อินทริยชาดก
สมัยหนึ่งพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุถูกภรรยาเก่ายั่วยวนภิกษุใหม่เพื่อต้องการให้สึก ทรงตรัสเรื่องนี้ ว่า
ในพระนครสาวัตถี มีกุลบุตรคนหนึ่ง ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้วบังเกิดจิตศรัทธา คิดว่า ผู้อยู่ครองเรือนไม่อาจประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ได้ เราจักบวชในศาสนาที่นำสัตว์ออกจากทุกข์ แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง กุลบุตรนั้นคิดดังนี้แล้ว ได้มอบสมบัติในเรือนให้แก่บุตรและภรรยา ตนจึงเข้าไปทูลขอบรรพชากับพระศาสดา
พระบรมศาสดาก็รับสั่งให้บรรพชาแก่กุลบุตรนั้น
ครั้นบวชเป็นภิกษุแล้วภิกษุใหม่นั้นได้เที่ยวไปบิณฑบาตกับอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ ในเรือนของตระกูลต่างๆแม้ในโรงทานก็ดีทุกวี่วันอาหารก็มีมาไม่ถึงภิกษุนั้นเพราะตนเป็นนวกะ แม้อาหารที่จะพึงได้ ก็ล้วนเป็นแต่เศษอาหารและน้ำข้าว ที่ติดอยู่ตามก้นกระบวยบ้าง เป็นข้าวที่เละบ้าง ของเคี้ยวที่บูดที่แห้งบ้าง เป็นข้าวตังข้าวตากบ้าง ไม่พอได้อิ่มท้อง
อยู่มาวันหนึ่งภิกษุนั้นคิดถึงความอุดมสมบูรณ์ของอาหารในเรือนเก่าของตนจึงถือเอาอาหารที่ตนได้มาแล้ว ไปยังบ้านพักของภรรยาเก่า ภรรยาเก่าเห็นพระอดีตสามีมายืนอยู่หน้าเรือนเธอจึงไหว้แล้วรับบาตรของภิกษุนั้น เอาภัตตาหารที่บิณมาได้ออกจากบาตรทิ้งเสียแล้วถวายข้าวยาคูภัตสูปพยัญชนะที่ตนตกแต่งไว้ดีแล้วแก่ภิกษุอดีตสามีเธอทำเช่นนี้ทุกๆวัน ภิกษุแก่นั้นติดในรสอาหารไม่สามารถจะละจากเรือนภรรยาเก่าไปได้
วันต่อมาภรรยาเก่าคิดว่า เราจักทดลองภิกษุสามีเก่านี้ ดูว่า จะติดในรสอาหารหรือไม่ นางได้ให้คนใช้ไปเฝ้าอยู่หน้าประตูเรือน ส่วนตัวเองก็หลบไปนั่งทอดขนม อยู่ที่ห้องหลังเรือน
ต่อมา ภิกษุใหม่นั้นก็มายืนอยู่ที่ประตูเรือน ชายผู้เฝ้าประตูนั้นเห็นภิกษุนั้นแล้วจึงตะโกนร้องกล่าวว่า แน่ะแม่เจ้า พระเถระองค์ ๑ มายืนอยู่ที่ประตู นางตอบไปว่า ท่านช่วยไหว้นิมนต์ให้ท่านไปข้างหน้าก่อนเถิด ชายเฝ้าประตูจึงกล่าวเช่นนั้นอยู่หลายครั้งว่า นิมนต์ไปข้างหน้าเถิด เจ้าข้า ภิกษุนั้นก็ยืนเฉยอยู่ จึงได้บอกกับหญิงเจ้าของบ้านไปว่า แน่ะแม่เจ้า พระเถระไม่ยอมไป ภรรยาเก่าจึงเดินไปเลิกม่านมองดู กล่าวว่า อ้อ พระเถระพ่อของลูกเราเองแหละ นางจึงออกไปไหว้ แล้วรับบาตรนิมนต์ให้เข้าไปในเรือนแล้วให้ฉัน ครั้นฉันเสร็จ นางจึงกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าจงอยู่ในที่นี้แหละ ตลอดกาลเถิด ดิฉันจะมิยอมอยู่เฝ้าสมบัติแต่ผู้เดียวดอก
เรือนที่ปราศจากสามี จะดำรงการครองเรือนอยู่ด้วยดีได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นดิฉันจะไปอยู่กับสามีใหม่ในชนบทที่ห่างไกล ขอพระผู้เป็นเจ้าอย่าได้ชะล่าใจ ถ้าพระคุณท่านไม่มีจิตคิดอาวรณ์ ดิฉันจักขอลาไปมีผัวใหม่แต่เสียวันนี้ ภิกษุใหม่นั้นเมื่อได้ฟังอดีตภรรยาเก่าตัดเพ้อเช่นนั้น หัวใจของภิกษุเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ
ลำดับนั้น ภิกษุใหม่จึงได้กล่าวกะภรรยาเก่าว่า เราไม่อาจจะทิ้งเจ้าไปได้ เจ้าอย่าไปเลย เราจักสึกละ เจ้าจงส่งผ้านุ่งผ้าห่มไปให้เราที่อารามโน้น เราจักไปคืนบาตรและจีวรแก่พระอาจารย์แล้วจักกลับมา นางรับคำแล้ว ภิกษุใหม่ก็เร่งไปยังวิหาร ให้จีวรและบาตรแก่อาจารย์อุปัชฌาย์ เมื่ออาจารย์และอุปัชฌาย์ถามว่า อาวุโส เหตุไรเธอจึงทำอย่างนี้ ภิกษุนั้นจึงตอบว่า กระผมไม่อาจทิ้งภรรยาเก่าได้ กระผมจักสึก ในเวลาต่อมาอาจารย์และอุปัชฌาย์จึงนำภิกษุนั้นไปสู่สำนักพระศาสดา
พระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอนำเอาภิกษุผู้ไม่ปรารถนาจะบวชอยู่นี้ มาทำไม? ภิกษุผู้เป็นอุปัชฌาย์จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุใหม่นี้กระสันอยากจะสึก พระเจ้าข้า ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ได้ยินว่า เธอกระสันจะสึก จริงหรือ เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ใครทำให้เธอกระสัน ภิกษุกราบทูลว่า ภรรยาเก่า พระเจ้าข้า
พระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่หญิงผู้นั้นทำความพินาศให้แก่เธอ แม้ในกาลก่อน เธอก็เสื่อมจากฌานสี่ ถึงความทุกข์ใหญ่ เหตุเพราะหญิงนั้น แต่ได้อาศัยเรา เธอจึงพ้นจากทุกข์ กลับได้ฌานที่เสื่อมเสียไปแล้ว
จบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าจะเขียนมาเล่าสู่กันใหม่
พุทธะอิสระ