สลากภัต เกิดขึ้นขณะที่พระบรมศาสดา อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหารนั้น
วันหนึ่งนางกุมารีผู้หนึ่งได้อุ้มลูกชายวิ่งหนีนางยักขินีผู้มีเวรต่อกันหลายชาติแล้ว ติดตามมาจะทำร้ายลูกของนาง นางเห็นจวนตัวจะวิ่งหนีไปที่อื่นไม่ได้ จึงพาลูกวิ่งเข้าไปในวัดพระเชตวัน
ซึ่งในพระวิหารขณะนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่นางเอาลูกน้อยวางแทบพระบาทแล้วกราบทูลว่า
"ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ ขอทรงโปรดเป็นที่พึ่งแก่ลูกชายของหม่อมฉันเถิดพระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าทรงปรารถนาที่จะหยุดพฤติกรรมจองเวรของนางกุมาริกา และนางยักษ์ขินีด้วยการตรัสคำสอนว่า "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” แล้วทรงแสดงธรรมสั่งสอนให้นางทั้งสองเห็นผิดชอบชั่วดี
นางยักษ์ขินีพอได้สดับพระธรรมเทศนา จึงมีสติระลึก สำนึกผิด ขอปวารณาตนรักษาศีล ๕ แล้วนางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น กราบทูลพระพุทธเจ้าว่านางไม่รู้จะไปทำมาหากินอย่างไร
โดยปกตินางก็เที่ยวไล่จับมนุษย์ และสัตว์กินเป็นอาหาร บัดนี้นางรักษาศีลเสียแล้ว นางจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
นางกุมาริกาได้ฟังดังนั้น จึงรับอาสาจะพานางไปอยู่ด้วย นางยักษ์ได้รับอุปการะจากนางกุมาริกาหลายประการ จึงนึกถึงอุปการะอยากจะตอบแทนบุญคุณ
นางยักษ์ขินีตนนี้เป็นผู้มีความสามารถพยากรณ์ หยั่งรู้ลมฟ้าอากาศ และเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ นางยักษ์จึงบอกให้นางกุมาริกาว่า เวลาใดควรทำนา และเวลาใดยังไม่ควรทำนา ปีใดควรทำนาในที่ลุ่ม ปีใดควรทำนาในที่ดอน
นางกุมาริกาได้ปฏิบัติตามทำให้ได้ข้าวที่ลงทุนเพาะปลูกกลับคืนมามากมาย ฐานะของนางร่ำรวยขึ้น คนทั้งหลายมีความสงสัยจึงมาถามหาสาเหตุ นางจึงบอกว่า นางยักษ์ขินีเป็นผู้บอกกล่าวให้ คนทั้งหลายจึงพากันไปหานางยักษ์ขินีขอให้พยากรณ์ให้ตนบ้าง
เมื่อสมปรารถนา ชนทั้งหลายเหล่านั้น จึงได้นำเครื่องอุปโภค บริโภคมามอบให้นางยักษ์ขินีจนมีฐานะร่ำรวยไปตามๆ กัน
นางยักษ์ขินีเมื่อได้เห็นลาภสักการะเกิดขึ้นแก่ตนมากมายเห็นปานนี้ จึงมาคิดว่า ลาภสักการะทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากบุญฤทธิ์ของเราผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน เช่นนั้นเราควรจะบริจาคสิ่งของอุปโภค บริโภคเหล่านี้ถวายแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์สาวกขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า จักเป็นการสืบอายุผลบุญฤทธิ์ให้ยั่งยืนแก่เราได้ในปัจจุบันและอนาคต
คิดดังนี้แล้ว นางจึงนำเอาข้าวของดังกล่าวมาทำเป็นสลากภัต โดยให้พระสงฆ์กระทำการจับตามเบอร์ด้วยหลักของอุปโลกนกรรม คือ ของที่ถวายมีทั้งของมีราคามาก ราคาน้อยปะปนกันโดยไม่จำเพาะเจาะจงแก่ภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง
ภิกษุใดจับสลากภัตได้ของน้อยก็เป็นไปด้วยบุญของท่าน ภิกษุใดจับสลากได้ของที่มีมูลค่ามาก ก็ถือว่าเป็นบุญของท่านที่ได้สั่งสมมา
การถวายทานแบบจับสลากของนางยักษ์ขินีนี้นับเป็นครั้งแรกแห่งประเพณีทำบุญสลากภัต หรือทานสลากในสมัยพุทธกาลโดยมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน
ช่วงเวลาที่นางถวายสลากภัตคือช่วงเวลาฤดูกาลเข้าพรรษา เพราะมีหมู่พระภิกษุมารวมกันอยู่ในอาวาสต่างๆ เป็นจำนวนมาก
จึงมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องอุปโภค บริโภคที่เหมาะสมกับสมณสารูปที่พุทธบริษัทผู้มีศรัทธาปสาทะนำมาบริจาคทาน บำเพ็ญบุญ สั่งสมผลกรรมดีเอาไว้ให้เป็นต้นทุนสนับสนุนให้ชีวิตเกิดความสิริมงคล
ธำรงรักษาไว้ซึ่งบุญเก่าที่มีมา และเพิ่มเติมบุญใหม่ให้เกิดขึ้น อย่างพรั่งพร้อม สมเจตนา ที่มุ่งหวังดังตั้งใจไว้
เข้าพรรษาปีนี้ที่อาวาสวัดอ้อน้อย ก็จัดให้มีการถวายทานสลากภัต แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณร จำนวน ๒๙ รูป
จึงใคร่ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาปวารณาจะร่วมกันถวานทานสลากภัต หรือจะต่างคนต่างจัดมาแล้วติดเบอร์ตามจำนวนพระเณร เพื่อถวายแค่พระเณรรูปเดียว แต่ติดเบอร์โดยมิได้เจาะจงว่าต้องถวายแก่พระเณรองค์ใดเช่นนี้ก็ได้
หรือจะร่วมกันนำสิ่งละอันพันละน้อยมากองร่วมกันแล้วติดเบอร์ใดเบอร์หนึ่งถวายให้พระเณรท่านจับสลากเช่นนี้ก็ได้
รวมความแล้วงก่อนทำตั้งใจ ขณะทำเต็มใจ ทำแล้วสบายใจ พระเณรท่านตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม แค่นี้ก็สำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหวังแล้ว
เจริญธรรม
พุทธะอิสระ