วันนี้วันอังคารที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ครบ ๓๐๐ วันที่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย จากพวกเราไป
แม้กาลเวลาจักล่วงเลยมาได้ ๓๐๐ วัน
แต่ทุกครั้งเมื่อได้เห็นภาพข่าวพระราชกรณียกิจที่พระผู้เป็นกำลังของแผ่นดิน ได้ทรงกระทำให้แก่แผ่นดินไทย คนไทย ในแต่ละโครงการแล้ว
ภาพเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงงานอย่างหนักเพื่อคนไทย ก็ผุดขึ้นมาในใจ

ยิ่งคิดยิ่งรำลึก น้ำตาแห่งความจงรัก เทิดทูล ก็จะหลั่งไหลออกมาโดยไม่อาย
แม้จักรู้อยู่เต็มอกว่า การมีอุปาทานในขันธ์ทั้ง ๕ นั่นเป็นทุกข์
การพลัดพรากจากของรักของเจริญใจ นั่นก็เป็นทุกข์
แต่ถ้าเทียบกับพระราชภาระ พระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงแบก ทรงกระทำตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ เพื่อคนไทย ลูกไทยแล้ว ช่างเทียบไม่ได้เลย
จักให้ลูกไทย หลานไทย ผู้ที่ไม่ลืมรากเง้า ผู้มีหัวใจกตัญญูรู้คุณ ไม่อาลัยรักเคารพเทิดทูลในพระคุณธรรมของพระองค์ คงจะใจจืดเกินไป
เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำไว้ให้แก่แผ่นดินนี้ คงจะหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้อีกแล้ว
พระองค์หาได้ทรงมีพระคุณธรรมอันเป็นที่พึ่งเฉพาะลำพังพระองค์ไม่
พระคุณธรรมในพระองค์ยังเปี่ยมล้น จนกลายเป็นที่พึ่งพาแก่มหาชนคนและสรรพสัตว์อย่างหาที่สุดประมาณมิได้ ดังที่คนไทยทุกคนได้สัมผัสมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
คงไม่มีอีกแล้วที่แผ่นดินไทย จักมีพระมหากษัตริย์ผู้สง่างาม องอาจในพระคุณธรรม ผู้ทรงรังสรรค์แต่พระคุณประโยชน์เพื่อพสกนิกรของพระองค์ เฉกเช่นพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๙
พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่ล้ำค่าหาได้ยากในโลก
ทรงอุบัติ บังเกิดมาก็เพื่อปวงชนชาวไทยและแผ่นดินไทยโดยแท้
ทรงเป็นพระธรรมิกราช ที่คู่ควรแก่การสักการบูชาอย่างยิ่ง
ทรงเป็นเอกบุรุษผู้เพียบพร้อมไปด้วยพระคุณธรรมอันเป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
ทรงเป็นลูกที่ยอดกตัญญูต่อพระราชบิดา พระราชมารดา
ทรงมีพระราชจริยวัตร ที่สง่างาม สมเป็นต้นแบบของปวงชนชาวไทย
ทรงเป็นพุทธมามกะที่ทรงศีล ทรงธรรม ตามขัตติยะสถานะ เสมอต้นเสมอปลาย
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่คนทั่วโลกน้อมถวายอาเศียรวาทด้วยกายและใจ
ทรงเป็นพระประมุขของแผ่นดินที่คนไทยทุกคนภาคภูมิใจ
ทรงเป็นที่รักเทิดทูลของคนทุกหมู่เหล่า
ด้วยพระคุณธรรม คุณสมบัติจึงทรงทำคุณประโยชน์อย่างมากมายจนสุดประมาณ
พวกเราลูกไทยหลานไทยจึงไม่รู้สึกอายเลยที่น้ำตาจะไหลด้วยความอาลัยรักเทิดทูล บูชา
สมดังพระพุทธภาษิต ที่ว่า
ปูชา จะปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การบูชาบุคคลที่ควรบูชา นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
วันนี้ครบ ๓๐๐ วัน ที่ทรงเสด็จจากลูกไทยไปอย่างไม่มีวันกลับพวกเราจึงพากันมาสวดมาติกาถวายผ้าบังสุกุลเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง
ณ หน้าอาคารสิริราช ๑๐๐ ปี ในเวลาบ่ายโมงตรง
ขออนุโมทนา ในคุณธรรมความกตัญญูกตเวที ที่มีในท่านทั้งหลาย
การถวายมาติกาบังสุกุลในครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีงานออกพระเมรุในเดือนตุลาคม
เงินที่พวกท่านถวายในงานนี้ได้จำนวน ๑๕๔,๘๕๐ บาท ฉันได้สั่งให้มูลนิธิธรรมอิสระนำไปบริจาคให้มูลนิธิศิริราชพยาบาล เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร84พรรษา และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์สืบไป
พุทธะอิสระ