การประชุมกลุ่มเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างเกินคาด
ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การลงทุน และความมั่นคง
ขนาดแค่ผู้นำและคณะติดตามของแต่ละประเทศมาประชุมกันตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันประชุมใหญ่ ก็มีเงินไหลเข้ามาใช้จ่ายในประเทศถึง ๗-๘ พันล้านบาท
นี่ยังไม่ได้รวมถึงข้อตกลงที่อีกหลายประเทศจะเข้ามาลงทุน ทั้งด้านโรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า เทคโนโลยีในด้านพลังงานและอื่นๆ อีกเป็นหมื่นล้าน
หากจะนับรวมการท่องเที่ยวที่ผู้นำประเทศได้เข้ามาเห็นศักยภาพของไทย และพร้อมที่จะไปกระตุ้นชักชวนให้คนของเขาเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย
เม็ดเงินมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้ามาสู่กระเป๋าคนไทยทุกคนอย่างมากมายมหาศาล
ความสำเร็จในครั้งนี้ล้วนมาจากฝีมือของนายกลุงตู่ และคณะรัฐบาลพร้อมเอกชน ที่ได้ร่วมไม้ร่วมมือกันทำให้ประเทศไทย มีหน้ามีตามีชื่อเสียงในเวทีโลก รวมทั้งผลงานในการป้องกันรักษาโควิดระบาด จนองค์กรอนามัยโลกยกย่องให้การบริหารจัดการของไทย กลายเป็นต้นแบบของทุกประเทศในโลก
นี่ยังไม่นับรวมถึงสิ่งที่ลุงตู่และคณะรัฐบาลได้ทำเอาไว้ให้แก่แผ่นดินอย่างมากมายมหาศาล
คงจะเป็นข้อบ่งชี้ถึงการเลือกตั้งที่จะมาถึงในปีหน้าว่า หากต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปตามแผนพัฒนาประเทศตามที่คณะรัฐบาลชุดนี้ได้วางไว้ หากต้องการให้นักท่องเที่ยวจีนและเม็ดเงินลงทุนของประเทศซาอุฯ หลั่งไหลเข้ามา ก็คงต้องเลือกลุงตู่ให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง
ต่อไปแม้จะมีเวลาเหลือแค่ ๒ ปีหลังเลือกตั้ง ก็เกินพอที่จะสืบสานต่อยอดงานที่เหลือ ให้เกิดความมั่งคั่ง และมั่นคงแก่ทุกคนในชาติ
แต่หากจะขับไล่นักลงทุนของจีน ซาอุฯ รัสเซีย ให้พ้นออกไปจากคนไทย ประเทศไทย ก็จงเลือกนายธนาธร และพวกพันธมิตรของนายธนาธร ที่ประกาศปกป้องใต้หวัน และเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัยจากพม่า ขึ้นอยู่ที่ว่า
คนไทยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะคิดยาวหรือคิดสั้น
แต่อย่าให้เหมือนกับการเลือกผู้ว่ากรุงเทพก็แล้วกัน แล้วจะมานั่งช้ำใจอย่างทุกวันนี้
พุทธะอิสระ