ทำไมท่านชอบชวนชาวบ้านสวดมหาสมัยสูตร
 
ตอบ :
เรื่องนี้คงจะตอบยาวทนอ่านเอาหน่อยก็แล้วกันนะจ๊ะ
ก่อนที่จะเกิดมหาสมัยสูตร มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระสูตรนี้เกิดขึ้นมาก่อน คือ
ขณะที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ที่นิโครธาราม เมืองกบิลพัสดุ์
พระญาติพระวงศ์ทั้งฝ่ายพระราชบิดา และพระญาติพระวงศ์ฝ่ายพระราชมารดาที่ตั้งบ้านเมืองอยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำโรหิณี เวลานั้นเกิดฝนแล้งยาวนาน จนทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง ไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร ต่างฝ่ายก็เร่งขุดคลองระบายน้ำอันเกือบจะแห้งออกจากแม่น้ำโรหิณี เพื่อนำน้ำนั้นให้ไหลเข้าฝั่งนาของตน
จนแม่น้ำไม่สามารถไหลต่อไปได้ ยังเหลือแต่น้ำที่ค้างตามแอ่งเล็กแอ่งน้อย
ทั้งสองฝ่ายก็แย่งกันวิดน้ำนั้นเข้าในฝั่งนาของตน จนทะเลาะวิวาทถึงขนาดยกทัพรบกัน
ความนี้รู้ถึงพระเนตรพระกรรณของพระบรมศาสดาจึงเสด็จพุทธดำเนินมาห้ามทัพ เพียงพระองค์เดียวแล้วทรงแสดงสามัคคีธรรม โปรดแก่พระญาติพระวงศ์ทั้งฝ่ายพุทธบิดา ฝ่ายพุทธมารดา ให้อภัย รักใคร่ ปรองดอง สามัคคีกันดังเดิม
พระญาติทั้งสองฝ่ายจึงได้ทูลถวายพระราชบุตรของฝ่ายตนฝ่ายละ ๒๕๐ รวมเป็น ๕๐๐ เพื่อตามเสด็จ คอยปฏิบัติรับใช้แด่องค์พระบรมศาสดา
พุทธองค์จึงทรงให้บวชด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาทั้ง ๕๐๐ รูป
แล้วทรงนำพระภิกษุใหม่ทั้ง ๕๐๐ รูป พระดำเนินไปสู่ป่ามหาวัน เพื่อฝึกสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่พระใหม่ทั้ง ๕๐๐
ภิกษุใหม่เหล่านั้นเมื่อได้เรียนกรรมฐานแล้ว ต่างแยกย้ายกันไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามสถานที่ที่ตนเลือก แล้วเพ่งบำเพ็ญเพียรในกรรมฐานนั้นจนได้บรรลุพระอรหันต์กันทั่วหน้า แล้วอยู่พักเสวยวิมุตติสุข ภายในป่ามหาวันนั้น
เวลาต่อมาเทพยดาผู้สถิตอยู่ในป่ามหาวัน ได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นมาโดยตลอด จึงพากันไปประกาศข่าวนั้นแก่เพื่อนเทพยดาทั้งหลาย จนเทพยดาในชั้นสุทธาวาสได้รับรู้ข่าวอันเป็นมงคลอันประเสริฐยิ่งว่า บัดนี้พระบรมศาสดาทรงนำพาหมู่ภิกษุผู้เป็นพระญาติพระวงศ์ฝ่ายพุทธมารดา และฝ่ายพุทธบิดา ให้ได้บรรลุถึงอมฤตนิพพาน ข้ามพ้นอำนาจแห่งมารเสียได้
เทพยดาในชั้นสุทธาวาสเหล่านั้นจึงชวนกันไปป่าวประกาศให้ไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าพระอรหันต์สาวกทั้ง ๕๐๐ ณ ป่ามหาวันพร้อมกันเถิด
ในเวลาชั่วเหยียดแขนคู้แขนของบุรุษผู้มีกำลังเสร็จสิ้น เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุ ก็มาประชุมพร้อมเพียงกัน เพื่อเข้าเฝ้าองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูป ณ ป่ามหาวันนั้น
องค์พระบรมศาสดาเมื่อทรงเห็นว่า เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุมาประชุมกันอย่างมากมายมหาศาลเพียงนี้ จึงทรงพิจารณาย้อนหลังไปในครั้งพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ว่า ในครั้งอดีตนั้นๆ มีเทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุมาประชุมพร้อมเพียงกันมากมายเห็นปานนี้อยู่บ้างหรือไม่หน่อ
แล้วพระพุทธองค์จึงทรงทราบด้วยข่ายพระญาณว่า
แม้ในอดีตพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เมื่อได้ทรงโปรดพระประยูรญาติจนบรรลุอรหันต์กันถ้วนทั่ว เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุก็จะมาประชุมพร้อมเพียงกันเช่นนี้ เพื่ออนุโมทนา ยินดีในพุทธบารมี
เมื่อทรงทราบถึงเหตุที่เป็นธรรมเนียมเช่นนี้ จึงทรงส่งข่ายพระญาณไปแจ้งแก่บรรดาภิกษุอรหันต์สาวกที่แยกย้ายกันบำเพ็ญสมณธรรมจนบรรลุอรหันต์ เสวยวิมุตติในที่ต่างๆ ณ ป่ามหาวันนั้นว่า
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้มีหมู่เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุได้พากันมาชุมนุมกันอยู่ที่ป่ามหาวันแห่งนี้ เพื่ออนุโมทนายินดีในอริยบารมีที่เธอทั้งหลายได้บรรลุแล้ว
เธอทั้งหลายจงมีจิตมั่น เข้าสู่ทิพยจักษุญาณทำความเห็นให้แจ่มชัดในอัตภาพแห่งเทพยดาเหล่านี้
ขณะนั้นบรรดาพระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ เมื่อได้ทราบถึงสิ่งที่พระบรมศาสดาทรงประกาศ จึงได้ดำเนินจิตเข้าสู่ทิพยจักษุญาณได้เห็น ได้ยิน ได้รู้ถึงอัตภาพอัธยาศัยของเทพยดาแต่ละองค์อย่างละเอียด
เวลานั้นเทพยดาองค์หนึ่งได้พรรณนาคาถาขึ้นว่า
วันนี้เป็นมหาสมัยเกิดขึ้นในป่ามหาวัน หมู่เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุได้มาประชุมพรั่งพร้อมกันเพื่อได้เกิดความเห็นอันประเสริฐ
ต่อมาก็มีเทพยดาอีกองค์หนึ่งได้กล่าวภาษิตขึ้นว่า
ภิกษุเหล่านั้นได้ถอนกิเลสออกดุจดังคนมีกำลังถอดถอนตะปูฉะนั้น
ดุจดังบุรุษผู้มีกำลังถอนเสาเรือนหมดเสียแล้ว
เป็นผู้ไม่หวั่นไหว หมดจดไม่มีมลทิน เที่ยวไป ท่านเป็นนาคะหนุ่ม (ผู้ไม่มีเรือน) มีดวงตาที่แจ่มใส เป็นผู้ผ่านการฝึกฝนมาดีแล้ว
เทพยดาอีกองค์หนึ่งได้กล่าวภาษิตว่า
ชนทั้งหลายเหล่าใด ถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่เคารพ ชนเหล่านั้นจักไม่ไปสู่อบาย เมื่อละกายมนุษย์แล้ว จักยังกายทิพย์ให้บริบูรณ์ฉะนั้น
วันนี้ง่วงนอนแล้ว ตี ๒ แล้วขอนอนก่อนแล้วกัน โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พุทธะอิสระ