ความเดิมตอนที่แล้ว จบลงตรงที่พระบรมศาสดาทรงแสดงบุพกรรมของท่านพระกุณฑธานในอดีตที่มีมาแล้ว ความว่า
ในอดีตกาล ครั้งที่พระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านธานะเกิดเป็นภุมเทวดา (เทวดาที่สิงสถิตตามภาคพื้นดิน) เห็นพระภิกษุ ๒ รูป มีความรักใคร่และสามัคคีกันอย่างมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหน ๆ ทั้งสองมักจะไปด้วยกันเสมอ
ภุมเทวดาได้เห็นความสนิทชิดชอบของพระภิกษุทั้ง ๒ รูปนั้นแล้ว ก็คิดอิจฉา จึงหาอุบายทำลายความสัมพันธ์
“ภิกษุ ๒ รูปนี้มีความชอบพอกันยิ่งนัก รักใคร่สามัคคีกันมาก .... เราจะทำไฉนหนอ จึงจะให้ท่านทั้ง ๒ นี้ แตกคอกันได้”
เทวดาจึงรอโอกาสอยู่จนถึงวันอุโบสถ วันหนึ่งเห็นท่านทั้งสองเดินทางมาเพื่อร่วมทำอุโบสถสังฆกรรม ณ อารามแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางพระรูปหนึ่งขอโอกาสเข้าไปถ่ายอุจจาระในป่าข้างทาง ส่วนอีกรูปหนึ่งรอคอยอยู่ข้างนอก
ในขณะนั้น ภุมเทวดาถือโอกาสแปลงกายเป็นสตรีที่สวยงามแล้วแสร้งเดินตามมาข้างหลังของพระเถระ ในตอนที่พระเถระได้ถ่ายอุจจาระปัสสาวะเสร็จ แล้วเดินออกมาจากระหว่างพุ่มไม้
ภุมเทวดาแปลงที่แสร้งเดินตามหลังพระเถระที่ยืนรอเพื่อนภิกษุแยกไปถ่ายทุกข์อยู่ หญิงจำแลงนั้นมิใช่ยืนเฉย ๆ แต่กลับแสดงกิริยาเสมือนหนึ่งว่า ได้ร่วมหลับนอนกับพระเถระนั้นมา ด้วยการสลัดผม นุ่งห่มผ้า ปัดฝุ่นที่ติดเสื้อผ้าด้านหลัง แล้วออกไปยืนอยู่ข้างภิกษุรูปนั้นให้อยู่ในตำแหน่งที่พอสังเกตเห็น พระภิกษุผู้กลับจากไปถ่ายทุกข์ได้เห็นแล้ว ก็เดินจากไป
ด้วยสำคัญผิดคิดว่า ภิกษุผู้สหายได้ไปเสพกามกับผู้หญิงนั้นเสียแล้ว
ภิกษุผู้เป็นสหายจึงเดินมาถึงก็ยื่นจีวรให้พลางกล่าวว่า "ผู้มีอายุ ศีลของท่านได้วิบัติเสียแล้ว."
ภิกษุนั้นกล่าวว่า "ผู้มีอายุ กรรมอันทุศีลเห็นปานนั้นผมมิได้กระทำ."
ภิกษุผู้เสร็จจากปลดทุกข์นั้นจึงกล่าวว่า "หญิงสาวพึ่งจะ (เดินตาม) ออกมาข้างหลังท่าน ยังจะมากล่าวเท็จปฏิเสธได้ หน้าด้านกระนั้นหรือ."
ภิกษุนั้น ปานประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดลงที่กระหม่อม กล่าววิงวอนว่า
"ผู้มีอายุ ขอท่านจงอย่าให้ผมฉิบหายจากศีลเลย, กรรมเห็นปานนั้นของผม ไม่ได้กระทำจริงๆ."
"ผมเห็นด้วยนัยน์ตาทั้งสองเอง จักเชื่อท่านได้อย่างไร" ดังนี้แล้ว ก็แตกกันดุจแพลท่อนไม้ซุงแล้วหลีกไป. แม้เวลาทำสังฆกรรมในโรงอุโบสถก็นั่งด้วยตั้งใจว่า "เราจักไม่ทำอุโบสถร่วมกับภิกษุผู้เสพเมถุนนี้."
ภิกษุผู้ถูกหา แจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "ท่านขอรับจุดดำแม้เท่าเมล็ดงา ย่อมไม่มีในศีลของผม."
แม้ภิกษุนั้นก็กล่าวยันว่า "กรรมลามกนั้น ผมเห็นกับตาตนเองเลยนะ."
เมื่อภุมเทวดาเห็นภิกษุทั้งสองรูปแตกคอกันจน ไม่ปรารถนาจะทำอุโบสถร่วมกันแล้ว จึงหวนคิดได้ว่า
“เราทำกรรมหนักแล้วหากไม่รีบแก้ไขความวินาศ ฉิบหายคงต้องบังเกิดขึ้นแก่เรา ณ บัดนี้เป็นแน่แท้”
ภุมเทวดาจึงต้องรีบชี้แจงความจริงให้ภิกษุทั้งสองรูปได้รู้ความจริงแล้วกล่าวยืนยันว่า
"ความทำลายแห่งศีลของพระผู้เป็นเจ้ากับรูปหญิงจำแลงนั้นไม่มี เรื่องทั้งหมดล้วนเกิดจากจิตริษยาอันลามกของข้าพเจ้าเป็นผู้บันดาล ขอท่านจงคืนดีต่อกัน ร่วมกันทำอุโบสถ สังฆกรรมร่วมกันเหมือนเดิมเถิด"
ภิกษุทั้งสองรูปนั้น เมื่อเทวดาได้ชี้แจงอันเป็นที่กระจ่าง จึงได้เข้าใจกันและกลับมาทำอุโบสถ (ร่วมกัน) แต่ก็หาได้เป็นผู้มีจิตชิดเชื้อกันเหมือนในกาลก่อนไม่
กาลต่อมาภุมเทวดา จุติจากชาตินั้นแล้วไปเกิดในเวจีมหานรก เสวยผลกรรมนั้น อย่างแสนสาหัส จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ จึงพ้นจากนรกนั้นแล้วมาเกิดเป็นบุตรพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถี มีชื่อว่า ธานะ ด้วยเศษแห่งกรรมที่ทำไว้ในชาติที่เป็นภุมเทวดา เมื่อท่านบวชแล้วจึงมีรูปหญิงสาวติดตามท่านเป็นเงาตามตัวอยู่เสมอ จนเป็นที่โจษจันกันดังที่ปรากฏ
หลังจากพระบรมศาสดาทรงตรัสแสดงอดีตกรรมของพระกุณฑธานจบลง จึงทรงตรัสว่า
ภิกษุเธออาศัยกรรมลามกนี้ จึงมีเหตุให้ต้องถูกตำหนิติฉินนินทา เป็นที่รังเกียจของชนทั้งหลาย
เหตุที่เกิดขึ้นล้วนมาจากกรรมของเธอในอดีต แล้วเหตุใดเธอถึงได้มากล่าวใส่ร้ายภิกษุอยู่อีกเหล่า
กรรมอันชั่วช้าลามกเช่นนี้ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก
จงเป็นผู้สงบ สำรวมใจ สำรวมวาจา เธอพึงตั้งความเพียรอยู่ดังนี้ ไม่ช้านานก็จักได้บรรลุธรรม
แล้วทรงตรัสภาษิตว่า
ดูก่อนภิกษุ เธออย่าได้กล่าวคำหยาบกะใครๆ ชนเหล่าอื่นเมื่อถูกเธอว่ากล่าวใส่ร้ายแล้ว เขาเหล่านั้นจะต้องโต้ตอบเธอกลับเป็นแน่
เหตุเพราะการกล่าวให้ร้ายกันและกัน ย่อมทำให้เกิดทุกข์ อีกทั้งอาจทำให้เธอต้องโทษอาญาของบ้านเมือง
หากชนเหล่าอื่นจะกล่าวว่าร้ายต่อเธอ แต่เธอตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารธรรมอย่างมั่นคง ดุจดังกังสดาลที่ถูกทำลายเสียแล้ว เสียใดๆ จึงไม่เกิดมีมาจากกังสดาลนั้น
เธอย่อมบรรลุพระนิพพานในที่สุด
เหตุแห่งการเอาชนะกันด้วยการกล่าวใส่ร้ายกันย่อมไม่เกิดขึ้น
เมื่อจบพระธรรมภาษิตนี้ลง ชนเป็นอันมากได้สดับแล้วบรรลุมรรคผล มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
แม้พระโกณฑธานได้ตั้งตนอยู่ในธรรมภาษิตจนได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยคุณวิเศษปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ตั้งแต่นั้นมาภาพหญิงที่ปรากฏก็อันตรธานหายไป
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าจะนำตอนสุดท้ายมาเล่าสู่กันฟัง
พุทธะอิสระ