สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานธรรมโอวาทในวันเสด็จเยือนวัดธรรมอิสระ (อ้อน้อย)
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานธรรมโอวาทในวันเสด็จเยือนวัดธรรมอิสระ (อ้อน้อย)

 

หลังจากเขียนเรื่องหยิบมาเล่าคราวที่แล้ว

บรรดาแฟนคลับทั้งหลาย หลายคนต่างพากันเรียกร้อง

ให้หยิบเอาต้นสายปลายเหตุ แห่งการที่พุทธะอิสระต้องออกไปเป็นแกนนำ ของเวทีแจ้งวัฒนะโดยละเอียด เป็นวิทยาทานให้รับรู้กันบ้าง

เมื่อได้รับการร้องขอ จึงต้องมานั่งหวนคำนึง ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นพญาราชสีห์ แกนนำเวทีแจ้งวัฒนะ

สืบเนื่องมาจาก

การที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙ ได้เสด็จมาที่วัดอ้อน้อย ถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา แต่ก็หาได้พบกับพุทธะอิสระไม่

จวบจนกระทั่งพระองค์ต้องทรงเขียนจดหมายน้อยฝากเอาไว้กับพระว่า คราหน้าจะมาใหม่ ให้พุทธะอิสระอยู่รอพบพระองค์ให้ได้

ขอชี้แจงว่ามูลเหตุที่พุทธะอิสระ ไม่ค่อยได้อยู่วัด ด้วยเพราะชมชอบที่จะอยู่ป่า

หลังจากที่ได้รับจดหมายน้อยพุทธะอิสระจึงจำต้องอยู่รอรับเสด็จ องค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เที่ยวนี้พระองค์ทรงมีหมายนัด ว่าจะเสด็จมาพบช่วงเย็นของวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑

ทรงเสด็จมาครั้งนี้ มีหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด พระธรรมเสนานี ขณะดำรงสมณศักดิ์ขั้นเทพ มาคอยถวายการต้อนรับด้วย

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงนำเอาพระลิขิต มาทรงอ่านให้พุทธะอิสระและคณะสงฆ์ พร้อมญาติโยมฟังความว่า

 

วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑

อำนวยพรทุกท่าน ยินดีที่วันนี้ได้มาพบพระ เณร และญาติโยมวัดธรรมอิสระพร้อมกันโดยเฉพาะท่านหลวงปู่ เจ้าอาวาสวัดนี้ก็อยู่ให้พบด้วย คงเป็นโชคดีประการหนึ่ง กิตติศัพท์ท่านเจ้าอาวาสวัดนี้ดังมากและก็ดังในทางดีมากๆ จึงนับว่าเป็นบุญของพระพุทธศาสนาที่มีท่านมาช่วยสืบพระศาสนา และก็เป็นบุญของท่านทั้งหลายด้วยที่ได้มีโอกาสมาใกล้ชิดท่าน ได้เห็นปฏิปทาของท่าน ได้รับคำสอนจากท่าน เมื่อท่านเป็นบัณฑิต คือคนดี ก็เป็นบุญของท่านทั้งหลายที่ได้มาพบท่าน

สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงสอนเทวดาไว้ว่ามงคลสูงสุดข้อแรก ข้อที่หนึ่ง คือการไม่คบคนพาล คือคนไม่ดี ด้วยการคบบัณฑิตคือคนดีเหมือนหลวงปู่หนุ่มวัดนี้ เมื่อท่านทั้งหลายมีบุญมีมงคลสูงสุดได้พบท่านได้ใกล้ชิดท่านแล้ว ก็จงตั้งใจปฏิบัติตามท่านปฏิบัติและปฏิบัติตามท่านสอน อาตมาไม่เคยได้ยินท่านสอนแต่เชื่อว่าท่านต้องสอนหัวใจพระพุทธศาสนา ๓ ประการด้วยคือ ไม่ทำบาปทั้งปวง การทำบุญทำกุศลทุกๆอย่าง และทำใจให้ผ่องใส มีโลภ โกรธ หลงให้น้อยลง น้อยลงเป็นลำดับ จนวันนี้ที่ได้มีความสุขสงบมีชีวิตสว่างไสว แม้ทุกวันนี้โลกทั่วๆไปค่อนข้างวุ่น ค่อนข้างมืด ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกท่าน ที่มีแสงสว่างอยู่ข้างตัว คือ หลวงปู่ของท่าน ช่วยกันรักษาท่านไว้ด้วยวิธีที่ท่านต้องชอบใจคือทำตามท่านสอน

พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ว่า อปฺปมาทรตา โหถ ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท คือในความที่มีสติปัญญาควบคุมความประพฤติ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทุกอย่างให้เป็นกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เป็นบุญเป็นกุศล สจิตฺตมนุรกฺขถ ทั้งนี้ก็โดยที่ตรงตามรักษาจิตของตนด้วยมี สัญญา ความระมัดระวังใจ และ ทมะ ความข่มใจ ทุคฺคาอุทธรถตฺตานํ จงถอนตนให้ขึ้นจากหล่ม เหมือนดังช้างติดหล่มถอนตนขึ้นจากหล่มฉันนั้น และยังได้สั่งสอนไว้ด้วยว่า ความคุ้นเคยไว้วางใจกันเป็นญาติอย่างยิ่ง สนฺตุฏฺฐีปรมํ ธนํ ความสันโดษ ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามได้ ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังและ ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามสมควรเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง ความคุ้นเคยกันเป็นญาติอย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ดังนี้ เป็นบรมธรรม ๔ ประการ ซึ่งผู้ใดได้ฟังแล้วตั้งใจกำหนดจดจำ และยึดปฏิบัติตามสมควรจะได้ความสุขทางจิตใจ และทางกายยิ่งๆ ขึ้นไป

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น

ต่อมา ทรงมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนัก

ทรงมอบงานแรกให้พุทธะอิสระทำ คือ ให้หาประวัติพระไพรีพินาศ พระพุทธรูปประจำ รัชกาลที่ ๔ และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

๒ อาทิตย์ต่อมา ทรงมอบหมายงานที่สองให้พุทธะอิสระได้ทำ คือการเขียนหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน ในหัวข้อมหาสติปัฏฐาน ๔ เพื่อทรงพิจารณา

๒ อาทิตย์ต่อมา เมื่อนำหลักสูตรมหาสติปัฏฐาน ๔ ไปทูลถวาย ให้ทรงพิจารณาแล้ว

ทรงมีพระบัญชา ให้พาหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเข้าเฝ้า

พร้อมทรงมีพระดำริให้จัดอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ในหลักสูตรมหาสติปัฏฐาน ๔ ตามที่พุทธะอิสระ เรียบเรียงทูลถวาย

ทั้งยังทรงให้ขยายการอบรมไปยังคณะสงฆ์ทั้งภาค ๑๔ ซึ่งก็กลายเป็นภาระของพุทธะอิสระ ที่ต้องสนองงานคณะสงฆ์ พร้อมทั้งจัดหาทุนในการอบรมสิ้นเงินไป ๔ ล้านบาทเศษ

โดยทุกครั้งเมื่อจบการอบรมแล้ว จักทรงเสด็จมาเป็นประทานมอบประกาศนียบัตรแด่ภิกษุผู้ผ่านการอบรมทุกครั้ง

หลังจากทรงทดลองงานต่อพุทธะอิสระแล้ว

งานสุดท้ายที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกทรงมอบให้พุทธะอิสระได้กระทำคือ หาวิธีจัดการกับลัทธิธรรมกาย ที่ละเมิดพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง

โดยทรงมีพระบัญชาว่า ขอให้ช่วยทำให้พระธรรมวินัยและพระพุทธศาสนากลับมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่แผ่นดินไทยสืบไปตราบนานเท่านาน

เมื่อกลับมาวัดแล้วพุทธะอิสระมานั่งตรึกดูชะตาชีวิตว่าตัวเอง เห็นว่างานที่เราพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

พยายามหลบลี้หนีมาตลอด จึงต้องเข้าไปอยู่ป่าเกือบครึ่งชีวิตของความเป็นนักบวช

มาบัดนี้ เราคงยากที่จักหลบหลีกได้อีกแล้ว

ด้วยเพราะรู้ดีอยู่ในใจตนว่า หากเราต้องเข้ามาวุ่นวายในเรื่องกิจกรรมพระพุทธศาสนาและบ้านเมือง

ในที่สุดสิ่งที่เราหวาดหวั่น คือ การที่ต้องไปสู้ไปเสี่ยง และความวุ่นวาย อันตรายสารพัดก็จะตามมา

แต่วันนี้องค์สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙ ของแผ่นดิน ได้ทรงเสด็จมาขอให้ช่วยทำงานพระศาสนา ที่ยังไม่มีผู้ใด ทะลุทะลวงผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกได้มาหลายทศวรรษ จะต้องมาตกเป็นภาระของเรา

หากเราจักปฏิเสธเสีย ก็จักเป็นการอกตัญญู ไม่เคารพในพระกรุณาคุณอันประเสริฐที่ทรงไว้วางพระหฤทัยประทานให้

แต่ถ้าเราตกปากรับคำทุกสิ่งในชีวิตเรา จักต้องสูญเสียไปไม่เว้นแม้แต่ชีวิต

แต่แล้วไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ ทำให้พุทธะอิสระตกปากรับคำ ว่าจะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะจัดการกับลัทธิธรรมกาย กำจัดภัยในพระพุทธศาสนา แม้แต่จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

พุทธะอิสระ