เด็กวัยรุ่นเดี๋ยวนี้ให้ความนิยมยกย่องและให้ความสำคัญต่อสังคมข้างนอกมากกว่าสังคมในครอบครัว

จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีพ่อแม่หลายคนมาบ่นให้ฟังว่า เลี้ยงลูกเดี๋ยวนี้เลี้ยงยาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี บางคนถึงกันพาลูกมาให้ช่วยอบรมสั่งสอน ...เลยบอกเขาไปว่า

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า สัญลักษณ์ของคนดีคือความกตัญญู กตเวที รู้คุณ ตอบแทนคุณ ถ้าลูกไม่รู้บุญคุญพ่อแม่ แล้วไปรู้บุญคุณคนอื่นนั้น...ใช้ไม่ได้

ต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าหน้าที่ที่ลูกพึงมีต่อพ่อแม่คืออะไร เพราะเป็นหน้าที่พื้นฐานที่ต้องทำให้ได้ เพราะถ้าหน้าที่พื้นฐานยังทำไม่ได้ ถึงจะตะกายเข้าหาสังคมใด มันก็เป็นสังคมของคนไร้สาระ ไม่ใช่สังคมของคนที่สร้างสรรค์ผลงาน หรือสาระประโยชน์ของการมีชีวิต

ชีวิตคนจะมีค่า มันอยู่ที่ราคาของคนอื่นตี แล้วคนอื่นจะตีราคาให้ได้ ก็ต่อเมื่อคนนั้นมีค่าอะไรให้เขาเห็น

คนที่มีประโยชน์มีสาระ มีชีวิตที่ถูกต้อง มันต้องเริ่มจากสร้างค่าให้เกิดขึ้นในบ้าน แล้วนอกบ้านเขาจะยอมรับเอง แต่ถ้าไปอยู่ข้างนอกให้คนยกย่อง แต่ข้างในเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน วันหนึ่งเมื่อใครรู้เข้า ก็ไม่อยากคบ

การที่คิดแต่แคร์ความรู้สึกของคนนอกบ้าน แต่ไม่แคร์ความรู้สึกของคนในบ้าน อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นคนสมบูรณ์หรือ คนที่ทำร้ายทำลายครอบครัวของตัวเอง ไม่ให้เกียรติสถาบันครอบครัวของตนเอง คอยแต่จะเป็นมอดกัดกินเสาเรือน อย่างนี้จะถือว่าเป็นคนได้อย่างไร

เพราะฉะนั้นพ่อแม่นี่สำคัญ เป็นผู้ให้ชีวิตให้ที่ซุกหัวนอน ให้อาหารการกิน ให้เสื้อผ้าอาภรณ์ ให้ความสุขสบาย เฝ้าดูแลยามลูกป่วยเจ็บ สารพัดที่พ่อแม่จะทำให้

แล้วทำไมบางคนให้ทุกอย่างแก่เพื่อนได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ให้ชีวิตตนนั้น จะต้องตอบแทนอะไรเขาบ้าง

อยากบอกว่า ถ้าทำอะไรให้กับคนอื่นได้เป็นหมื่นเป็นแสนเรื่อง ต้องทำให้พ่อแม่เราก่อนครั้งหนึ่ง ต้องคิดว่าพ่อแม่ได้อะไรจากเราบ้าง ความภาคภูมิยินดี ความอิ่มใจ ความสุขใจ เหล่านี้เคยให้กับพ่อแม่ไหม ถ้ายัง...รีบไปทำซะ แล้วเราจะได้ไม่เสียใจเมื่อคราใดที่เราเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกเราจะได้ไม่มาทำอย่างนี้กับเรา

คนกตัญญูรู้คุณคนน่ะ ใครรู้เข้าก็ชื่อหอมขจรขจาย แม้แต่เทวดาก็ยังรักษา ทำอะไรก็เจิรญรุ่งเรือง และพรอะไรในโลกที่ว่าวิเศษ ก็ไม่เท่าพรของพ่อแม่ พรพ่อแม่นี่ดีเลิศประเสริฐพร้อม ถือว่าเป็นยอดของพรทั้งปวงแล้ว

จากบทบรรณาธิการ วารสารธรรมลีลา เล่มที่ ๖๙