การจะเป็นนักปฏิบัติ สิ่งแรกที่ควงรทำความเข้าใจให้แจ่มชัด ไม่ใช่มีแค่ศรัทธา ไม่ใช่มีแค่ความขยันหมั่นเพียร ไม่ใช่มีแค่สมาธิ จำเป็นต้องมีสติปัญญา เข้าใจขบวนการที่เกิดขึ้นที่มีอยู่เดิมของสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา และสิ่งของ ทั้งที่มีวิญญาณครองและไม่มีวิญญาณครอง
ซึ่งสิ่งทั้งปวงล้วนตกอยู่ในความจริง ๓ อย่าง คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอยู่จริง
หากเข้าใจและดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความจริง ๓ อย่างดังกล่าวแล้วจึงชื่อว่า เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ความเห็นตรงถูกต้อง สัมมาปฏิปทา การปฏิบัติสอดคล้องกับความจริงอย่างถูกต้อง
แต่ถ้านักปฏิบัติไม่เข้าใจความจริง ๓ อย่าง ไม่ปฏิบัติให้สอดคล้องกับความจริง ๓ อย่าง สิ่งที่นักปฏิบัติจะได้รับคือ ความเห็นที่วิปลาส ๔ ประการ คือ
๑. เห็นว่า ตัวตนนี้มีอยู่จริง
๒. เห็นว่า ตัวตนนี้มีสุขที่ยั่งยืน
๓. เห็นว่า ตัวตนนี้ช่างสวยงาม
๔. เห็นว่า ตัวตนนี้คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงรวมทั้งอารมณ์ความรู้สึก
เมื่อมีความเห็นผิดวิปลาสเช่นนี้ จะยังผลให้เกิดวิปลาส ๓ ตามมา คือ
๑. ความทรงจำวิปลาส
๒. ความคิดวิปลาส
๓. ความเห็นวิปลาส
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่ได้ศึกษาลักษณะและหน้าที่ของความจริง อันไม่มีใคร อะไรจะเปลี่ยนแปลงได้ และนอกจากจะเข้าใจ รู้จักความจริง ๓ ประการแล้ว ต้องทำความรู้จัก เข้าใจลักษณะและการทำหน้าที่ของจิต ๔ ประการด้วย คือ
รับ จำ รู้ คิด
หากสามารถควบคุมการทำหน้าที่ของจิตได้อย่างสมบูรณ์ ขบวนการวิปลาสก็จะไม่เกิดขึ้นเลย
 
พุทธะอิสระ