้า แตกเสียหาย แล้วก็เค้าอาจจะรำคาญ

บางทีมันออกลูก นก หนู มากิน มาขี้รดใส่บ้านเค้า
งั้น เราก็หาไม้อื่นปลูกก็ได้ ลูก ต้นไทรปลูกไม่ได้ ก็ปลูกไม้อื่น ไม่รู้จะปลูกอะไร ก็ปลูก

หมามุ่ย รอบรั้วก็ได้
พิธีกร      แต่ว่า ไม่มีความเชื่อใดๆ ใช่ไม๊ครับ หลวงปู่
หลวงปู่        เชื่ออะไรล่ะ
พิธีกร       สมัยโบราณ เค้าบอกว่า ห้ามตัดต้นไทร อะไรอย่างนี้
หลวงปู่           โอ๊ย ก็เห็นมันตัดกันเกลื่อนไป ก็เห็นยังอยู่รอดได้ ไม่เป็นอะไรหรอก คือ

ต้นไทร มันเป็นวงศ์ไม้ตรัสรู้ ลูก ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นสาละ พวกนี้ มันเป็นวงศ์ไม้วงศ์เดียว

กัน ที่มันอยู่ในโซนวงศ์ไม้ตรัสรู้ คือ พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ๆ ก็จะมาอุบัติ มาตรัสรู้ ใน

ต้นไม้พวกนี้ เพราะว่า อะไร
พุ่ม มันหนาไง ลำต้นมันใหญ่ พุ่มมันหนา มันเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรได้ อย่างนี้เป็นต้น คน

โบราณเค้าก็ชอบปลูกไว้นะ ชอบปลูกไว้ แต่ต้องห่างบ้าน เอาไว้สำหรับนั่งเล่น ลมเย็นๆ แต่

ต้องเป็นที่กว้างๆ
คนสมัยนี้ มีที่อยู่คับแคบ ขืนไปปลูกต้นไทร ก็อาจจะเดือดร้อน งั้น ก็เปลี่ยนเป็นต้นอื่นซะ

อ้ายไม้ตรงๆ มะม่วง อะไรต่ออะไรก็ว่าไป จบ (สาธุ)
ปุจฉา         ความหมาย คำว่า เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก จะปฏิบัติได้อย่างไร ขอหลวงปู่

อธิบายด้วย
วิสัชนา        อื๊ม ไม่เห็นยากอะไร ถ้าทุกคนช่วยกันยิ้ม ยิ่มมันเรื่อยล่ะ ใครมาก็ยิ้ม เจอคนก็

ยิ้ม เจอหมาก็ยิ้ม ยิ่มมันทั้งวันน่ะ เดี๋ยวมันก็ค้ำไปเอง มันไม่ใช่เมตตาอยู่ในใจ หลวงปู่พูดนี่

เรื่องจริงนะ ถามว่า บางคนมีเมตตา แต่เห็นหน้าแล้ว อื๋ม ไม่อยากเข้าใกล้ อ้ายนี่ มันไม่ใช่

เมตตา
เมตตาที่ค้ำจุนโลก เป็นเมตตาที่แสดงออกมา ให้สัมผัสได้ ให้เป็นที่ประจักษ์ ให้รับรู้ได้

อย่างนั้น เค้าเรียกว่า เมตตาที่ค้ำจุนโลก แต่ถ้าเมตตา แอบเมตตาอยู่ในใจเฉยๆ อย่างนี้ ไม่

ใช่ อย่างนี้ มันค้ำจุนโลกอะไรไม่ได้ ลูก จบ (สาธุ)
ปุจฉา         ถ้าเราต้องอยู่กับคนที่ไม่มีธรรมและต้องอยู่ด้วยกันในบ้าน จะอยู่ด้วยกันอย่าง

ผาสุกได้อย่างไร
วิสัชนา      ได้ ตรงที่เรามีธรรม, ธรรมะ เป็นเครื่องค้ำจุนโลก เป็นเครื่องค้ำจุนตัวเอง

ให้ดำรงค์ตั้งมั่นอยู่ได้ คำว่า ค้ำจุน ก็คือ ตั้งมั่นอยู่ได้
เราไม่ต้องคำนึงว่า ใครมีธรรม หรือ ไม่มี
เราควรจะต้องคำนึงว่า ตัวเรามีแค่ไหน แล้วทำให้มันมีมากขึ้น ได้ไม๊
เราชอบมองกันแบบนี้ ชอบมองว่า คนนั้นไม่มีธรรม คนนี้ไม่มีเมตตา คนนั้นไม่กตัญญู แต่

ไม่ดูตัวเอง พอไม่ดูตัวเอง ก็เลยจ้องจะให้คนอื่นให้ แสดงธรรมให้เรา แสดงน้ำใจให้เรา

แสดงเมตตาแก่เรา แต่เราไม่เคยแสดงอะไรแก่เค้า แล้วเราก็บอก เค้าไม่มีธรรม อย่างนั้น

ไม่ถูกต้อง
หลวงปู่ไม่เห็นใส่ใจ ใครจะว่ายังไง กูอยู่ของกูได้ กูมีเครื่องอยู่
ธรรมะเป็นเครื่องอยู่ ธรรมะเป็นเครื่องอาศัย ธรรมะเป็นเครื่องเกราะ ธรรมะเป็นเครื่อง

ป้องกันภัย
ไม่ได้ไปช่วยใคร ธรรมะ มัน อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน
ธรรมะอยู่กับใคร คนนั้นก็ได้พึ่งอาศัย
อย่าไปอ้างว่า คนนั้นไม่มีธรรม คนนี้ไม่มีธรรม แล้วเราล่ะ มีกี่ขีด จบ (สาธุ)
ปุจฉา       เวลาทำงาน ใจเรานิ่ง และมีสมาธิ สงบ และมีความสุข ใช่ เรามีบุญ ใช่หรือไม่
วิสัชนา     คำว่า บุญ มันไม่ได้หมายถึง คำว่า นิ่ง สงบ แล้วก็ มีความสุขอย่างเดียวนะ ลูก
บุญ นี่คือ ความอิ่มอกอิ่มใจ โดยคุณศัพท์ของ บุญ นี่มัน แปลว่า ความอิ่ม เต็ม
การทำงาน บางทีบางครั้ง เราพึงพอใจ มันก็ทำให้มีความสุขได้ มันก็ไม่ได้หมายถึง ได้บุญ,

พึงพอใจ ก็เกิดความสุขได้ แต่ถ้าไม่พึงพอใจ นับตังค์ ก็เป็นทุกข์นะ ลูก ถ้ามันไม่พึงพอใจ
ผู้จัดการธนาคารมันลาออกซะตั้งหลายคน ถามว่า ทำไม มันเป็นทุกข์ นับเงินคนอื่น เงินเรา

ไม่มีนับ นับเงินเขา เงินเราไม่มี อย่างนี้ มันก็เป็นทุกข์ได้เหมือนกัน
เพราะงั้น อย่าเอาคำว่า พึงพอใจ มาเทียบกับคำว่า บุญ ไม่ใช่, เพราะ บุญ นี่มันหมายถึง

อิ่ม เต็ม
อ้ายพึงพอใจ นี่มันเป็น ตัณหาอย่างหนึ่ง เป็นความอยาก จบ (สาธุ)
ปุจฉา          ถ้าเราทำบุญ แล้วไม่กรวดน้ำ เราจะได้บุญที่ทำ หรือไม่
วิสัชนา         ขี้เหนียว, ทำบุญ ไม่ให้ใคร นี่ ขี้เหนียว คนขี้เหนียว ไม่น่าจะได้บุญเยอะ

เท่าไหร่ ทำบุญ แล้วก็ควรจะให้ เราให้ไปแล้ว ก็ให้ไปอีกเนี่ย
ทำบุญธรรมดา เค้าเรียกว่า สามัญทาน ถ้ากรวดน้ำ จัดว่า เป็น ปรมัตถทาน นะ ขยับขึ้นมา

อีกขั้นหนึ่ง
ทำธรรมดา เนี่ย เค้าเรียก สามัญทาน แต่ถ้าลงทุน เราคิดว่า เราให้ เพื่อจะได้บุญ แล้วเรา

กล้าให้บุญกับคนอื่น นี่ก็ถือว่า เป็นชั้นปรมัตถนะ อ้อ ไม่ใช่ปรมัตถ, ชั้นอุปะบารมี คือ

ชั้นที่สูงขึ้นมาจากสามัญ เพราะปรมัตถ นี่ต้องให้ชีวิตละ ให้เลือดเนื้อ ให้จิตวิญญาณละ
เพราะงั้น คนที่ได้ กว่าจะหาเงินมา ก็ยากแล้ว ยอมให้สิ่งที่ได้มายาก เพื่อหวังให้ได้บุญ เมื่อ

ได้บุญมาแล้ว ก็ยากละ แล้วกล้าให้สิ่งที่ได้ยาก เรียกว่า บุญ นั้นแก่คนอื่นอีก เค้าเรียกว่า

อุปะบารมี เป็นชั้นสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งละ
นั่น เค้าเรียกว่า คนฉลาดให้
อ้ายคนที่ให้ทาน แล้วไม่แบ่งให้ใครเลยเนี่ย มีบุญแล้วไม่แบ่งใครเลย พวกนี้ ขี้เหนียว
เคยมีตำนานเล่าเก่าๆ ฟังเยอะแยะ เศรษฐีขี้เหนียว พอตายไปแล้ว พวกนี้ไปเกิดเป็นจิ้งจก

ใครจะเข้าห้อง จุ๊ จุ๊ จุ๊ อะไรประมาณนี้ ใครจะหยิบตังค์ จุ๊ จุ๊ จุ๊ อะไรเนี่ย คอย จุ๊ จุ๊ จุ๊ อยู่

ตลอดล่ะ เศรษฐีขี้เหนียว จบ (สาธุ)
ปุจฉา         คนเรา เกิดมาพิการ เกิดจากกรรมอะไร แล้วทำอย่างไรให้หลุดกรรม
วิสัชนา          อืม กรรมพ่อ กรรมแม่ น่ะ ลูก พ่อแม่สมสู่กัน ก็ออกมาเป็นตัวเรานั่นแหละ

ก็ถามสิ คนเราเกิดมาจากกรรมอะไร ก็กรรมจากพ่อจากแม่
ทีนี้ กรรมที่เราต้องมาเกิดกับพ่อแม่คู่นี้ อันนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปอดีตกาล
อดีตกาลว่า เราเคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับพ่อแม่คู่นี้มา เรียกว่า อดีตกรรม
กรรม นี่มันมี อดีตกรรม ปัจจุบันกรรม แล้วก็ อนาคตกรรม
เพราะงั้น อดีตกรรมเป็นอย่างไร หลวงปู่ก็ไม่รู้ด้วยว่า คนๆ นี้ มีอดีตเป็นยังไงถึงได้มาเกิด

เป็นพ่อเป็นแม่ บางคนนี่ พ่อแม่ดี๊ดี เกิดลูกออกมา โจร โจ๊น โจร โจรจริงๆ
นี่ ก็แสดงว่า อ้ายลูกคนนี้ มันมาล้างผลาญพ่อแม่ มันมีกรรมอันไม่ดีมาแต่เก่าก่อน เค้าเรียก

ว่า เป็นคู่อาฆาตกัน เลยมาล้างผลาญพ่อแม่
อ้ายบางคน พ่อแม่ไม่ดีเล๊ย แต่ลูกมันโอ๊ เป็นอภิชาตบุตร กลับมาสนับสนุน ช่วยเหลือ ส่ง

เสริม พ่อก็ขี้เหล้า แม่ก็ขี้เมา แต่ลูกกลับดีแสนดี นี่แสดงว่า ลูกอุปถัมภ์ อย่างนี้ เค้าเรียกว่า

เรามีลูกอุปถัมภ์
อ้ายบางคน พ่อเสมอแม่ แม่เสมอพ่อ พ่อแม่เสมอลูก อย่างนี้ก็เรียกว่า คู่เพื่อนฝูง ลูกเพื่อน

ฝูง ก็คือ เป็นมิตรกัน คู่มิตรกัน เป็นลูกคู่มิตรกัน คือ มีคุณภาพชีวิต ทำ พูด คิด เท่าๆ กัน

ใกล้เคียงกัน ไม่ได้เหลื่อมล้ำกว่ากัน จบ (สาธุ)
ปุจฉา        อารมณ์ปิติ ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม กับอารมรณ์ปิติ ที่เกิดจากการได้ยิน

เสียงดนตรี เสียงนก หรือ การผ่านอุปสรรคปัญหา ใช่อารมณ์ปิติ เดียวกันหรือไม่
วิสัชนา       อารมณ์ปิติ ที่เกิดจากปฏิบัติธรรม เนี่ย มันเป็นมหากุศลนะ ลูก แต่ อารมรณ์ปิติ

ที่เกิดจากได้ยินเสียงเพลง เสียงนกร้อง มันไม่ได้เป็นกุศลนะ มันเป็นความพึงพอใจ มันเป็น

ตัณหา มันเป็นความทะยานอยากนะ
เราแยกคำว่า ปิติ ออกจากความดีใจ พึงพอใจ ไม่ได้ เราก็เลยคิดว่า มันเป็น ปิติ เพราะ ปิติ

มันมีองค์ประกอบของมันนะ มีอะไรบ้าง
ก็มี น้ำตาไหล ใจฟู ตัวพอง ขนพอง แล้วก็ จิตใจแช่มชื่น ตัวเบา อย่างนี้ ขนลุกชูชัน อย่างนี้

มีใครฟังเพลงแล้วขนลุกเหรอ อ้ายนั่น มัน เพลงกะสือ แล้วมั้ง มีใครฟังเสียงนก แล้วน้ำตา

น้ำหูไหลเหรอ คงไม่ใช่ล่ะ จบ (สาธุ)
ปุจฉา         บางคนเชื่อว่า ต้นไม้มีรุกขเทวดา จริงหรือไม่
วิสัชนา     อืม ถ้าเราเชื่อ เรื่องสวรรค์ เรื่องบุญ เรื่องบาป เรื่องกรรม เรื่องกุศลกรรม

เรื่องอกุศลกรรม เราก็ต้องเชื่อว่า เทวดาเนี่ย มีทุกที่ล่ะ ลูก ไม่ได้มีเฉพาะแค่ต้นไม้ จอม

ปลวก ภูเขา ต้นน้ำ เค้ามีทุกที่ พวกนี้ เค้าก็ไม่เรียกว่า เทวดา เค้าเรียกว่า อทิสมานกาย
อทิสมานกาย จะเป็นอะไรได้บ้าง
ก็อาจจะ เป็นสัมภเวสี เป็นเปรต, เปรต นี่มันมีตั้ง 12 จำพวก เปรตแต่ละจำพวก ก็มีที่

อยู่แตกต่างกันอสุรกาย, อสุรกาย ก็เป็นสัตว์นรกชนิดหนึ่ง ก็มีที่อยู่ที่แตกต่างกันแต่ละ

ชนิด อย่างนี้เป็นต้น
งั้น อย่าไปมองเหมารวมว่า ต้องเป็นเทวดาทั้งหมด บางที จัดเป็น อทิสมานกาย น่าจะได้
แต่ถามว่า มีอยู่ไม๊
ก็มีอยู่ทุกที่แหละ ลูก มีอยู่ทุกแห่งหน นั่งข้างหลังเรา ก็มี ข้างหน้าเรา ก็มี มีรอบไปหมดล่ะ

ลูก เค้าถึงได้บอก คนโบราณถึงได้บอกว่า เวลาทำดี ทำชั่ว ให้นึกถึง คนไม่เห็น ผีก็เห็น ฟ้า

ดินก็รู้ เค้าสอนให้รู้จักระวังตัวแล้วละอาย เวลาจะทำชั่ว ต่อหน้าไม่ทำ ลับหลังก็อย่าทำ

เพราะว่า แม้คนไม่เห็น มนุษย์ไม่เห็น ฟ้าดิน ผีสาง เทวดาก็เห็น
แล้วพวกนี้ ก็จะไปบอกต่อๆ กัน เราก็จะเสียชื่อ พอเสียชื่อในโลกวิญญาณ อย่าหวังว่า จะ

ได้ชื่อในโลกมนุษย์ อย่าหวังว่า จะได้เกียรติยศ เกียรติคุณจากโลกมนุษย์ เพราะชื่อ มัน

เหม็นไปแล้วล่ะ มันเหม็นไปใน 3 โลก เพราะพวกนี้ ก็จะบอกกัน ต่อๆ กันไป
มีทุกที่แหละ ลูก อทิสมานกาย มีทุกที่ จบ (สาธุ)
ปุจฉา       อะไรสว่างที่สุด และ อะไรมืดที่สุด ในความคิดของหลวงปู่
วิสัชนา         สว่างที่สุด ก็ ปัญญา ลูก, มืดที่สุด ก็ โง่, อ้ายคนไม่มีปัญญาน่ะ มืดที่สุด

หลวงปู่เขียนบทโศลกเอาไว้ว่า ลูกรัก พระอาทิตย์สว่างกลางวัน พระจันทร์สว่างกลางคืน

คนมีปัญญา มันสว่างได้ทั้งคืนทั้งวัน จบ (สาธุ)
ปุจฉา       การปฏิบัติธรรม เมื่อได้ความว่าง แล้วต้องทำอย่างไรต่อ และความว่างนั้น เป็น

ว่างจากข้างนอก หรือ ข้างใน
วิสัขนา       ทำให้มันว่าง ทั้งภายในแล้วก็ภายนอก ที่ถามนี่เป็น สุญญตสมาธิ เพราะที่นี่

เค้าจะสอนวิชา สุญญตสมาธิ คือ เพ่ง ความว่าง เป็นอารมณ์ เพื่อผ่อนคลาย
คนที่ทุกข์ เดือดร้อน ทุรนทุราย มีปัญหา พอมาศึกษาวิชานี้ เราก็จะรู้สึกว่า เราสบายขึ้น เรา

ผ่อนคลาย เรามีปัญญา เราแข็งแรง เราแกล้วกล้า เราองอาจ เราสง่างาม เราแก้ปัญหาได้

เยอะขึ้น
งั้น ว่าง ที่เป็นสภาวะธรรม กับ ว่าง ที่เป็นสภาวะอารมณ์ มันจะไม่เหมือนกัน
ว่าง ที่เป็นสภาวะธรรม เป็น ความว่าง ที่เกิดจากปัญญารู้ชัด
แต่ ว่าง ที่เป็นสภาวะอารมณ์ มันเป็น ว่าง ที่เราทำอารมณ์ให้ว่าง
งั้น มันจะแตกต่างกัน จบ (สาธุ)
ปุจฉา          
หลวงปู่      เมื่อกี้ บอก มี 3 ข้อ
พิธีกร     อ๊อ เขาส่งมาเรื่อยๆ ครับ
หลวงปู่     มึงหลอกกูหรือเปล่าเนี่ย อ้ายเราก็ปวดท้องเยี่ยว นึกว่า เออ 3 ข้อเท่านั้น เดี๋ยวก็

เลิก อ้ายห่านี่ ถามเอาๆๆ มันเกิน 3 ข้อแล้วนี่หว่านี่
พิธีกร      เหลืออีกเยอะเลยครับ หลวงปู่
หลวงปู่     เอ๊อ วิสัชนา กี่ข้อทั้งหมด เลิกส่งได้แล้ว กูปวดเยี่ยว
พิธีกร     เหลืออีก 9 ข้อ ครับ หลวงปู่
หลวงปู่      เอ่อ, 9 ข้อก็ 9 ข้อ
พิธีกร     ครับ
ปุจฉา         ลูกทำให้พ่อแม่เสียใจ บาป แล้วพ่อแม่ทำให้ลูกเสียใจ ทั้งที่ลูกทำดีกับพ่อแม่

ตั้งใจจะดูแลพ่อแม่ พ่อแม่จะบาปหรือไม่
วิสัชนา        เวรกรรมของกู๊ ใครเป็นพ่อเป็นแม่มึงนี่ กูกลุ้มใจแน่เลยล่ะ
เอ๊อ ลูกทำให้พ่อแม่เสียใจเนี่ย บาปอยู่แล้ว ลูก ถามว่า ทำไม ต้องบาป เพราะพ่อแม่เป็น

พระอรหันต์ของบุตร แต่กูยังไม่เคยเห็นบุตร เป็นอรหันต์ของพ่อแม่ ยังไม่เคย ยกเว้นบุตร

คนนั้น จะต้องบวชเป็นพระอรหันต์จริงๆ
เพราะงั้น พ่อแม่เสียใจเพราะลูก ถือว่า ลูกมีบาป แต่ถ้าลูก เสียใจเพราะพ่อแม่ ไม่ใช่บาป

เพราะว่า ไม่มีลูกคนไหน ที่เป็นอรหันต์ของพ่อแม่ เพราะ คนที่เป็นเจ้าของชีวิตลูก คือใคร,

พ่อแม่ เราไม่มีสิทธิ์จะทำให้เค้าเสียใจ เพราะเค้าเป็นเจ้าของชีวิตเรา
แต่ถามว่า เค้ามีสิทธิ์จะทำให้เราเสียใจไม๊, มี เพราะเค้าเป็นเจ้าของชีวิตเรา
คิดซะใหม่ ถ้าคิดผิด คิดใหม่ จบ (สาธุ)
ปุจฉา         มีวิธีการใด ที่เราจะสามารถทำบุญได้ตลอดเวลา
วิสัชนา         ก็อยู่กับสติ ลูก ฝึกสติมากๆ ก็บอกแล้วว่า สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ เป็นบุญกิริยา

วัตถุ 1 ใน 10 อย่าง
ให้มีสัมมาสติ คือ ความเห็น ตรง ถูกต้อง ตามความเป็นจริง
สัมมาทิฏฐิ คือ เห็นตามสภาวะธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง อย่างนี้เป็นต้น
สัมมาทิฏฐิในข้อที่ว่า เห็นกรรม เห็นว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เห็นว่า ทำดีได้ ทำชั่วได้

ชั่ว กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดีชั่วเลวหยาบ เหล่านี้ ก็เป็นบุญโดยไม่ต้องลงทุนน่ะ ลูก
แม้ที่สุด รักษาศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตา ทำหน้าที่ของตน ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งละ เป็นลูกที่

ดีของพ่อแม่ พ่อแม่เค้าทำให้เราเสียใจ เราก็ต้องคิดว่า เออ พ่อแม่แก่แล้ว ท่านอายุเยอะแล้ว

ท่านอาจจะหลงไปบ้าง ลืมไปบ้าง เผลอไผล ขาดสติไปบ้าง เราก็อย่ามาถือโทษ สมัยก่อน

เราเยี่ยวรดท่าน ขี้รดท่าน ถ้าท่านถือโทษ ป่านนี้เราคงไม่รอดแน่
ต้องคิดในมุมกลับ อย่าคิดว่า เออ เรื่องแค่นี้ ทำไมพ่อแม่ทำให้เราเสียใจ ถ้าคิดแบบนี้ เรา

ไม่ใช่ลูกที่ดี ไม่ใช่ลูกกตัญญู อย่างที่กล่าวอ้าง เพราะลูกกตัญญู เค้าจะต้องไม่ถือโทษโกรธ

พ่อแม่ แม้กระทั่ง พ่อแม่ ตัดแขนขาเราข้างหนึ่ง เรายังไม่มีสิทธิ์ไปโกรธท่านเลยนะ
เพราะอะไร
เพราะ เลือดทุกหยด เนื้อทุกก้อน มันเป็นของพ่อแม่ที่ให้มา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีสิทธิ์จะ

ไปร้องเรียก ร้องแร่แห่กระเชอโวยวาย เค้าฆ่าเรา เรายังไม่มีสิทธิ์เลย ด้วยเหตุผลว่า เค้าให้

เราเกิด เค้าเป็นเจ้าของชีวิตเรา ลมหายใจเป็นของเค้า เราจะมาอ้างสิทธิ์ไม่ได้
เราสิ ไม่มีสิทธิ์จะทำร้ายเค้า ต้องคิดให้เป็น ลูก เค้าจึงเรียกว่า พ่อแม่ เป็นเหมือนดั่งพรหม

ของบุตร อรหันต์ของบุตรไง จะทำบุญนอกบ้าน ให้ทำบุญในบ้านก่อน เราบอกว่า เรา

พยายามทำให้พ่อแม่อย่างดี มีความกตัญญู
กตัญญูจริงๆ เค้าไม่ถือโทษ ลูก ถ้ายังมานั่งโกรธ นี่แสดงว่า ยังไม่ใช่กตัญญู จบ (สาธุ)
ปุจฉา         เห็นรถเครน ที่จอดอาคารพระนาคปรก มาเป็นปี เค้าคิดค่าเช่าหลวงปู่หรือเปล่า
วิสัชนา          เป็นห่วงเหรอ จะจ่ายให้หรือไง หลวงปู่ก็ไม่รู้ เค้ามาตั้ง จะ 2 ปีและ ก็เค้า

ไม่คิดมั้ง ลูก ก็บุญไง เค้าอยากได้บุญ เค้าเห็นว่า หลวงปู่มีบุญแบ่งให้เค้า เค้าก็เลยเอามาตั้ง

ทิ้งเอาไว้ให้ใช้ ก็เดี๋ยว วันนี้ เค้าก็คงมา เราก็อนุโมทนากับเค้า เจ้าของรถเครน
ก็ยังไม่ได้จบแค่นี้ ลูก เพราะว่า นี่เพิ่งได้องค์พระ เดี๋ยว เค้าเอาเศียรขึ้นไปแล้ว ก็ประกอบ

เพราะทุกอย่างหล่อเสร็จแล้ว ก็ประกอบให้เข้าองค์ ก็คิดว่า ปีหน้า ก็คงยกพระเกตุ แล้ว

ระหว่างปีหน้า ช่วงปีนี้ หลวงปู่ก็ระดมช่าง เอ๊อ ฝากบอก ใครรู้จักช่างปั้นน่ะ หลวงปู่ให้เงิน

เดือนๆ ละ 20,000 กินอยู่เสร็จ มานี่ มากินนอนที่นี่ มาเป็นลูกน้อง หลวงปู่สอน ทำปั้น
 เหมือน 2 วันนี่ หลวงปู่ต้องสอนช่างข้างๆ ปั้น ช่างเดิม มันปั้นเรือมังกร หลังคาเบี้ยวบิด

ไปมา มันไม่ได้ส่วนไง ไม่ได้ตัวเลขที่เป็นมงคล เราก็ต้องไปรื้อออก ทำใหม่ แล้วก็ไปสอน

อ้ายช่างพวกนี้ก็ไม่เป็น เราก็ต้องไปทำให้มันดู เมื่อเช้าไปนั่งทำ เมื่อคืน เมื่อวาน ต้องไป

ขึ้นหุ่น ผูกเหล็ก ผูกลวด อะไรให้มัน แล้วก็ขึ้นปูน ก็ค่อยๆ ทำไป
งั้นก็ รับสมัครช่าง 10 ตำแหน่ง ลูก ช่างปั้นหุ่น ช่างปั้นปูน ปั้น เครื่องช่างหล่อ เดี๋ยวมา

หล่อที่นี่ ค่อยๆ ปั้นพญานาคขึ้นไปทีละชั้นๆ ค่อยๆ ทำไป ลูก งานไม่ได้รีบร้อนอะไร เสร็จ

ไวก็ดี หลวงปู่จะได้เปลื้องภาระ จะได้แบกกลด แบกบาตร
แล้วกูติดป้ายขึ้น ขายวัด นี่ กูหวังอย่างยิ่งนะว่า จะขายให้ได้นะ มันขายไม่ได้
อ้าว จริงๆ หลวงปู่ว่า ขายได้นี่ กูไปนะ บาตรใบหนึ่ง กลดคันหนึ่ง กูไปแล้ว ตังค์กูก็ไม่เอาไป

จะได้เป็นอิสระ มันดันขายไม่ได้ มีใครจะซื้อไม๊ สนใจไม๊  เฉพาะเนี่ยนะ หลังนี้ ก็ปาเข้าไป

ตั้งหลายร้อยล้านแล้วนะ เอ่อ ซื้อนี่ กำไรนะ เอ๊อ สนใจไม๊ เข้าหุ้นกันสิ
ตอนนี้ อากาศเริ่มดีขึ้น สวดมนต์ทุกเย็น มีความสุข เพราะว่า ไม่ต้องกินรำ ไม่ต้องกินฝุ่น

ไม่งั้นก็สวดมนต์แต่ละวัน คอ นี่อย่างกับกินทราย มันกินรำเข้าไปด้วย ฝุ่นมันเข้า เหมือน

กับหมูเลยล่ะ กินอาหารหมู อาหารเป็ด อาหารไก่ เข้าไปด้วย
ตอนนี้ อากาศดีขึ้น เพราะอะไร
เค้าหยุดโรงงาน แต่ไม่ได้หมายถึง เลิกไปเลยนะ ยังไม่รู้ว่า จะต้องมาชนกับมันอีกเมื่อไหร่

เวลาเค้าเปิดแล้ว มันจะเดือดร้อนไม๊ ตอนนี้ ได้ข่าวว่า กำลังล่ารายชื่อชาวบ้าน เพื่อเห็นแก่

ได้ว่า ไม่ได้รับผลกระทบ แต่อ้ายกรมวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม เค้ามาพิสูจน์แล้วว่า มัน

เกินค่ามาตรฐานตั้งกี่สิบเท่า หลายสิบเท่า ชาวบ้านที่เห็นแก่ได้บางคน เห็นได้ยินข่าวว่า

กำลังล่ารายชื่อกันอยู่
แต่ล่ายังไง มันก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ เพราะว่า กรมวิทยาศาสตร์ เค้ามาพิสูจน์ละ พิสูจน์ 6

ตำแหน่ง เป็นพิษซะ 5 ตำแหน่ง ที่มันเกินมาตรฐาน เอ่อ บางคนมันก็ด่าเรา วันนั้น ลมพัด

ป้ายหล่น มันก็ไปลือ บอกว่า หลวงปู่ได้เงินมาแล้ว 10 ล้าน เลยถอดป้ายออก เวรกูอ่ะ เอ่อ

หาว่า ได้ตังค์มันมาแล้ว
รุ่งขึ้น เลยรีบ เอาป้ายติด มันก็ลืออีกว่า 10 ล้านไม่พอ จะเอาอีก มันไปของมันเรื่อยล่ะ

เอ้อ ชั่งมันเถอะ มันเวรกรรมของมันน่ะ ไม่ใช่เวรกรรมของเรา
เดี๋ยวนี้ หลวงปู่ต้องเป็นอ้ายนั่นแล้วนะ เป็นเปาบุ้นจิ้น คอยรับร้องเรียน โรงงานแถวๆ นี้

อ้ายหมู่บ้านห้วยด้วน พอเห็นหลวงปู่ขายวัด รุ่งขึ้น มันประกาศขายหมู่บ้าน เพราะเค้าหนัก

กว่าหลวงปู่นะ เค้าเป็นโรงงานเผายาง อยู่ดอนตูม เผายางแล้วเอาฝุ่นที่เผา มาทำเป็นผง

คาร์บอนฯ
งั้น อ้ายพื้นดิน พื้นบ้าน ใบไม้เค้าเนี่ย ลูบไป มันดำติดไม้ติดมือมา คนเป็นมะเร็ง แล้วเค้า

เป็นมา 2 ปีละ แล้วผู้ใหญ่บ้านมาบอกว่า ถ้าฝุ่นเยอะๆ ก็ปิดบ้าน ปิดประตู เอ่อ ประมาณ

นั้นน่ะ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็เป็นพวกโรงงานไปหมด
เค้าก็เลยมาอาศัยหลวงปู่ มาร้องเรียน มากันเป็นโขยง ขอให้หลวงปู่ช่วย
เลยบอกว่า อ้ายเฉพาะโรงงานนี้ กูก็โดนขู่ว่า จะโดนรถ 10 ล้อเหยียบ พอโรงงานมึงนี่

กลับมานี่ได้ ดอกไม้ วันวาเลนไทร์ มันส่งมาก่อนวาเลนไทร์นะ ไม่ใช่ดอกกุหลาบ แต่

ดอกไม้จัน
เอ่อ ก็ชั่งมันเถอะ เพราะหลวงปู่ถือว่า ทำหน้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ ถ้าเราเห็นสัตว์ผู้ตกทุกข์

แล้วเราไม่ช่วย ก็ไม่ควรใช้ชื่อนี้ ก็ช่วย
นี่ อัยการเค้าก็ลงเข้าไปในพื้นที่ วันนั้น ก็เลยไปนัดอัยการมา ไปออกรายการ ก็ไปพูดคุย

กันว่า เราจะทำยังไง แก้ปัญหา เค้าไปร้องมาทุกที่เลยนะ 2 ปีละ ไม่ได้รับการแก้ไข
เอ่อ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง กลายเป็นเครื่องมือของนายทุน คือ เห็นมูลค่า มากกว่า คุณค่า
คุณค่าของชีวิตชาวบ้าน มีค่าน้อยมาก แต่มูลค่าของโรงงาน มีเยอะมาก แล้วก็ไปปกป้อง

มูลค่า โรงงานไม่ได้มีระบบปิดอะไร ซื้อเล้าหมูเก่ามา แล้วก็เอายางมาเผา แล้วคิดดู ทั้งฝุ่น

ทั้งกลิ่นน่ะ ยางตั้ง 5-600 ตัน ยางเก่าๆ เค้าก็เดือดร้อน ทุรนทุราย คนก็เป็นมะเร็ง เด็ก

ออกใหม่ นี่มีสารพิษติด พิการ
แล้วสาธารณสุข ยังมีหน้ามาบอกว่า ให้คนแก่ กับเด็ก และคนท้อง ออกจากหมู่บ้าน
เอ้อ แทนที่โรงงานมันมาที่หลัง มันจะต้องออก แต่ให้ชาวบ้านออก ดูมัน ข้าราชการเมือง

ไทย มันเป็นพันธุ์นี้แหละ
แล้วหลวงปู่ก็เลยต้อง เดี๋ยวนี้ เป็นเหมือนกับอะไรล่ะ รับร้องเรียนเรื่อง วันหลังถ้ามึงได้ยินว่า

กูโดนรถเหยียบที่ไหน มึงก็ช่วยไปแงะเอาขึ้นมาด้วย
เดี๋ยวนี้ ไปไหน นี่ต้องคอยบอกนะ บอกอ้ายคนขับรถ เฮ๊ย รถ 10 ล้อเว๊ย เดี๋ยวนี้ เค้าไม่

ยิงกันแล้ว ลูก เค้าใช้รถ 10 ล้อ เหยียบ เบียด รถ 10 ล้อ เค้าทำให้เนียน เหมือนกับ

อ้ายกำนันกล้วย หลวงปู่ให้ไปบอก,  2 อาทิตย์ก็โดนปืนตบหน้า, 2 เดือนต่อมา ก็

โดนรถชนตาย ขนาดเป็นกำนันนะ
เอ่อ หลวงปู่ นี่อยู่ได้เพราะ สวรรค์ ฟ้าดินนะ คอยช่วยเหลือ บำรุง ดูแลไว้ ไม่งั้น ก็แย่ละ
โอ๊ย ไม่งั้น ป่านนี้นั่งไม่ได้หรอก ลมมาอย่างนี้นะ นั่งไม่ได้ละ กลิ่งหึ่งไปหมดละได้กิน

อาหารสัตว์อ้วนไปล่ะ จบ (สาธุ)
ปุจฉา       เขาบอกว่า เวลาใส่บาตร ให้รีบอธิษฐาน ไม่งั้น บุญจะลอยไป จริงหรือไม่
หลวงปู่        ฮึ
พิธีกร         จริงหรือไม่ครับ
วิสัชนา        บุญ ไม่ใช่อยู่ที่อธิษฐาน, บุญ มันอยู่ที่ทำ, ยังไม่ทันทำ แล้วจะมีบุญได้

ยังไง
ทำสิ แล้วบุญมันจะได้ ส่วนอธิษฐาน มันหลังจากได้บุญมาแล้ว จึงจะให้ จึงจะอธิษฐาน ที่จริง

เราชอบอธิษฐานก่อนทำ ใช่ไม๊ ที่จริง มันต้องทำก่อนอธิษฐาน จบ (สาธุ)  
ปุจฉา        ที่หลวงปู่สอนปราณโอสถ โดยใช้นิ้วประกอบ หลวงปู่กำหนด การวางจุดนิ้ว แต่

ละรอบอย่างไร
วิสัชนา         อืม หลวงปู่จะดูตรงไหนที่มันเป็นปัญหา เช่น ปวดหัว ก็กำหนดปราณที่หัว,

ปวดเมื่อยตามเนื้อ ตามข้อ ตามศอก ตามหัวเข่า เพราะว่า คำว่า โอสถ แปลว่า ยา ปราณที่

เป็นยา จบ (สาธุ)
ปุจฉา         นับจากมาทำบุญกับหลวงปู่ ฝันจะเป็นจริงทุกครั้ง จะมีวิธีการใด ระงับความ

คิดที่ตื่นเต้นเมื่อมีฝัน แต่ละครั้ง
วิสัชนา          อืม ก็ดีสิ อย่างนี้ ก็กลับไปนอนฝันเลขสิ ฝันเป็นจริงทุกครั้ง ก็ดี ฝันเฟื่อง
เรื่องของความฝัน นี่ มันเป็นอะไร ที่มีเหตุนะ ลูก ลมกำเริบ, ธาตุพิการ, ลางสังหรณ์,

จิตอาวรณ์
เหตุ 4 อย่างนี่ เป็นเหตุให้ฝัน อ้ายลมกำเริบ คือ กินมาก ท้องอืด ฝัน ลมกำเริบ
ธาตุพิการ ธาตุไฟในร่างกายกำเริบ ธาตุน้ำในร่างกายกำเริบ ธาตุลมในร่างกายกำเริบ ธาตุ

ดินในร่างกายกำเริบ ก็เป็นเหตุให้ฝัน
ลางสังหรณ์ บางทีบางครั้ง คนเรามีสัมผัสอันดี เค้าเรียกว่า มีสัมผัสที่ 6 มีสัมผัสเป็นทิพย์

ก็อาจเป็นไปได้ ความฝันนั้น ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง
จิตอาวรณ์ นี่คิดไปเอง พวกคิดไปเอง
เทพบันดาล คนเรามีเพื่อน ก็ไม่จำเป็นว่า เพื่อนเราจะเป็นมนุษย์เสมอ เป็นสัตว์เดรัจฉาน

เป็นเปรต เป็นอสุรกายเสมอ บางครั้ง เพื่อนเราเป็นเทวดา เป็นพรหมก็มี แล้วเพื่อนเหล่านั้น

บางที ก็มาเข้าฝัน มาบอกเหตุปัจจัย อันจะเกิดขึ้นกับเรา ก็เป็นไปได้ ลูก จบ (สาธุ)
พิธีกร        แล้วถ้าฝันถึงหลวงปู่ เห็นเป็นหลวงปู่ จะมีโชคไม๊ครับ สมมุติฝัน บางคนน่ะครับ

ถามมา
หลวงปู่        อ๋อ ไม่ใช่พิธีกรใช่ไม๊
พิธีกร     ไม่ใช่ ครับผม
หลวงปู่          อ๋อ นึกว่าพิธีกรฝันถึงกูนี่ ชักยังไงๆ อยู่ล่ะ ก็คงจะดีมั้ง ถ้าฝันเห็นหลวงปู่ ก็

ไม่รู้จะโชค หรือ มีบาป หรือเปล่า ก็ไม่รู้ คงโชคดีมั้ง ลูก จบ (สาธุ)
ปุจฉา        กิน ยาแก้กระดูกเสื่อม กับ ยาบำรุงเลือด ตามที่หลวงปู่บอก กินประมาณ 1

เดือน มวลกระดูกดีกว่าเดิมมาก แต่ปวดกระดูกเพิ่มขึ้น
วิสชัชนา     ยากระดูกเนี่ย เวลากินแล้ว มันจะทำให้ปวดกระดูก แต่มวลกระดูกมันจะแข็ง

แรงมาก เซลล์กระดูกจะติดแน่นดีขึ้น เพราะมันเป็นยาบำรุงกระดูก ในขณะเดียวกัน มันก็

ทำให้เกิดการระคายเคืองในเยื่อกระดูกอ่อนบางๆ มันอาจจะทำให้เราเกิดอาการปวดกระดูก

ถ้าเราไม่รู้จักบริหาร
วิธีกินยาบำรุงกระดูก กินแล้ว เวลาเราจะเดิน จะอะไรเนี่ย ต้องพยายามประคับประคอง

เพราะเซลล์กระดูกมันกำลังสร้างมูลกระดูกใหม่ กระดูกอ่อน แล้วมันโดนกดทับ บดขยี้ใน

ทางที่ผิด มันก็เป็นไปได้ งั้น ต้องระมัดระวัง
ดีที่สุด แช่น้ำอุ่นๆ เยอะๆ แช่น้ำร้อน น้ำอุ่น ประคบเยอะๆ เวลากินยาบำรุงกระดูก จะทำให้

เซลล์กระดูกเกิดได้เร็ว ส่วนที่สึกหรอ มันจะสร้างขึ้นมาได้แทนที่
งั้น ก็ไม่ต้องกังวล มันเป็นประโยชน์
เหมือนเมื่อเช้า เด็กมันมา เป็นเห่อขึ้นเต็มตัว เด็กผู้หญิง กินอาหารทะเลก็แพ้ ได้กลิ่นอะไร

ก็แพ้ น้ำเหลืองไม่ดี เลือดไม่ดี บางคนเห็นเป็นผื่น แล้วก็ไปทา ยาแก้คัน แก้ปวดบวม ซึ่ง

มันไม่ใช่ มันมาจากภายใน รักษาให้ตรงกับโรคที่เกิด ก็ให้ไปกิน ยาบำรุงเลือด กับ ยาภูมิแพ้
บำรุงเลือด มันก็จะทำให้เลือดดี น้ำเหลืองดี แล้วอ้ายยาภูมิแพ้ อ้ายผื่น มันก็จะยุบไปเอง จบ

(สาธุ)
ปุจฉา         ปวดบวมขาด้านซ้าย เป็นเวลา 17 ปี รักษาที่โรงพยาบาลมาตลอด หมอบอก

ว่า เลือดข้น มีอาการชำรุดของหลอดเลือดดำ ขณะนี้ ทาน ยาฟอกเลือด บำรุงเลือด ของ

หลวงปู่มา 2 เดือนแล้ว อาการก็ยังทรงตัวเหมือนเดิม
เวลาทานยา มีอาการร้อน เหมือนเลือดหมุนเวียนในตัว ขอหลวงปู่ช่วยเมตตาแนะนำ รักษา

ด้วย
วิสัชนา         ปวดบวม นี่มันจะต้องกิน ยาละลายลิ่มเลือด กับ ขยายหลอดเลือด ไปกินส่งเดช

ต้องกิน ยาละลายลิ่มเลือด กับ ขยายหลอดเลือด เลือดที่มันไปตกค้าง ที่มันไปอุดตันอยู่ตาม

ข้อ ตามท่อ เส้นเลือดฝอย มันจะได้หายไป เหมือนกับท่อที่มันโดนทะลวง แล้วเลือดมันเดิน

ได้สะดวก อาการคั่งของเลือดก็ไม่เกิด ไม่ปวดบวม งั้น กินยาไม่น่าจะถูก
อีกยาหนึ่ง ควรจะต้องกินโดยเฉพาะผู้สูงวัย ก็คือ ยาบำรุงสมอง ลูก ต้องกิน
ถามว่า เพราะอะไร
เพราะว่า สมองเราเนี่ย เกิน 40 เซลล์สมอง มันตายวันหนึ่งเป็นหลายพันตัวนะ ถ้าไม่

ชะลอการตายของมัน เราจะกลายเป็นโรคพาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม โรคความจำเสื่อม

สายตาเสื่อม อวัยวะในร่างกาย มันจะเสื่อมถอยไปเร็วมาก
ทั้งหมด มันมาจากสมอง ต้องทำให้สมองมันฟื้นขึ้นมา ควรจะต้องฉัน หลวงปู่ยังต้องฉันนะ

ฉันซัก 2 อาทิตย์ แล้วหยุดอาทิตย์ แล้วก็มาฉันอีก 2 อาทิตย์ แล้วก็หยุดไปอีกอาทิตย์

หนึ่ง คือ ไม่ฉันต่อเนื่องตลอดเวลา มันจะกลายเป็นความคุ้นเคย แล้วตับกับไต มันจะทำงาน

เยอะไป วิธีฉันยา
ยาที่หลวงปู่ทำ ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก ก็มาจากผัก มาจากบัว มาจากดอกไม้ ไม่ได้ได้มา

จากสารเคมี ไม่ได้เสียหาย แต่ถึงขนาดนั้น เวลาฉัน ก็ยังต้องกำหนด อย่าฉันยาว จนกระทั่ง

ไม่หยุดเลย ไม่ได้
อะไร ถ้ามันนานเกินไป กินมากเกินไป บ่อยเกินไป ถี่เกินไป ยาวเกินไป ไม่ดีทั้งนั้นน่ะ ลูก

แม้แต่น้ำตาล กับ เกลือ มันไม่ดีทั้งนั้น เพราะงั้น ให้เว้นบ้าง กิน 2 อาทิตย์ หยุดสักอาทิตย์

ไม่เชื่อ ลองไปฉันดู ไปกินดู แล้วสมองจะดี สายตาจะดี ความจำจะดี อวัยวะทุกส่วนในร่าง

กายก็จะดี
เพราะ ทุกอย่างมันมาจากสมอง ต้องทำให้สมองมันปรับสมดุลย์ จบ (สาธุ)
ปุจฉา       ผมมักจะนิ่งเฉย และมีสติพิจารณาจากกาย แล้วสักพัก เห็นความสงบของกาย

และน้อมความสงบจากกายที่อยู่นิ่งเฉยเข้ามา จึงเห็นความสงบภายในใจ จึงทำให้รู้ว่า สงบ

ทั้งภายนอก และ สงบภายในใจ และอยู่แบบนี้สัก 10-15 นาที สงบแบบนี้ จะเรียกว่า

ว่าง หรือเปล่า และแบบนี้ เป็นอารมณ์ของฌานหรือไม่ เพราะว่า ในขณะที่พิจารณากาย

ก่อนจะเห็น มีความสงบ มีอารมณ์วิตก พิจารณาสักพัก มีปิติสุข เอกัคคตา และฝึกวิธีแบบนี้

ถูกต้องหรือไม่
วิสัชนา         ก็ ทำได้ ลูก, ดี ทำไป ต่อ, อย่าหยุด ภูเขา มันไม่จำเป็นต้องขึ้นจากทิศ

ใดทิศหนึ่ง จึงจะถึงยอดเขา ขึ้นทิศไหนก็ได้ ให้มันขึ้นถึงยอดเขาได้ ก็ใช้ได้แล้วล่ะ ถ้ามัน

เป็นวิธีที่เราเลือก แล้วเหมาะสมสำหรับตัวเรา
สำคัญที่สุด ไม่ขึ้นสักทิศหนึ่ง แล้วก็ร้องโวยวายอยู่ตีนเขา อย่างนั้นนั่นแหละ ไม่ดีแน่
สิ่งที่เราต้องการ คือ ยอดเขา นั่นก็คือ ความสงบและความว่าง ถ้าเราทำแล้ว ไม่ว่าวิธีใด มัน

ได้ทั้งความสงบและความว่างมา ก็ใช้ได้ทั้งนั้น จบ (สาธุ)
พิธีกร      คำถามสุดท้ายครับ หลวงปู่
หลวงปู่      อืม ขอบคุณ
ปุจฉา      ไตเสื่อม กินยาอะไร ถึงจะหาย
วิสัชนา          ไตเสื่อมน่ะ ดีที่สุดก็คือ น้ำใบบัวบก ถ้าจะเป็นยา ก็ต้องเป็น ยาบำรุงไต หรือ

ถ้าไม่งั้น ก็ต้องเป็น น้ำยาปรับธาตุ ที่หลวงปู่ฉันเนี่ย ดีที่สุด เพราะค่าของไตจะดีขึ้น แล้วมัน

ละลายไขมันในเลือด ละลายไขมันในตับที่เกาะตับ และลดความดันฯ ลดคอเลสเตอรอล เอ่อ

น้ำยาปรับธาตุเนี่ย ฉันวันหนึ่ง เช้าขวด เย็นขวด วันละ 2 ขวด จะดีมากๆ แล้วเราจะรู้สึก

เย็น โดยเฉพาะอากาศอย่างนี้ ร้อนทุรนทุราย ดื่มเข้าไปแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย
มันไม่ใช่ยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ไม่ใช่ แต่มันเป็นยาปรับสมดุลย์ของธาตุ จึงเรียกมันว่า

ยาปรับธาตุ มันมีผลโดยตรงต่อตับ ก็คือ ทำให้ตับเย็น ทำให้ตับไม่ร้อน แล้วก็ละลายไขมัน

ที่ตับได้ ทำให้ไตทำงานปกติ จบ (สาธุ)
พิธีกร     นั่นก็เป็น วิสัชนาจากหลวงปู่พุทธะอิสระนะครับ...........
หลวงปู่          ขอให้ทุกท่าน ที่รับชมรายการปุจฉา วิสัชนา ทุกท่าน ทั้งที่อยู่ที่บ้าน และอยู่

ในอาคารวิหารพระโพธิสัตว์แห่งนี้ ที่โรงเจหอคุณธรรมฟ้า จง รุ่งเรือง เจริญ ร่ำรวย อายุยืน

สุขภาพแข็งแรง คิดและหวังสิ่งใด ขอสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จงสมความปรารถนา ทุกท่าน

ทุกคน เทอญ
(สาธุ)
อืม กราบลาพระ ลูก
อะระหัง สัมมา
.................
เดี๋ยว หลวงปู่ขอตัวไปพัก เข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วพวกเราก็ไปพัก ล้างหน้าล้างตา ดื่มน้ำดื่ม

ท่า หาข้าวหาปลาทาน แล้วรอเวลา ช่วงบ่าย เย็นๆ น่ะ ลูก แดดร่มลมตก หลวงปู่จะลงมา นำ

เรา จุดธูป บวงสรวงเทวดา ฟ้าดิน เพื่ออัญเชิญพระเศียรพระมหาพุทธพิมพ์ ขึ้นประดิษฐาน

เชื่อมต่อ แล้วก็ หล่อเรือมังกร ที่จะนำพวกเราไปสู่ความสุข ความสำเร็จ และปลอดภัย ผ่อนคลาย สืบไป
แล้วหลังจากเสร็จจากนี้ ก็เป็นกิจกรรมเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล แล้วค่อยรับพระ รับอั่งเปา รับส้มมงคล สืบไป ตอนนี้ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย ดูรูปภาพไปก่อน ให้ทุกท่านโชคดี มีความสุข รุ่เงรือง เจริญ ลูก