แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154713446168446

อยู่ท้องสนามหลวงมา ๕๒ วัน

ทำอาหารเลี้ยงประชาชนคนของพ่อมาตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม จนถึงวันนี้ ๔ ธันวาคม ได้พบเห็นประชาชน ผู้คนหลากหลายอารมณ์ หลากหลายพฤติกรรมความประพฤติ

หลายคนก็ช่างดีแสนดี มีน้ำใจ เป็นผู้ให้โดยมิต้องการสิ่งใดตอบแทน

หลายคนมาให้เพราะอยากได้เซลฟี่ไปอวดเพื่อนๆ

หลายคนเข้ามาท้องสนามหลวงแล้วเข้ามาเกาะผู้ที่ให้เพื่อจะถ่ายเซลฟี่ สร้างภาพว่าตนเป็นผู้นำของมาแจก แล้วเดินทางกลับ ทั้งที่ไม่ได้นำอะไรมาให้เลยแม้แต่อย่างเดียว

หลายคนเอาของมาแจกโดยไม่พูดซักคำ มีแต่รอยยิ้ม ให้เสร็จแล้วของหมดจบ เดินทางกลับบ้าน

หลายคนไม่มีของให้ มีแต่แรงกายพร้อมกับนำถุงพลาสติกมาจากบ้านเพื่อมาเดินช่วยเก็บขยะที่ประชาชนทิ้งเอาไว้

หลายคนเข้าไปตามเต็นท์ต่างๆ เพื่อช่วยเป็นแรงงานสารพัดในการทำจิตอาสา

หลายคนหิ้วหอบข้าวของวัตถุดิบมามอบให้เพื่อใช้ปรุงอาหาร แล้วถ่ายรูปไปบอกเพื่อนว่าเงินที่ช่วยบริจาคมานั้น บัดนี้นำไปซื้อวัตถุดิบมามอบให้เรียบร้อยแล้ว

หลายคนนำเอาวัตถุดิบมาแอบวางให้ไว้เฉยๆ โดยไม่บอกกล่าว มีแค่เขียนข้อความว่าถวายเพื่อใช้ปรุงอาหาร

หลายคนทำตัวเป็นผู้ให้ด้วยการมาช่วยหยิบเอาข้าวเอาน้ำที่ปรุงสำเร็จแล้วภายในเต็นท์ไปช่วยเดินแจก

และยังมีผู้ให้อีกร้อยพันรูปแบบที่ปรากฏในงานพระบรมศพของพ่อ ณ ท้องสนามหลวง

แต่ไม่ว่าจะให้แบบไหน ก็ชื่อว่า “เป็นผู้ได้ให้”

ส่วนจะให้ได้สมบูรณ์พร้อมกายใจหรือไม่ก็สุดแท้แต่จะปัจเจกชน
สำหรับฉันแล้วถือว่าพวก “ยื่นมือที่คว่ำออกไป เพื่อจะให้แก่ผู้ที่หงายมือยื่นออกมารับ”

สิ่งที่ผู้ให้ได้รับคือความอิ่มอกอิ่มใจ โล่งโปร่งสบายที่ได้ให้ ไม่ต้องเป็นภาระในการมาคอยมาแบกคอยหาม หรือนั่งเฝ้าเป็นปู่โสมเฝ้าขยะ แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข

ส่วนมือผู้ให้จะหยิบฉวยเอาอะไรติดปลายนิ้วมาบ้างหรือไม่ก็ยากที่จะคาดเดา สุดแต่ใจของแต่ละบุคคล

เมื่อมีผู้ให้ก็ย่อมมีผู้รับ ผู้รับส่วนมากที่ไปในงานพระบรมศพของพ่อ ณ ท้องสนามหลวง

ล้วนแต่เป็นผู้รับที่ดี คือรับอย่างรู้ถึงคุณค่าของคนและข้าวของที่ให้ พวกเขาจึงรับด้วยความจำเป็นและซาบซึ้ง

แต่ก็ยังมีผู้รับที่มีอาชีพที่ตระเวน “หงายมือรับ” และเพียรพยายามหงายมือรองรับสิ่งของทุกอย่างที่มีให้จากคนคว่ำมือให้ บางคนรับทั้งสองมือยังไม่พอ ถึงกับวางซ้อนกันแนบกับลำตัวเพื่อไม่ให้หกตกหล่น ถึงกระนั้นก็ยังเดินมาร้องขออย่างไม่รู้จักพอ

ภาพเหล่านี้มันทำให้ฉันมองเห็นสัจธรรมว่า

“มือที่คว่ำหยิบของแล้วยื่นไปด้วยใจที่คิดจะให้ แม้มันจะหนัก แต่มันก็เป็นภาระแค่ชั่วพักเดียว แต่มือที่หงายคอยที่จะรอรับดูช่างหนัก ช่างมีภาระเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่พวกเราไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักพอเพียงดังที่พ่อพร่ำสอนไว้”

ที่หยิบยกเหตุการณ์ที่เห็นนำมาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาเลือกว่า จะเป็นผู้คว่ำมือให้ หรือจะหงายมือรับ

ไหนๆ ก็เล่ามาถึงตอนนี้แล้ว เลยถือโอกาสเชิญชวนท่านทั้งหลายมาร่วมกันให้ ร่วมกันเสียสละข้าวสารอาหารแห้ง ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซีอิ๊วดำ ซอสน้ำมันหอย เกลือ น้ำปลา น้ำตาล ข้าวสาร และภาชนะใส่อาหาร ตะเกียบ ช้อนพลาสติก พร้อมวัตถุดิบประกอบอาหาร

นำมาใส่บาตรพระเณรใหม่ที่บวชเพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง

ในเช้าวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม อันเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย เวลา ๘ โมงเช้า

สิ่งของทั้งหมดเราจะนำไปทำอาหารถวายพระเณรและแจกแก่ประชาชนคนของพ่อที่ท้องสนามหลวงต่อไป

อย่าลืมนะจ๊ะ มีเวลาว่างก็มาใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งแก่พระใหม่ เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งนะจ๊ะ

พุทธะอิสระ