ลูกยอดกตัญญู
พระสารีบุตรได้เข้าสู่วิมุตติผลสมาบัติ ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว พิจารณาดูอายุสังขารตน ก็ทราบชัดว่า ยังดำรงชนมายุอยู่ได้อีก ๗ วันเท่านั้น จึงได้ดำริต่อไปว่า เราจะไปนิพพานในสถานที่ใด พระราหุลเถระก็ไปนิพพานที่ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ในดาวดึงส์เทวโลก พระอัญญาโกญทัญญเถระ ก็ไปนิพพานที่ฉัตทันตะสระ ในหิมวันตประเทศ..
ต่อนั้น พระเถระเจ้าปรารภถึงมารดาว่า มารดาของเราได้เป็นมารดาของพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ แต่ถึงกระนั้นมารดาเราก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย แล้วอุปนิสัยในมรรคผลจะพึงมีแก่มารดาบ้างหรือไม่หนอ ?
ครั้นพระเถระเจ้าพิจารณาไป ก็ทราบชัดว่า มารดามีนิสัยแห่งพระโสดาบัน ด้วยธรรมเทศนาของเรา อีกทั้งมหาชนเป็นอันมากจะพลอยได้มีส่วนในมรรคผลด้วย ควรเราจะไปนิพพานที่เรือนมารดา ครั้นดำริดังนี้แล้ว พระสารีบุตรเถระเจ้าจึงเรียกพระจุนทะเถระ ผู้เป็นน้องชายมาสั่งว่า
“จุนทะ เราพากันไปเยี่ยมมารดากันเถิด ท่านจงออกไปบอกภิกษุบริวารทั้ง ๕๐๐ ว่า พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร มีความประสงค์จะไปบ้านนาลันทคาม “ พระจุนทะรับพระบัญชาพระเถระเจ้าแล้ว ออกไปแจ้งแก่พระสงฆ์ทั้งปวง
ครั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมาพร้อมกันแล้ว พระสารีบุตรก็พาพระสงฆ์ทั้งปวง ไปเฝ้าพระบรมศาสดายังพระคันธกุฏี กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม บัดนี้ ชีวิตของข้าพระองค์เหลือ ๗ วันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลานิพพาน แล้วพระเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“สารีบุตร เธอจะไปนิพพาน ณ ที่ใด”
“ข้าพระองค์จะไปนิพพาน ณ ห้องที่ข้าพระองค์เกิด ในเคหะสถานของมารดา พระเจ้าข้า”
“สารีบุตร เธอจงกำหนดกาลนั้นโดยควรเถิด “
แล้วทรงรับสั่งต่อไปอีกว่า “ สารีบุตร บรรดาภิกษุทั้งหลายผู้มาทีหลัง จะเห็นตัวอย่างในความกตัญญูเหมือนอย่างเธอ ซึ่งเป็นบุคคลที่หาได้ยาก ฉะนั้นเธอจงแสดงธรรมแก่ภิกษุน้อง ๆ ของเธอ เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกสำหรับครั้งนี้ก่อนเถิด”
เมื่อพระเถระเจ้าได้รับพุทธานุญาตเช่นนั้น จึงสำแดงปาฏิหาริย์ เหาะขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณชั่วลำตาล แล้วกลับลงมาถวายนมัสการพระบรมศาสดาครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองเหาะขึ้นไปสูงได้ ๒ ชั่วลำตาล แล้วเหาะกลับลงมาถวายนมัสการอีกหนึ่งครั้ง ครั้งที่ ๓ เหาะขึ้นไปถึง ๓ ชั่วลำตาล จนถึงครั้งที่ ๗ เหาะขึ้นไป ๗ ชั่วลำตาล ลอยอยู่บนอากาศ แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายในท่ามกลางอากาศ
ขณะนั้น ชาวพระนครสาวัตถีได้มาสโมสรสันนิบาตอยู่เป็นอันมาก แล้วพระเถระเจ้าก็ลงมาจากอากาศ ถวายอภิวาทบังคมลาคลานคล้อยถอยออกมาจากพระคันธกุฏี
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระมหากรุณา เสด็จลุกจากพระพุทธอาสน์ออกมาส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรถึงหน้าพระคันธกุฏี ประทับยืนอยู่ที่พื้นแก้วมณี หน้าพระคันธกุฏีนั้น
พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ทำประทักษิณพระบรมศาสดา ๓ รอบ แล้วประคองอัญชลีกราบทูลว่า “ในที่สุดอสงไขยแสนกัลป์ล่วงมาแล้วนั้น ข้าพระองค์ได้หมอบลงแทบบาทมูลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอโนมทัสสี ตั้งปณิธานปรารถนาพบพระองค์ และแล้วมโนรถของข้าพระองค์ ก็พลันได้สำเร็จสมประสงค์ ตั้งแต่ได้เห็นพระองค์เป็นปฐมทัศนะ บัดนี้ เป็นปัจฉิมทัศนะแห่งการได้เห็นพระองค์ ผู้เป็นนาถะของข้าพระองค์แล้ว “
ทูลเพียงเท่านั้นแล้วก็ประนมหัตถ์ถอยหลังบังคมลาออกไป พอควรแล้ว ก็ถวายนมัสการกราบลาลงที่พื้นพสุธา บ่ายหน้าออกไปจากพระเชตวนาราม ..พระผู้มีพระภาคตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ ภิกษุทั้งหลาย เธอจะตามไปส่งพี่ใหญ่ของเธอ ก็ตามใจเถิด ..
ภิกษุทั้งหลายได้พากันไปส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเป็นอันมาก ครั้นถึงซุ้มประตูพระเชตวนาราม พระเถระเจ้าจึงกล่าวห้ามว่า “ ท่านทั้งหลาย จงหยุดแต่เพียงนี้เถิด “ พร้อมกับได้ให้โอวาท ด้วยวาจาที่นิ่มนวล ดื่มด่ำไว้ในใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทเป็นนิรันดร แล้วพาภิกษุผู้เป็นบริวารพ้นจากเชตวนาราม มุ่งหน้าไปบ้านนาลันทคาม
ในครั้งนั้น ชนทั้งหลายร้องไห้ รำพัน ด้วยความอาลัยในพระเถระเจ้า ติดตามไปเป็นอันมาก พระเถระเจ้าได้ให้โอวาท ให้เห็นความไม่จีรังของสังขารทั้งหลาย พร้อมกับเตือนใจให้มั่นอยู่ในความไม่ประมาทในอริยธรรมแล้วให้ชนเหล่านั้นพากันกลับไปสิ้น พระเถระเจ้าเดินทางไป ๗ วัน ก็ถึงบ้านนาลันทคาม แคว้นมคธรัฐ ในเวลาเย็น จึงพาภิกษุทั้งหลายพักอยู่ที่ร่มไทรใหญ่ใกล้ประตูบ้าน
บังเอิญอุปเรวัตตมานพ หลานชายของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเดินเที่ยวออกมานอกบ้าน เห็นพระเถระเจ้าเข้าก็ดีใจเข้าไปนมัสการ พระเถระเจ้าถามว่า
“อุปเรวัตต ยายของเธออยู่หรือไปไหน ? “
“ อยู่ที่เรือน เจ้าข้า “ อุปเรวัตตเรียนพระเถระเจ้าด้วยเคารพ
“ ถ้าเช่นนั้น เธอจงกลับเข้าไปบอกยาย ขอห้องที่เกิดให้ลุงพัก กับขอให้จัดที่สำหรับพระสงฆ์ ๕๐๐ ที่มานี้พอได้พักอาศัยในวันนี้ด้วย “
อุปเรวัตตมานพรีบกลับเข้าบ้าน ตรงเข้าไปหานางสารีพราหมณี ผู้เป็นยายด้วยความดีใจ บอกตามคำที่พระเถระเจ้าสั่งมา
”เวลานี้ลุงของเจ้าอยู่ที่ไหน ? “
“ อยู่ที่ประตูบ้านจ้า ยาย “
“ เจ้ารู้ไหมว่า ลุงเจ้ามาทำไม ? “
“ ไม่ทราบจ้า"
นางสารีพราหมณีคิดว่า “ อุปติสสะ ลูกเรา ขอพักที่ห้องที่เกิด เธอบวชมานานแล้ว ชะรอยจะเบื่อบวช มาคราวนี้อาจมาสึกก็ได้ “ คิดแล้วก็ดีใจ สั่งให้คนใช้รีบจัดแจงห้องเกิดแลที่พระสงฆ์ ๕๐๐ พอได้พักอาศัยภายในบ้าน แล้วให้อุปเรวัตตมานพออกไปอาราธนาพระเถระเจ้าให้เข้ามาสู่เรือน
พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร พาพระสงฆ์ขึ้นเรือนมารดา ให้พระสงฆ์ทั้งหลายพักอาศัยอยู่ยังที่จัดแจงไว้ภายนอก ส่วนพระเถระเจ้าเข้าไปพักยังภายในห้องเกิดของท่าน พอเวลาค่ำ โรคาพาธกล้าได้เกิดแก่พระมหาเถระ ถึงอาเจียนเป็นโลหิต พระภิกษุเข้าถวายปฏิบัติ นำภาชนะอาเจียนและภาชนะอาจมออกมาชำระผลัดเปลี่ยนอยู่เนือง ๆ นางสารีพราหมณีเป็นทุกข์ใจในการอาพาธของพระมหาเถระเจ้าเป็นอันมาก นั่งคอยดูอยู่ที่ประตูห้อง
ในค่ำคืนนั้น เทพดาในเทวโลกได้พากันมาเยี่ยมพระเถระเจ้าเป็นอันมาก เริ่มต้นแต่ ท้าวโลกบาลทั้ง ๔ องค์ ท้าวโกสีย์เทวราช ท้าวสุยามเทวราช และท้าวสันตุสิตเทวราช ตลอดท้าวมหาพรม ต่างเข้ามาขอโอกาสปฏิบัติพยาบาลเช่นเดียวกันโดยลำดับ พระเถระเจ้าให้คำตอบแก่เทพดาทั้งหลายว่า
“ ภิกษุคิลานุปัฏฐาก ผู้ปฏิบัติพยาบาลของอาตมามีแล้ว ขอให้ท่านกลับไปเถิด..
ฝ่ายนางสารีพราหมณี เห็นเทวดามาไม่ขาดสาย แต่ละองค์ล้วนมีรัศมีโอภาสงามยิ่งนัก เพียบพร้อมด้วยทิพยรัตน์สรรพาภรณ์ล้ำค่าทั้งสิ้น ต่างเข้าไปหาพระเถระเจ้า ด้วยอาการคารวะเป็นอันดี มีความสงสัยเทพดานั้นคือใคร มาธุระอันใดหนอ ? จึงเข้าไปถามอาการไข้กะพระจุนทะเถระ บุตรชายคนน้อยว่า
“ พ่อจุนทะ อาการไข้ของอุปดิสพี่ชายของพ่อ เป็นอย่างไรบ้าง?
ยังพอทนได้อยู่ดอก แม่ “ พระจุนทะตอบ แล้วแจ้งอาการไข้ให้มารดาฟัง “ ขณะนี้อาการไข้สงบแล้ว ทั้งว่างคนเยี่ยมด้วย แม่ เข้าไปหาสนทนากับพี่ใหญ่เถิด “
นางพราหมณี ได้โอกาสเข้าไปหาพระเถระเจ้าแล้ว ถามว่า
“ บุคคลที่เข้ามาหาพ่อนั้น คือผู้ใด “
“ ท้าวจตุโลกบาล จ้ะ แม่” พระสารีบุตรกล่าว
นางพราหมณีตลึงในเกียรติอันสูงของลูกชาย พลางปราศรัยต่อไปว่า
“ พ่ออุปติสสะ พ่อยังเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาลอีกหรือนี่ ? “
“ ท้าวจตุโลกบาลก็เหมือนคนอุปัฏฐากบำรุงวัด เท่านั้นแหละแม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาของลูกปฏิสนธิในครรภ์ของพระพุทธมารดา ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่พระองค์นี้ ยังลงมาถวายอารักขาเป็นนิตย์ “
“ บุคคลที่สองเล่าพ่ออุปติสสะ คือผู้ใด ? “
“ นั่นท้าวโกสีย์ อมรินทราธิราช จ้า แม่ “
พ่ออุปติสสะ ลูกยังสูงกว่า จอมเทพดาชั้นดาวดึงส์สวรรค์อีกหรือ ? “
“ ท้าวโกสีย์ ก็เหมือนกับสามเณรถือบริขารของพระบรมศาสดาเท่านั้นแหละ แม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาของลูกเสด็จลงจากเทวโลก ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ท้าวโกสีย์องค์นี้ ยังถือบาตรนำเสด็จพระบรมครูของลูกเลยแม่”
“ ใครกันเล่า พ่ออุปติสสะ ที่เข้ามาหาลูก หลังจากท้าวโกสีย์เทวราช และใครต่อใครกลับไปแล้ว ท่านผู้นั้นช่างมีรัศมีรุ่งเรืองยิ่งนัก “
“ นั่นท้าวมหาพรหม จ้า แม่ “
“พ่ออุปติสสะ ลูกยังเหนือกว่าท้าวมหาพรหมอีกหรือลูก ? “
“ ท้าวมหาพรหมองค์นี้แหละแม่ ในวันที่พระบรมศาสดาของลูกประสูติ ได้ถือเอาข่ายทองเข้ารองรับพระกุมาร ถวายการบำรุงรักษาพระบรมศาสดาอยู่เนืองนิตย์ แม้ในวันที่พระบรมศาสดาเสด็จลงจากเทวโลก ก็ยังกั้นเศวตรฉัตรถวาย ปรากฏแก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ที่ประชุมอยู่แทบประตูเมืองสังกัสสะนครทั่วทุกคน “
นางสารีพราหมณี ฟังพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรบรรยายแล้ว เห็นคุณอันมหัศจรรย์ในพระมหาเถระว่า อานุภาพบุตรเรายังปรากฏถึงเพียงนี้ และอานุภาพของพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของบุตรเรา คงจะสูงยิ่งกว่านี้เป็นแน่ เกิดปีติเบิกบานใจ ต่อมา พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรก็แสดงธรรมพรรณาพุทธคุณโปรดมารดา ให้นางสารีพราหมณีมารดา ตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลในพระศาสนา สมมโนรถที่อุตสาหะเดินทางมาสนองพระคุณมารดา แล้วพระเถระเจ้าก็เชิญให้มารดาออกไปพักด้วยดึกมากแล้ว
ครั้นนางสารีพราหมณีออกไปแล้ว พระเถระเจ้าจึงถามพระจุนทะเถระว่า “ เวลาเท่าใดแล้ว “ เมื่อได้รับคำตอบว่า “ ใกล้รุ่งแล้ว “ จึงสั่งให้พระสงฆ์ทั้งหลายมาประชุมพร้อมกัน ให้พระจุนทะเถระพยุงกายท่านนั่งขึ้น แล้วกล่าวแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
“ ตลอดเวลา ๔๔ พรรษา ที่ท่านทั้งหลายติดตามมา หากกรรมอันใดที่มิชอบใจท่านทั้งหลายจะพึงมี ท่านทั้งหลายจงอดโทษแก่ข้าพเจ้าเสียเถิด”
ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ได้เรียนท่านว่า
“ ข้าแต่พระเถระเจ้า ตลอดเวลาที่บรรดาข้าพเจ้าติดตามพระเถระเจ้า ไม่มีกรรมอันใดของพระเถระเจ้าเลย ที่มิชอบใจข้าพเจ้าทั้งหลาย หากข้าพเจ้าทั้งหลายพึงมีความประมาทสิ่งใดสิ่งหนึ่งในพระเถระเจ้าแล้ว ขอพระเถระเจ้าได้กรุณาอดโทษแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย”
พอเวลาอรุณปรากฏ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็ดับขันธปรินิพพาน ในเวลาวารปุรณมี แห่งกัตติกมาส เพ็ญเดือน ๑๒
ครั้นรุ่งเช้า เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้มาสโมสรสันนิบาตทำสักการะศพพระมหาเถระในที่นิพพาน ทำที่ประดิษฐานศพประชุมเพลิงงามวิจิตร ทำฌาปนกิจถวายเพลิงสรีระศพของพระมหาเถระตามประเพณีนิยม พระจุนทะเถระได้รวบรมอัฏฐิธาตุ ห่อผ้าขาว แล้วถือเอาบาตรและจีวรของพระมหาเถระ กับพระธาตุมาสู่ประตูพระเชตวันวิหาร ชวนพระอานนท์เถระเจ้า นำเข้าไปทูลถวายพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาทรงรับเอาพระธาตุแล้ว ตรัสสรรเสริญคุณพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรในท่ามกลางพุทธบริษัทเป็นอันมาก แล้วโปรดให้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระธาตุ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรไว้ในพระเชตวนาราม
***************************************
ไม่มีอะไรจะวิจารณ์ อ่านแล้วมันจุกแน่ในอก
พุทธะอิสระ