วันอังคารที่ ๑๗ ต.ค. ๖๐ เวลา ๘.๓๐ น. คณะจิตอาสาของเต็นท์หมายเลข ๙ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑๐ ให้ได้มีโอกาสเข้ากราบพระบรมศพเป็นกรณีพิเศษ
ด้วยทรงเห็นว่าบรรดาจิตอาสาแต่ละคน แต่ละกลุ่ม แต่ละหน้าที่ ได้อุทิศกำลังกาย กำลังทรัพย์ แรงใจ เสียสละให้บริการแขกของพระองค์มาเป็นเวลาแรมปี โดยไม่มีโอกาสได้เข้าไปกราบพระบรมศพขององค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้บรรดาจิตอาสาทุกคนได้เข้ากราบพระบรมศพ แม้พุทธะอิสระเต็นท์อาหารหมายเลข ๙ เองก็ได้รับโอกาสนั้น
เมื่อถึงเวลานัดหมายโดยมหาหยกและเจ้าตั้ม ทุกคนต่างพากันเดินทางมารวมตัวกันที่เต็นท์หมายเลข ๙ ณ ป้อมมหากาฬ
ส่วนพุทธะอิสระให้รู้สึกสองจิตสองใจ ว่าจะเข้าไปในวังถวายความอาลัยดีหรือไม่ดี
ด้วยเหตุผล ๒ อย่างคือ
- ยังมีคนที่อยากเข้ากราบ แต่ยอดเต็ม จึงเข้าไปกราบไม่ได้อีกหลายคน
- ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม ไม่เอื้อต่อการเดินไกลๆ และขึ้นที่สูง เพราะจักปวดข้อเข่าอย่างมาก
แต่หลังจากทุกคนมาพร้อมกันแล้ว พอรู้ว่าพุทธะอิสระไม่ได้เข้าไปถวายความอาลัยพระบรมศพ แต่ละคนก็มีสีหน้าแววตาผิดหวัง
เราในฐานะครูบาอาจารย์ พอได้เห็นหัวจิตหัวใจของลูกหลานที่ผิดหวังห่อเหี่ยว ด้วยเพราะเราเป็นเหตุเช่นนี้ จึงรู้สึกไม่ดีไปด้วย เลยตกลงที่จักเดินทางเข้าสู่สำนักพระราชวัง
งานนี้ต้องขอขอบใจมหาหยกที่ช่วยประสานให้รถที่เรานั่งเข้าไปด้านในได้ ซึ่งก็เดินไม่ไกลนัก
ครั้นไปถึงสำนักพระราชวังปรากฏว่ามีหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และจิตอาสากลุ่มอื่นๆ รอที่จักเข้ากราบอยู่มากมาย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ราชสำนักได้กรุณาต่อพุทธะอิสระเป็นอย่างมาก ได้ให้ความสะดวกนั่งรอไม่ถึงนาทีก็ได้ขึ้นไปบนพระตำหนักที่ประทับของพระบรมศพ
เมื่อขึ้นบันไดไปแล้ว เขายังจัดให้เรากับพระชัยณรงค์ไปนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ของบรรดาองคมนตรีและราชกุลอยู่เป็นเวลาเกือบ ๕ นาที เพื่ออธิษฐานถวายความอาลัย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังมานิมนต์ให้เดินไปยืนอธิษฐานถวายความอาลัยที่ใกล้ข้างพระบรมโกศอีกประมาณร่วม ๒ นาที เจ้าหน้าที่จึงมานิมนต์ให้กลับออกมาจากพระตำหนัก
สบายใจแล้ว โล่งใจแล้ว ปลื้มใจแล้ว เกิดธรรมสังเวชขึ้นแล้ว ที่ได้เห็นพระบรมโกศขององค์พ่อหลวงอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาตั้งหลายนาที
ขอเผื่อแผ่แบ่งปันความโล่งโปร่งเบาสบาย และธรรมสังเวชครั้งนี้ให้แก่ลูกหลานทุกๆ คน ให้ได้ร่วมรับรู้อนุโมทนา
เราจักมีภารกิจหลักอันหนักอึ้ง ที่จักต้องช่วยกันประกอบอาหารพระราชทาน เลี้ยงแก่แขกของพ่ออีกจำนวนเรือนแสน
จึงใคร่ขอให้บรรดาลูกหลานทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วม ในการผลิตอาหารพระราชทานเลี้ยงแขกของพ่อในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป จักได้ภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็มีส่วนร่วมในงานของพ่อแห่งแผ่นดินเช่นกัน
พุทธะอิสระ