เรามาเบรกอารมณ์ที่วุ่นวาย มารับข่าวสารที่สร้างอารมณ์กุศลกันดีกว่า
ช่วงต้นพรรษาได้เดินทางไปเชียงใหม่ ที่อำเภอแม่วาง ต.แม่วิน
เพื่อไปทำพิธียกเสาเอกโรงนอนเด็กนักเรียนชาวเขาสูง ๒ ชั้น กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร
จนถึงวันนี้ ช่างเขาได้รายงานการดำเนินงานมาเป็นระยะๆ
สรุปโดยในพื้นที่มีฝนตกหนาแน่น เป็นช่วงๆ งานก่อสร้างวางรากฐานตัวอาคารคอนกรีตก็เลยไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่
แต่พวกชาวบ้านผู้ปกครองเด็กนักเรียนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่มีการเทปูน ผูกเหล็ก หรือโกยดิน
งานที่จำเป็นต้องใช้แรงคนจำนวนมาก หัวหน้าช่างก็จะบอกกล่าวขอแรงชาวบ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นชาวเขา พวกเขาก็จะพากันยกขบวนกันมาช่วยกันอย่างเต็มที่
ท่าน ผอ.โรงเรียนและคณะครูก็ดีใจหาย วันใดที่พวกชาวบ้านมาช่วยงาน ทางโรงเรียนก็จักเตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ให้คนช่วยงานได้กินกันทั่วหน้า
ฉันได้สั่งให้หัวหน้าช่างถ่ายรูปผลงานในแต่ละช่วงมาให้ดู โดยละเอียด เพื่อประเมินผลงานเพื่อได้เทียบกับเงินที่จะต้องจ่ายว่าเหมาะสมกันหรือไม่
ดูผลงานแล้วยังไม่เป็นที่พอใจนัก ด้วยเพราะตั้งใจไว้แต่แรกว่าอยากให้อาคารโรงนอนหลังนี้เสร็จทันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง
แต่ดูผลงานที่ส่งมาแล้วเห็นทีคงจะเสร็จไม่ทัน ด้วยเพราะอุปสรรคอันเกิดจากฝนฟ้าที่ห้ามไม่ได้
จึงต้องทำใจ แต่ก็ได้กำชับต่อหัวหน้าช่างเป็นระยะๆ ว่างานต้องออกมาดี สมบูรณ์ คงทน แข็งแรง
อาคารหลังนี้วางแผนเอาไว้ว่า ทั้งชั้นล่างชั้นบน จักสามารถบรรจุเด็กนักเรียนที่เข้ามาใช้นอนได้ประมาณ ๒๐๐ คน
เพราะเรามีเตียงนอนเหล็ก ๒ ชั้น และทำเครื่องนอนชุดใหม่ เช่น ฟูกนอน ผ้าปูที่นอน ปอกหมอน หมอน ผ้าห่ม ขันน้ำ สบู่ ยาสีฟัน และที่ซักรีด รวมห้องน้ำห้องส้วมอีก ๑๘ ห้อง
วางแผนเอาไว้ว่า เด็กๆ ทุกคนที่เข้ามาใช้บริการอาคารนอนหลังนี้ เข้ามาแต่ตัวกับเสื้อผ้า นอกนั้นเราจะช่วยจัดหาให้ตามความจำเป็นที่เด็กๆ จะต้องใช้
ถามว่าทำไมต้องทำให้ขนาดนี้
หากพวกคุณได้ไปดู เดินทางเข้าไปสัมผัสสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนชนเผ่าพวกนี้ แล้วจักรู้ว่า โรงนอนหลังเก่ามีสภาพและกลิ่นไม่ต่างอะไรกับศูนย์อพยพของพวกที่หนีเข้าเมือง อยู่กันอย่างแออัด สภาพอาคารก็เก่าคร่ำคร่า อับทึบ หมักหมมไปด้วยกลิ่นสาปมนุษย์
ขนาดฉันเดินเข้าไปตรวจดูแต่ละอาคารแค่ไม่ถึงชั่วโมงยังรู้สึกอึดอัด แล้วเด็กๆ พวกนี้ทั้ง ๓๐๐ กว่าคนที่ต้องเข้าไปนอนเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ในห้องที่อับทึบเช่นนี้ทั้งคืน รุ่งเช้าสมองพวกเขาจักมึนงงขนาดไหน
หันไปถามครู ครูตอบว่าเด็กๆ คงจะชินกับสภาพนี้แล้วล่ะครับ
ถามเขาว่าแล้วแต่ละคนต้องนอนในห้องที่แออัดเช่นนี้กันคนละกี่วันกี่ปี
ครูตอบว่า แต่ละคนจักนอนอยู่ในห้องเหล่านี้ประมาณ ๓ ถึง ๔ ปี แล้วแต่ว่าเขาเข้ามาโรงเรียนตอนอายุเท่าไหร่ เรียนอยู่ชั้นอะไรเพราะเรามีการแยกเด็กเล็ก เด็กโต
แต่ถ้าได้โรงนอนหลังใหม่ที่หลวงปู่สร้างให้ คงให้นอนคละกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง จักได้ช่วยดูแลกันและกันได้ เพื่อลดภาระของครู
พอได้ฟังเช่นนี้ยิ่งคิดว่า อาคารโรงนอนหลังใหม่ที่กำลังสร้างนี้ จักต้องเร่งรีบทำให้แล้วเสร็จโดยไว เพื่อบรรเทาความแออัดทรมานของเด็กๆ ที่เข้ามาอาศัยนอน
วันนี้เลยหยิบมาเล่าบอกกล่าวความคืบหน้า ของการสร้างอาคารโรงนอน ๒ ชั้น ที่สามารถจุคนได้ประมาณ ๒๐๐ คน พร้อมห้องน้ำห้องห้องส้วมอีก ๑๘ ห้อง มาให้ท่านทั้งหลายที่ช่วยบริจาคเงินเข้ามาช่วยสร้างได้รับทราบ
พุทธะอิสระ