การแสดงธรรมประจำวันอาทิตย์นี้มีผู้ตั้งคำถามว่า
ควรทำอย่างไรกับผู้ที่เข้ามาโพสต์ด่าในเฟซบุ๊ก
ฉันตอบว่า ผู้ที่เรียนวิถีจิตจักต้องทำความเข้าใจให้แจ่มชัดว่า
จิตของผู้ที่เข้ามาด่าล้วนประกอบไปด้วยอารมณ์โทสะ ความโกรธ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนว่า
โทสะ ความโกรธ คือไฟ เป็นของร้อน เปรียบประดุจไฟไหม้ฟาง
โมหะ ความหลง คือไฟ เป็นดุจดังไฟสุมขอน
โลภะ ความโลภ คือไฟ เปรียบประดุจดังไฟที่เผาลนให้ทุรนทุรายอยู่ตลอดเวลา
บุคคลผู้ใดมีไฟทั้ง ๓ กอง หรือกองใดกองหนึ่งเผาลนจิต เขาย่อมทุรนทุรายเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ในอิริยาบททั้ง ๔
ไม่ต่างอะไรกับการถูกจองจำ ติดคุกแห่งอารมณ์
ซึ่งก็ไม่มีตุลาการศาลที่ไหนตัดสิน พิพากษา ลงทัณฑ์ จองจำ
ตัวเองทั้งนั้น ที่เป็นผู้ลงทัณฑ์จองจำตนเอง
หาได้มีผู้ใดพิพากษา ตัดสิน ลงทัณฑ์ จองจำด้วยไม่
นักโทษผู้ต้องคำพิพากษาจากตุลาการศาลให้ติดคุกจองจำ ๕ ปี ๑๐ ปี หรือตลอดชีวิต ก็ยังมีโอกาสพ้นโทษออกจากคุก
แต่ผู้ที่จองจำตนเองเอาไว้ในคุกแห่งอารมณ์ ไม่รู้จะต้องใช้เวลากี่ภพกี่ชาติ จึงจะมีปัญญาปลดปล่อยตนเองออกมา
เช่นนี้ผู้ที่เข้ามาโพสต์ด่าควรจักต้องเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนาเสียมากกว่า
แค่ถ้าเขาเข้ามาใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หากเราอธิบายได้ก็ช่วยอธิบาย
ส่วนเขาจักฟังหรือไม่ ก็สุดแต่สติปัญญา
ถ้าเห็นว่ายังดื้อรั้นดันทุรัง ปล่อยไว้จักเป็นเหตุให้เสียหาย
เช่นนั้นก็ควรนำเรื่องขึ้นสู่ศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง
ผู้ดื้อรั้นนั้นจักได้รู้สึกหลาบจำ ไม่ไปใส่ร้ายใครได้อีก
สำหรับพวกที่ทำดีก็ด่า ทำไม่ดีก็ด่า แม้แต่แสดงธรรมเขาก็ด่า
คนพวกนี้คงต้องปล่อยไปตามวิบากกรรม ถ้าพวกเขาชอบที่จะขังตัวเองเอาไว้ในคุกแห่งอารมณ์ ถือว่าเป็นเวรกรรมของเขา
พุทธะอิสระ