ที่มา: https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154719880683446

เช้าวันที่ ๕ ธันวาคมที่วัดอ้อน้อย คณะสงฆ์ทั้งร้อยกว่ารูปได้ทำการออกบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อนำมาจัดทำประกอบเลี้ยงพระเณรและญาติโยม

พอสายหน่อยหลังที่พุทธะอิสระบิณฑบาตเรียบร้อยแล้ว ก็ลงศาลาแสดงธรรม

มีพี่น้องประชาชนพากันมาสมาทานศีล ใส่บาตรฟังธรรม และร่วมแจกมหาทานแก่ครอบครัวยากจน ๑,๐๐๐ ครอบครัว

ทั้งยังมีคณะทันตแพทย์ของสโมสรไลออนส์ นิมิตใหม่ประมาณร่วม ๓๐ คน มาออกหน่วยตรวจสุขภาพฟันของพี่น้องประชาชนที่มาวัดอ้อน้อยประจำเกือบทุกปี

บ่ายๆ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยก็จะรับหน้าที่เป็นประธานแจกมหาทาน และนิมนต์คณะสงฆ์มาสวดมาติกาบังสุกุลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล

หากวันนี้พ่อยังอยู่ บ่ายๆ พุทธะอิสระก็จะลงศาลาแสดงธรรมและสอนกรรมฐาน พอ ๖ โมงเย็น พวกเราก็จะรวมตัวกันหน้าแท่นบูชาเพื่อเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล

ประธานในพิธีก็จะอ่านอาเศียรวาทราชสดุดี แล้วจุดเทียนชัยถวายพระพร พุทธะอิสระจะทำหน้าที่เป็นประธานฝ่ายสงฆ์เป็นประธานจุดเทียนชัยยื่นให้ประธานฝ่ายฆราวาสต่อเทียนส่งกันจนทั่วทุกคน คณะสงฆ์ก็จักเจริญชัยมงคลคาถา ชาวบ้านก็ร้องเพลงสดุดีมหาราชาและจบด้วยเพลงสรรเสริญพระบารมี ประธานมูลนิธิธรรมอิสระก็จะจุดพลุเฉลิมพระเกียรติตามจำนวนพระชนมายุของพ่อหลวง

แต่ปีนี้ช่างน่าใจหายนัก มูลนิธิธรรมอิสระไม่มีเสียงพลุอีกแล้ว วัดอ้อน้อยไม่ได้ยินเสียงพระเณรและลูกไทยหลานไทยมาร่วมใจกันสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลอีกแล้ว วัดอ้อน้อยไม่ได้ยินเสียงประธานในพิธีมาอ่านคำสรรเสริญพระบารมีอีกแล้ว

ซึ่งทุกปีเราคนไทยทุกถิ่นที่จักได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างกึกก้อง แสงเทียนแห่งความสุขความยินดี ความเฉลิมฉลองสว่างไสวไปทั่วทุกถิ่นที่ในแผ่นดินไทย ไม่เว้นแม้แต่ในอาวาสวัดอ้อน้อย

แต่มาครั้งนี้ทุกอย่างสงบเงียบเชียบหยุดนิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ท้องสนามหลวงที่เคยเป็นศูนย์รวมรัชพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรก็หาได้มีไม่
บ่ายวันที่ ๕ ธันวาคมนี้ ฉันเดินทางมาที่เต็นท์หมายเลข ๙ ณ ท้องสนามหลวง ด้วยหัวใจคิดห่วงใยพี่น้องไทยที่หวังมาร่วมจุดเทียนถวายความอาลัยต่อองค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง

แต่อนิจจา วันนี้สนามหลวงไม่มีแสงเทียนแล้ว

วันนี้สนามหลวงไม่มีเสียงอ่านคำอาเศียรวาทแล้ว

วันนี้ที่สนามหลวงไม่มีเสียงเพลงสดุดีมหาราชาแล้ว

วันนี้ที่ท้องสนามหลวงไม่ได้เห็นสีหน้าและแววตาของลูกไทยที่ฉายแววปลื้มปิติสุขกับการได้แสดงความจงรักภักดีแล้ว

ฉันนั่งปรารถอยู่กับท่านผู้พิพากษาพร้อมคิดว่าทำไมรัฐบาล กทม. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจึงได้หลงลืมหรือละเลย ไม่ระลึกถึงความรักความผูกพัน ความรู้สึกเทิดทูนกตัญญูของประชาชน ฉันนั่งบ่นนั่งพูดคุยกับท่านผู้พิพากษาแล้วทำให้รู้สึกอึดอัดมาก

จึงสั่งให้เจ้าตั้มโทรไปแจ้งต่อกทม.ว่า พุทธะอิสระจะนำพาลูกหลานประชาชนคนของพ่อ รวมตัวกันจุดเทียนถวายความอาลัยและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีหน้าเต็นท์พื้นที่ที่ฉันรับผิดชอบ กทม.มีความเห็นควรหรือไม่

ครู่หนึ่งต่อมา เจ้าตั้มรายงานว่า พ.อ.ธาดาพงษ์ บุญสัตย์ ได้เรียนปรึกษากับเจ้านายแล้วไม่ขัดข้อง แต่ก็ขอไปปรึกษากับทหารผู้ดูแลความปลอดภัยก่อน

ฉันจึงสั่งให้เจ้าตั้มให้รีบเดินทางไปเจรจากับกทม.และทหารด้วยตนเอง พร้อมบอกกำหนดการด้วยว่า พวกเราจักรวมตัวกันจุดเทียนถวายความอาลัยตอน ๑ ทุ่ม หรือหลังจากเสร็จพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในพระบรมมหาราชวัง และน้อมส่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ เสร็จสิ้นแล้ว พิธีจุดเทียนถวายความอาลัยจึงจะเริ่ม
เมื่อเจ้าตั้มกลับมารายงานว่า ทั้งกทม.และทหารไม่ขัดข้อง ทั้งยังสนับสนุนด้วยการให้กองอำนวยการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีให้พวกเราได้เปล่งเสียงร้องด้วยความรู้สึกซาบซึ้งต่อพระมหากรุณาธิคุณของพ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐอีกด้วย

เมื่อได้ยินการบอกเล่าว่า กทม.และทหารผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อนุญาตแล้ว ฉันจึงสั่งให้เจ้าหมูรีบไปหาซื้อเทียนขาวมาสองพันเล่ม แต่พอแจกไปแล้วก็ยังไม่เพียงพอจึงให้ไปหาซื้อมาอีก ๒ พันเล่ม แต่ก็ยังไม่พอ เจ้าเมฆจึงเดินตระเวนไปขอตามเต็นท์ต่างๆ มาได้อีกประมาณ ๕๐๐ เล่ม เพื่อแจกให้พี่น้องประชาชนที่มารวมใจแสดงความรักความอาลัยต่อองค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมฉันจึงได้เดินออกไปรอคอยที่ลานด้านหน้าพระบรมมหาราชวัง พอถึงเวลาอันสมควรเราจึงเริ่มจุดเทียนถวายความอาลัย น้อมถวายพระราชกุศล และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมยืนสงบนิ่งเจริญสติ

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจึงนำล็อกเก็ตพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ที่ฉายพระรูปร่วมกับเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช กว่าจะแจกเสร็จก็ปาเข้าไป ๓ ทุ่มครึ่ง

เป็นอันว่างานนี้หากพุทธะอิสระไม่รู้สึกอึดอัดและอาลัยรักต่อพ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งแล้ว อีกทั้งก็มีพี่น้องประชาชนที่พากันมาท้องสนามหลวงเพื่อมุ่งหวังจะจุดเทียนถวายความอาลัยรำลึกถึงพ่อ

เมื่อทุกคนรอคอยแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีกำหนดการจุดเทียนถวายความอาลัย พุทธะอิสระจึงอาสาเป็นผู้นำพร้อมจัดหาเทียนขาวแจกจ่ายแก่ทุกคน

วันที่ ๕ ธันวามหาราช และพิธีจุดเทียนถวายพระพรคงจะเลือนหายไปจากท้องสนามหลวงในปี ๒๕๕๙ นี้เป็นแน่

พุทธะอิสระอยากวิงวอนขอร้องรัฐบาลและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องว่า อย่าหลงลืมปล่อยปละให้วันที่ ๕ ธันวามหาราชหายไปจากท้องสนามหลวงเลย

เพราะมันจะกลายเป็นการไม่อาทรดูดายหัวจิตหัวใจของประชาชนที่มีความรักความผูกพันต่อองค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งจนเกินไป พ่อเพิ่งจะจากพวกเราไปแค่ ๕๕ วันเท่านั้น กิจกรรมที่ท้องสนามหลวงที่เกี่ยวกับวันที่ ๕ ธันวามหาราชก็เลือนหายไปแล้ว

ขอร้องล่ะ อย่าหลงลืมความรู้สึกของประชาชนที่มีความจงรักภักดีต่อองค์พ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งเลย รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องควรหาวิธีรักษาความงดงามของวันที่ ๕ ธันวามหาราชให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบต่อไป

พุทธะอิสระ