เวลาต่อมาพระเทวทัตผู้มักใหญ่ใฝ่สูง
สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคอันบริษัทหมู่ใหญ่ แวดล้อมแล้ว ประทับนั่งแสดงธรรมแก่บริษัทพร้อมทั้งพระราชาพิมพิสาร
ครั้งนั้น พระเทวทัตลุกจากอาสนะ ห่มผ้าเฉวียงบ่า นั่งกระหย่งประคองอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า
“พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ พระผู้มีพระภาคทรงพระชราแล้ว เป็นผู้เฒ่าแก่หง่อมแล้ว ล่วงกาลผ่านวัยไปแล้ว
บัดนี้ ขอพระองค์จงทรงขวนขวายน้อยประกอบทิฏฐธรรมสุขวิหารอยู่เถิด ขอจงมอบภิกษุสงฆ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจักปกครองภิกษุสงฆ์”
พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามว่า อย่าเลยเทวทัต เธออย่าพอใจที่จะปกครองภิกษุสงฆ์เลย
แม้ครั้งที่สอง ...
แม้ครั้งที่สาม พระเทวทัตก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้าบัดนี้ พระผู้มีพระภาคทรงพระชราแล้ว เป็นผู้เฒ่า แก่หง่อมแล้ว ล่วงกาลผ่านวัยไปแล้ว บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงขวนขวายน้อย ประกอบทิฏฐธรรมสุขวิหารอยู่เถิด ขอจงมอบภิกษุสงฆ์แก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจักปกครองภิกษุสงฆ์แทนพระองค์เอง
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรเทวทัต แม้แต่สารีบุตรและโมคคัลลานะเรายังไม่มอบภิกษุสงฆ์ให้ ไฉนจะพึงมอบให้เธอผู้มีสภาพดังซากศพ ผู้บริโภคปัจจัยดังกลืนกินก้อนเขฬะเล่า
ขณะนั้นพระเทวทัตคิดว่า พระผู้มีพระภาคทรงรุกราน ตำหนิเราท่ามกลางมหาชนบริษัทต่อหน้าพระราชา ด้วยวาทะว่าบริโภคปัจจัยดุจก้อนเขฬะ ทรงยกย่องแต่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ดังนี้ จึงโกรธ น้อยใจ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วลุกออกไปด้วยจิตพยาบาท
ต่อมาพระเทวทัตเข้าไปหาอชาตสัตตุราชกุมาร ด้วยการแปลงกายเป็นกุมาร มีไฟลุกที่เท้ามีงูพันที่คอและแขนมีไฟ ล้อมรอบตัวเป็นรัศมีดูรุ่งเรืองไปด้วยฤทธิ์ เหาะลอยอยู่บนอากาศ จนทำให้อชาตสัตตุราชกุมารเห็นแล้วให้หวาดกลัวจนลนลาน พร้อมได้กล่าวว่า
ข้าแด่องค์เทพ การใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านไป ขอจงโปรดเมตตาให้อภัย อดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
พระเทวทัตเมื่อเห็นอชาตสัตตุราชกุมารหวาดกลัวจนลนลานเช่นนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า
ดูกรกุมาร เมื่อก่อนคนทั้งหลายมีอายุยืน เดี๋ยวนี้มีอายุสั้น ก็การที่ท่านจะพึงตายเสียเมื่อยังเป็นเด็ก นั่นเป็นฐานะจะมีได้
ดูกรกุมาร ถ้ากระนั้น ท่านจงปลงพระชนม์พระชนกราชาพิมพิสารเสียเถิด แล้วท่านก็เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนอาตมาจักปลงพระชนม์พระผู้มีพระภาคแล้วเป็นพระพุทธเจ้าแทน
ครั้งนั้น อชาตสัตตุราชกุมารคิดว่า พระผู้เป็นเจ้า เทวทัตมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก พระผู้เป็นเจ้าเทวทัตพึงทราบแน่ แล้วว่าเราจักได้เป็นพระราชาด้วยเหตุนี้
เวลาต่อมาอชาตสัตตุราชกุมารจึงเหน็บกฤชแนบพระเพลา ด้วยหวังว่าจะเข้าไปฆ่าพระบิดาราชาพิมพิสาร แล้วรีบเสด็จเข้าไปภายในพระราชวัง
พวกมหาอำมาตย์ผู้รักษาภายในพระราชวัง ได้แลเห็นอชาตสัตตุราชกุมารเสด็จเข้ามาในที่ประทับของพระราชาพิมพิสาร ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน หวั่นหวาด ทหารเหล่านั้นจึงรีบล้อมไว้ มหาอำมาตย์เหล่านั้นตรวจค้นพบกฤชเหน็บอยู่ที่พระเพลาแล้วได้ทูลถามอชาตสัตตุกุมารว่า
พระองค์ประสงค์จะทำการอันใด พระเจ้าข้า
อชาตสัตตุราชกุมาร : เราประสงค์จะปลงพระชนม์พระชนก
มหาอำมาตย์ : ใครใช้พระองค์
อชาตสัตตุราชกุมาร : พระผู้เป็นเจ้าเทวทัต
มหาอำมาตย์เมื่อได้รู้เรื่องเช่นนั้น บางพวกจึงได้ลงมติว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร แล้วไปจับพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมดมาฆ่าเสีย ด้วยโทษฐานเป็นกบฏ
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์แต่เฉพาะพระกุมาร และฆ่าพระเทวทัตเท่านั้น
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมารไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชาพิมพิสาร พระราชารับสั่งอย่างใด พวกเราจักทำอย่างนั้น ฯ
ครั้งนั้น มหาอำมาตย์เหล่านั้นคุมตัวอชาตสัตตุราชกุมารเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร กราบทูลเรื่องทั้งปวงให้พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบ
พระเจ้าพิมพิสาร : ดูกรพนาย สภามหาอำมาตย์ทั้งหลายลงมติอย่างไร
มหาอำมาตย์ : ขอเดชะ
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ควรฆ่าพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมด
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์พระกุมารและฆ่าพระเทวทัต
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระองค์ราชาก่อน พระราชาทรงรับสั่งอย่างใด พวกเราจักทำอย่างนั้น
พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงตรัสว่า : ดูกรพนาย พระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ จักทำร้ายแก่เราคงไม่มี องค์พระผู้มีพระภาคทรงรับสั่งให้ประกาศ ในกรุงราชคฤห์แล้วมิใช่หรือว่า พระเทวทัตทำอย่างใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่างนั้น นั้นเป็นพฤติกรรมความเห็นเฉพาะตัวพระเทวทัตเท่านั้น
แล้วพระราชาพิมพิสาร จึงทรงกล่าวกับสภาอำมาตย์ว่า
บรรดามหาอำมาตย์พวกที่ลงมติว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ควรฆ่าพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมด ให้ทรงถอดยศพวกเธอเสีย
พวกที่ลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไรควรปลงพระชนม์พระกุมาร และฆ่าพระเทวทัต พระราชาได้ทรงให้ลดตำแหน่งพวกเธอลง
ส่วนพวกที่ลงมติว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชา พระราชารับสั่งอย่างใดพวกเราจักทำอย่างนั้น พระราชาได้ทรงเลื่อนตำแหน่งพร้อมทั้งพระราชทานทองคำคนละ ๑ พันกหาปณะ และเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น
โปรดติดตามตอนต่อไปที่กำลังสนุก
พุทธะอิสระ