มันจะลำบากนัก ก็ตั้งใจอ่าน คิดวิเคราะห์ แยกแยะ ให้ถี่ถ้วนก็แล้วกัน
อธิบายคำว่า เฒ่าทารก
เฒ่า หมายถึง ผู้มีวัยวุฒิ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ ที่รอบรู้ ช่ำชอง เชี่ยวชาญ ชำนาญ ในโลกทั้ง ๒ คือ
โลกียโลก และปรมัติโลก
สมมุติบัญญัติ และ ปรมัติบัญญัติ
เมื่อรอบรู้ ช่ำชอง เชี่ยวชาญ ชำนาญในโลกทั้ง ๒ ดังกล่าวมาเห็นปานนี้ในโลกของพระโยคาวจร จึงได้รับขนาดนามว่า เฒ่า สงวนไว้เฉพาะผู้ที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์
ส่วนคำว่า ทารก โดยทั่วไปจักใช้เรียกขานในเด็กน้อย วัยละอ่อนที่ยังต้องได้รับการอุปถัมภ์ ค้ำชู เลี้ยงดู ชี้นำสั่งสอน คุ้มครอง รักษาจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่ใจเมตตา เช่นนี้ชื่อว่า ทารก
อีกทั้งทารกก็ยังจะมีจิตใจที่กวัดแกว่ง ฟุ้งซ่าน ทะยานไปกับสิ่งเร้า เครื่องล่อที่แยกแยะไม่ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู เป็นคุณหรือเป็นโทษ ดีหรือชั่ว บุญหรือบาป
เหล่านี้คือความหมายของคำว่า ทารกของโลกโลกียะ
ส่วนความหมายของคำว่า ทารกของโลกโลกุตระ
นอกจากจะมีชีวิตอยู่อย่างไม่สำรวม ไม่สังวรระวัง กาย วาจา ใจ ปล่อยให้ลื่นไหลถลาไปกับสิ่งเร้าเครื่องล่อทั้งหลายแล้ว
สิ่งที่ทำ คำที่พูด สูตรที่คิด ยังสับส่าย กลับกลอก ฟุ้งซ่าน ขาดๆ เกินๆ ไม่ตั้งมั่น ไม่ชัดเจน เรียกว่า เป็นผู้มีการงานอันไม่สะอาด
ทั้งยังไปยึดถือสิ่งที่ไม่ใช่สาระมาเป็นสาระ สิ่งที่ไม่ประเสริฐว่าประเสริฐ
ทั้งที่แท้จริงแล้ว
แม้ธรรมและทาน ศีล สมาธิ สติปัญญา ล้วนตกอยู่ในคำว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอยู่จริงในโลกของปรมัติ
เมื่อพระโยคาวจรผู้มีอายุ ไม่เข้าใจถึงหลักธรรมชาติแท้ดังกล่าว ไม่ตั้งมั่น ไม่ดำรงอยู่ในหลักการของธรรมชาติอันแท้จริงดังกล่าวแล้ว
แม้จักมีอายุขัยเป็นร้อยปีหรือหลายๆ ร้อยปี หรือเป็นพันปี สุดท้ายก็ทำได้แค่
ได้กลิ่นของธรรมชาติแท้เท่านั้น
หาได้เข้าถึงซึ่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ไม่
บุคคลเช่นนี้แหละจึงถูกเรียกขาน ขนานนามว่า เฒ่าทารก ในโลกของพระโยคาวจรหละ
เข้าใจไหม
พุทธะอิสระ