ที่มา: เฟสบุ๊ค "หลวงปู่พุทธะอิสระ"

ออกจากที่พักที่ชุมพรตั้งแต่ ๗ โมงเช้า เดินทางมุ่งสู่ จ.สุราษธานี อ.พุนพิน ต.ภูเขาหัวควาย ซึ่งมีเจ้าเอ็ดเป็นพลขับ

มาถึง อ.พุนพินก็ได้เวลาเพลพอดี ฉันเลยสั่งให้เจ้าเอ็ดแวะปั๊มหาอาหารเพลฉันก่อน เดี๋ยวจะเลยเวลาเพล เพราะช่วงบ่ายจะต้องไปลุยน้ำแจกของอีกยาวนาน หากมื้อเพลยังอดอาหารอีก เห็นทีว่าคงจะไม่มีแรงลุยน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดแน่

เจ้าเอ็ดจึงเลี้ยวรถแวะปั๊มปตท. ซึ่งมีสิงฆ์ดำและเมียรออยู่แล้วเพื่อจะคอยนำทาง ใช้เวลาฉันเพลประมาณ ๑๕ นาที ฉันและคณะจึงออกเดินทางมุ่งสู่ ต.เขาหัวควาย

พอมาถึงทางเข้าสู่ ต.เขาหัวควาย กำนันเล็กและ ส.ส.เชน เทือกสุบรรณ และผู้ติดตาม มารอรับอยู่ปากทางเข้า ขบวนรถมาถึงจุดที่จะต้องลงเรือและมีชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมประมาณ ๒๐ ครัวเรือนนั่งเรืออพยพข้ามฝั่งมาอยู่ชายเขา ซึ่งเป็นที่ดอน

เมื่อ ส.ส.เชน เทือกสุบรรณเห็นว่าเรือยังไม่มา จึงเสนอแผนว่าขบวนเราควรจะนำรถเคลื่อนไปอีกด้านหนึ่งของเขาหัวควาย เผื่อว่ารถอาจจะเข้าไปถึงท่าเรือได้มากขึ้น

เมื่อคนพื้นที่แนะนำเช่นนั้นฉันจึงสั่งให้เตรียมเคลื่อนขบวน

พอขบวนมาถึงปรากฏว่าน้ำยังท่วมถนนอยู่ และได้พบกับผู้ใหญ่บ้านหนองหอย และโต๊ะอิหม่าม มัสยิดหนองหอย

กำนันเล็ก และ ส.ส.เชน จึงประสานสอบถามพูดคุยว่าถนนสามารถนำรถเข้าไปได้ไหม หรือจะต้องใช้เรือท้องแบนที่ผู้ว่าส่งมา ๔ ลำ

ผู้ใหญ่บ้านและโต๊ะอิหม่ามแจ้งว่า เรือคงจะไม่สามารถวิ่งบนถนนที่มีน้ำท่วมได้ตลอดทาง เพราะน้ำเริ่มลดเป็นช่วงๆ แต่ถ้ารถที่มีล้อสูงก็อาจจะวิ่งเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจ ฉันจึงชี้ให้เขาดูรถแวนปาเจโร่ ๔ ประตูของเจ้าเอ็ด ว่ารถคันนี้สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้หรือไม่

ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่าน่าจะได้นะครับ ยกเว้นบางช่วงอาจจะต้องเสี่ยงเอาหน่อย เพราะเป็นเดือนมาแล้วยังไม่เคยมีรถ ๔ ประตูเข้าไปในพื้นที่เลย ฉันหันไปมองหน้าเจ้าเอ็ดแล้วถามว่า พร้อมลุยไหม เจ้าเอ็ดบอกผมว่า พร้อมครับ ลุยเพื่อชาติ

เมื่อทุกคนตกลงฉันจึงบอกให้กำนันเล็กและ ส.ส.เชน นำทางโดยมีรถบรรทุกเรือ ๔ ลำเป็นผู้เบิกทาง ถนนบางช่วงมีน้ำท่วมไหลผ่านเชี่ยวกราด บางช่วงก็มีน้ำท่วมขังสูงเท่าเข่า โชคดีที่มีรถบรรทุกเรือนำทาง ไม่เช่นนั้นน้ำคงได้เข้ารถเจ้าเอ็ดแน่

รถวิ่งอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยน้ำสูงแค่เข่าเกือบตลอดสายเป็นระยะทางร่วมสิบกิโล ฉันมองดูสีหน้าเจ้าของรถเห็นหน้ามันเริ่มแสดงความกังวล ฉันจึงพูดแซว่า เอ็ดเอ๋ย มึงไม่ต้องกังวลดอก อย่างน้อยก็มีเรือบรรทุกอยู่บนรถวิ่งนำหน้ามึงอยู่ถึง ๔ ลำ เห็นท่าไปไม่รอด อย่างดีก็แค่ทิ้งรถ ลุยน้ำขึ้นเรือ ง่ายจะตายไป ไม่เห็นต้องกังวลอะไร ส่วนรถมึงก็ซื้อมันมาใช้ ไม่ใช่ให้มันมาใช้มึง เข้าใจหรือยัง

เจ้าเอ็ดหันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มพร้อมตอบว่า เข้าใจแล้วครับ ฉันจึงบอกกับเจ้าเอ็ดว่า อย่าให้เครื่องดับก็แล้วกัน หากเครื่องดับ น้ำได้เข้ารถแน่มึง

รถวิ่งลุยน้ำมาได้ซักสิบกิโลกว่าก็ถึงหมู่บ้านพี่น้องมุสลิม ที่แต่ละหลังล้วนถูกน้ำท่วม นี่ขนาดน้ำลดลงไปร่วม ๒ เมตรแล้ว ก็ยังสูงถึงเอวกับเข่า สังเกตดูบางบ้านก็อยู่อาศัยไม่ได้เลย ต้องต่อแพชั่วคราวอยู่ บางบ้านก็ต้องทำนั่งร้านอยู่บนขื่อบ้านเพื่ออาศัยหลับนอน

ขบวนรถมาหยุดอยู่ที่หน้ามัสยิดหนองหอย โดยมีโต๊ะอิหม่ามที่นั่งมาบนเรือที่บรรทุกอยู่บนรถลงมาลุยน้ำ ตามด้วยกำนันเล็ก ฉันจึงลงจากรถลุยน้ำมาที่หน้ามัสยิด โต๊ะอิหม่ามประกาศเรียกชาวบ้านให้ออกมารับแจกของ เห็นชาวบ้านต่างทยอยพายเรือมารวมตัวในบริเวณมัสยิดกันเป็นแถว

ฉันเดินลุยน้ำพบปะพูดคุยกับชาวบ้าน สอบถามสารทุกข์สุขดิบ จึงได้รู้ว่า น้ำลดไป ๒ เมตรกว่าแล้ว และท่วมเช่นนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ ๓ ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึกน้องน้ำอยู่กับเรานานที่สุด คือท่วมมาเกือบเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะแห้ง

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เพราะเพลีย ดึกแล้วด้วย พรุ่งนี้จะเขียนมาเล่าใหม่

พุทธะอิสระ