ความเดิมตอนที่แล้ว เมื่อราชากาลิงคะได้รับช้างมงคลจากนครกุรุราชแล้ว ได้ทำพิธีเฉลิมฉลองรับมิ่งขวัญพญาช้างมงคลอยู่ ๗ วัน ๗ คืน
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ ๑๐ ฝนฟ้าก็ยังไม่ตกลงมาสักเม็ด
ราชากาลิงคะ จึงตรัสเรียกพราหมณ์ทั้ง ๘ มาถามว่าเหตุใด เมื่อได้พญาช้างมงคลมาแล้วฝนถึงยังไม่ตกอีกเล่า
พราหมณ์ทั้ง ๘ จึงทูลว่า แม้องค์มหาราชจักได้พญาช้างมงคลมาแล้ว แต่พระองค์และชาวพระนคร ยังไม่ได้ปฏิบัติในกุรุธรรมเลยพระเจ้าข้า ฝนฟ้าจึงยังไม่ตกลงมา นี้คือพระดำรัสขององค์มหาราชกุรุ ได้ทรงสั่งกำชับมา
พระราชากาลิงคะ พอได้ทราบเช่นนั้น จึงสั่งให้พราหมณ์ทั้ง ๘ นำแผ่นทองคำไปทูลถามรายละเอียดของกุรุธรรมจากราชากุรุราช แล้วจดบันทึกลงมาในแผ่นทอวคำโดยละเอียด
เวลาต่อมาพราหมณ์ทั้ง ๘ จึงเดินทางมาเข้าเฝ้าองค์มหาราชกุรุ แล้วทูลถามถึงกุรุธรรม เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของราชาและประชาชนชาวกาลิงคะ เพื่อความเจริญสืบไป
พระโพธิสัตว์กุรุราช จึงทรงตรัสว่า ราชาของพวกท่านจักสามารถปฏิบัติในกุรุธรรมนี้ได้กระนั้นหรือ
ด้วยเพราะราชกิจและวิสัยแห่งราชาทั้งหลาย ล้วนตกอยู่ในอำนาจของกามคุณ รอบข้างล้วนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสุรา นารี พาชีกีฬาบัตร ทั้งมโหรี ขับร้อง ขับกล่อมอยู่ตลอด ๑๒ เดือนใน ๑ ปี เช่นนี้แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาปฏิบัติในกุรุธรรมกันเล่า
ขนาดเราเองยังมิอาจกล่าวได้ว่า เป็นผู้เจริญในกุรุธรรมได้เลย
พราหมณ์ทั้ง ๘ จึงกล่าวว่า
ข้าแด่องค์มหาราช หากพระองค์ยังทรงตรัสว่า ยังไม่ทรงเจริญในกุรุธรรมได้เลย แล้วในแว่นแคว้นกุรุนี้ ยังมีผู้ใดรู้ทั่วถึงกุรุธรรมได้อีกเล่า
องค์ราชากุรุ จึงทรงตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงลองไปถาม พระมารดาของเราดูซิ เผื่อพระองค์จังทรงแสดงกุรุธรรมอันประเสริฐแก่พวกท่านได้
พราหมณ์ทั้ง ๘ จึงตรงไปเข้าเฝ้าพระมารดาขององค์ราชากุรุ เพื่อขอเรียนกุรุธรรม
พระเทวีจึงทรงตรัสว่า ดูกรพ่อเอ๋ย พ่อมหาจำเริญ เราพอจักรู้กุรุธรรมก็จริง แต่กุรุธรรมที่เราปฏิบัติก็ยังไม่สมบูรณ์ดังที่ควรจักเป็น เพราะเรามักเป็นผู้มีจิตคิดลำเอียง เลือกที่รักมักที่ชังลูกสะใภ้ทั้ง ๒ คนอยู่เลย
เช่นนี้แล้ว เราจักมีกุรุธรรมอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ใดมาสอน พวกพ่อมหาจำเริญได้อีกเล่า
เห็นจะมีก็แต่ลูกสะใภ้ทั้ง ๒ ของเรานั้นแหละที่ชำชอง ชำนาญในการปฏิบัติกุรุธรรมเป็นอย่างดี
พราหมณ์ทั้ง ๘ เมื่อได้ฟังพระมารดาของพระโพธิสัตว์กุรุราชตรัสแนะนำเช่นนั้น จึงตรงไปเข้าเฝ้าพระอัครมเหสีขององค์ราชากุรุราชโพธิสัตว์ เพื่อทูลขอเรียนจดจำกุรุธรรม
พระอัครมเหสีขององค์ราชากุรุ พอได้ทรงทราบว่า พราหมณ์ของแว่นแคว้นกาลิงคะ จักมาขอเรียนกุรุธรรม เพื่อจดบันทึกเอาไปถวายองค์ราชากาลิงคะ
พระนางจึงทรงตรัสขึ้นว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย อย่าว่าแต่กุรุธรรมเลย แม้แต่ศีลเราก็ยังไม่แน่ใจว่า จะรักษาได้อย่างบริสุทธิ์ บริบูรณ์ สาอะไรกับกุรุธรรม เราจักนำมาสั่งสอนท่านได้กะไรเล่า
หากท่านปรารถนาจักรำเรียนกุรุธรรมจริงๆ แล้วท่านจงไปขอเรียนแก่องค์พระน้องยาเธอผู้ดำรงตำแหน่งมหาอุปราช ขององค์มหาราชกุรุเถิด ด้วยเพราะองค์มหาอุปราช เป็นผู้ชาญฉลาดปฏิบัติในกุรุธรรมได้อย่างดียิ่ง
พราหมณ์แห่งแว่นแคว้นกาลิงคะ จึงชวนกันไปขอเข้าเฝ้ามหาอุปราชเพื่อทูลขอเรียนกุรุธรรม
พระมหาอุปราชเมื่อทรงทราบความประสงค์ของพราหมณ์ทั้ง ๘ จึงทรงตรัสว่า ดูกรพราหมณ์เราจักสั่งสอนกุรุธรรมแก่ท่านได้อย่างไรเล่า แม้บริวารของเรายังต้องได้รับความทุกข์ยาก ลำบากจากการปฏิบัติงานด้วยความประมาทของเราอยู่เลย
พราหมณ์ทั้ง ๘ จึงทูลว่า หากพระองค์ยังทรงตรัสว่า ไม่สามารถสั่งสอนกุรุธรรมแก่พวกข้าหม่อมฉันได้ แล้วในแว่นแคว้นกุรุนี้ จักยังมีผู้ใดที่จะรู้แจ้งชัดในกุรุธรรมได้อีกเล่าพระเจ้าข้า
องค์พระอุปราชจึงทรงตรัสว่า ท่านทั้งหลายไปหาปุโรหิตอาจารย์ซิ เราได้ยินมา ได้เห็นมา ว่าท่านปุโรหิตเคยอบรมสั่งสอนกุรุธรรมให้แก่กุลบุตร กุลธิดาในราชสำนักอยู่เนืองๆ
พราหมณ์ทั้ง ๘ จึงตรงไปยังสำนักของปุโรหิตษาจารย์ แล้วขอเรียนกุรุธรรม
ฝ่ายปุโรหิตษาจารย์ จึงกล่าวขึ้นว่า สหายเราจะยังมีปัญญาสั่งสอนกุรุธรรมให้แก่ท่านได้อย่างไร เมื่อหลายวันที่ผ่านมานี้ เราได้เกิดความโลภอยากได้ของๆ ผู้อื่นโดยไม่ละอาย เช่นนี้เราจักมีกุรุธรรมใดมาสอนสหายอีกเล่า
วันนี้จบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าจะเขียนมาเล่าสู่กันฟังใหม่
พุทธะอิสระ