สืบเนื่องเรื่องเกิดจากคลับเฮาส์
เจ้าป็อปบ่นให้ฟังว่า ผู้ป่วยหลายคนที่ติดต่อขอสมุนไพรบรรเทาโควิด แต่มีการติดต่อ ติดตาม จัดส่งสมุนไพรล่าช้า จึงทำให้ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ระบายอารมณ์ใส่
จนเกิดตัวกูของคณะผู้ทำงานจิตอาสาสะดุ้งสะเทือน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่างคนต่างช่วยกันทุ่มเท ลงทุน ลงแรง จนสุดกำลัง ด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย ให้หายจากการอาการเจ็บป่วย จิตอาสาทุกคนจึงมีความรู้สึกภาคภูมิ ลำพอง จนตัวกูพอง โตเอาโตเอาโดยไม่รู้ตัว
แต่พอมีคำตำหนิ ติด่า มาจากผู้ที่ตนให้ความช่วยเหลือก็ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดมาที่ตัวกู แล้วก็คิดต่อว่า อะไรว่ะ กูก็พยายามช่วยมึงอย่างสุดแรง สุดกำลังแล้ว มึงยังมาด่ากูอีก มึงรู้ไหมว่า มึงได้กินยาฟรี แต่กูต้องทำงานบริการมึงโดยที่กูไม่ได้อะไร แม้แต่สตางค์แดงเดียว แค่ไม่ถูกใจมึงก็ด่ากูแล้ว
เรื่องทั้งหมดนี้ ดูช่างเป็นความรู้สึกธรรมดาๆ ของผู้เป็นปุถุชนคนอยู่ในโลก ซึ่งก็มีทั้งทุกข์ ทั้งโศก ทั้งโรค ทั้งภัย ทั้งอันตราย ที่คอยกดดันตัวกู
เรื่องตัวกูนี่มันยิ่งใหญ่ ทำอะไรก็ได้ แต่อย่ามาแตะตัวกู
เพราะตัวกูทำดี ตัวกูเป็นผู้ดี ตัวกูมีดี ตัวกูดีมาตลอด หากใครบังอาจมาแตะตัวกู คงต้องรู้นะว่า มึงกับกูจะอยู่ร่วมกันไม่ได้
บทสรุปในประเด็นเหล่านี้อยู่ที่โศลกที่ว่า
ทำดีด้วยหัวใจ ที่เอื้ออารี เพราะมีดีอยู่ในใจ
ทำดีเพราะความอยากได้ดี นั่นเพราะความอัปรีย์ที่มีอยู่ในใจ
ทำดีเพื่อให้ตัวกูหมดไป นั่นเพราะดีนั้นไซร้ ไม่มีอะไรยั่งยืน
พุทธะอิสระ