บ่ายวันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ขณะที่อยู่เต็นท์หมายเลข ๙ ณ ท้องสนามหลวง

เจ้าตั๊มมาปรึกษาฉันว่า เห็นหลวงปู่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงมหาทาน ซึ่งแต่ละวันจะต้องใช้จ่ายเงินเป็นหลักแสนขึ้น จึงใคร่จะขออนุญาตทำหนังสือขอความอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทห้างร้านเอกชนที่ร่ำรวย และมีงบทำสาธารณกุศลของ ซึ่งแต่ละหน่วยงานแต่ละบริษัทมีงบบริจาคเพื่อสาธารณกุศลอยู่แล้วอย่างมากมาย จึงอยากให้ฉันให้ความเห็นชอบในการของบเหล่านี้มาสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายของเต็นท์หมายเลข ๙ เพื่อแบ่งเบาภาระที่ฉันต้องรับผิดชอบและแบกอยู่

ฉันจึงบอกกับเจ้าตั้มไปว่า ขณะที่กูรับผิดชอบเวทีแจ้งวัฒนะ ต้องมีค้าใช้จ่ายวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๑-๒ ล้านบาท เป็นระยะเวลา ๔ เดือนกับ ๙ วัน กูยังไม่เคยทำหนังสือขอทุนจากใครเลยก็ยังอยู่รอดมาได้ และนี่งานของพ่อพึ่งจะผ่านมาได้ ๖๔ วัน ใช้เงินไปวันละ ๑-๒ แสนบาท ทำไมจะต้องไปขอความอนุเคราะห์จากคนอื่นให้เสียสัจจะและอธิษฐานธรรมที่เขียนติดไว้หน้าเต็นท์ ว่าที่นี่ไม่รับบริจาค

แม้กระนั้นก็มีผู้คนพยายามนำเงินมาบริจาคให้บ่อยครั้ง ฉันก็จะบอกว่า ขอให้ช่วยไปซื้ออุปกรณ์วัตถุดิบในการประกอบอาหารมาให้ก็แล้วกัน อีกทั้งก็ไม่อยากให้ใครนำงานของพ่อไปใช้เป็นเครื่องมือหากินโดยผู้ไม่หวังดี

และขอประกาศไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า หากมีใครไปขอรับบริจาคเงินทองจากท่านทั้งหลาย เพื่อนำมาใช้จ่ายในเต็นท์หมายเลข ๙ นั่นแสดงว่าคนผู้นั้นกำลังทำผิดข้ออ้างของเต็นท์หมายเลข ๙

ขอบอกพี่น้องประชาชนคนของพ่อทุกคน ที่มีใจห่วงใยต่อภาระของพุทธะอิสระที่แบกรับไว้ในการตั้งโรงมหาทานครั้งนี้ โปรดกรุณาอย่าเป็นห่วง พุทธะอิสระยังสามารถแบกรับภาระอยู่ได้ และถ้าประชาชนคนของพ่อท่านใดมีจิตจะช่วยเหลือตามอัธยาศัย ก็ขอเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารและภาชนะที่ใส่อาหารก็แล้วกัน หรือไม่ก็ติดต่อสอบถามเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือไปที่มูลนิธิธรรมอิสระ วัดอ้อน้อย (โทร. ๐๘๑-๖๔๙๓๑๕๕)

ขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใย

พุทธะอิสระ