ยิ่งใกล้วันถวายพระเพลิงพระบรมศพขององค์พ่อหลวง

ลูกๆ ไทยทุกคนต่างรู้สึกโศกเศร้าอาลัยต่อการจากไปของพ่อผู้เปรียบประดุจดังแสงสว่างแห่งแผ่นดิน

ซึ่งบัดนี้ได้ดับสูญเสียแล้ว ยังคงเหลือแต่เพียงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น จนก่อกำเนิดเกิดเป็นพระราชกรณียกิจกว่า ๔ พันโครงการ เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม

ลูกไทยทั้งหลายในแผ่นดินนี้ ได้พึ่งพิงอิงอาศัยพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอด ๗๐ ปี
วันนี้ใกล้เวลาที่พวกเราจักน้อมถวายพระเพลิงเผาพระสรีระสังขาร

ธ ผู้เป็นดังแสงสว่างของแผ่นดิน

ธ ผู้ทรงเป็นที่พึ่งเพื่อผ่อนคลายความทุกข์ยาก

ธ ผู้ทรงเป็นดังพระมหาโพธิสัตว์ ผู้เสด็จลงมาปัดเป่าทุกข์ภัยให้แก่ปวงสรรพสัตว์

ธ ผู้ทรงเป็นที่รักและศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน

พวกเราลูกไทย ผู้มีหัวใจกตัญญู เคารพรักและเทิดทูนในพระองค์ จึงรู้สึกโศกเศร้าอาลัยว่าพระผู้ทรงเป็นดุจดังแสงแห่งแผ่นดิน กำลังจะจากเราไปเป็นครั้งที่สอง

ทุกครั้งที่คิดถึงพระองค์ท่าน ทุกครั้งที่ได้เห็นสื่อต่างๆ นำเอาพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมาฉายให้ได้ชม น้ำตาแห่งความรัก ความอาลัย พลันก็หลั่งไหลพรั่งพรู หัวจิตหัวใจแทบหยุดเต้น ด้วยความห่วงหาอาดูร

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นความทุกข์ แต่ก็ไม่กลัวที่จะทุกข์ ด้วยเพราะเทิดทูนเคารพรักในพระองค์อย่างสุดประมาณ

แต่หากพิจารณาด้วยปัญญา เราสามารถแปรเปลี่ยนความเศร้าเสียใจอาลัยรักให้กลายเป็นพลังผลักดันให้เราก้าวเดินออกมาจากหลุมแห่งอารมณ์เศร้าโศก แล้วคิดอ่าน ลงมือทำคุณประโยชน์ให้เกิดในงานถวายพระเพลิงพระองค์ท่าน

แล้วพร้อมเพรียงกันที่จะก้าวเดินตามรอยเบื้องยุคลบาทของพระองค์ท่านไปจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่

นี่ตะหากเล่า จึงจะถือว่าเป็นการตอบแทนเทิดทูนคุณธรรมในพระองค์ท่านอย่างแท้จริง

แม้พุทธะอิสระเองก็จักไม่ยอมนอนป่วยเสียใจอาลัยรักในพระองค์อยู่เฉยๆ ต้องฝืนสังขารเดินทางมาบัญชาการที่เต็นท์หมายเลข ๙ เพื่อจักเตรียมที่จะเข้างานอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย ณ ป้อมมหากาฬ ถนนราชดำเนินในสี่แยกผ่านฟ้า

งานนี้ต้องเตรียมสถานที่ เตรียมอุปกรณ์วัตถุดิบให้พร้อมต่อการประกอบอาหารเลี้ยงแขกของพ่อที่เดินทางมาร่วมงานโดยมิให้ขาดตกบกพร่อง

งานนี้แม้จะต้องใช้ทุนทั้งชีวิต ก็พร้อมที่จะน้อมถวายเป็นราชพลี