ตั้งแต่พ่อเข้าโรงพยาบาลรักษาอาการป่วยมาแต่ละครั้ง ไม่เคยมีเดือนไหนเลยที่ลูกคนนี้จะไม่พาพี่น้องลูกหลานพ่อไปเจริญพระพุทธมนต์ที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อ
และทุกครั้งที่พี่น้องของลูกถวายเงินมา ขณะไปเจริญพระพุทธมนต์ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ลูกนำกลับวัด
ลูกจะมอบให้มูลนิธิธรรมอิสระนำไปบริจาคให้เป็นทุนพยาบาลผู้ป่วยอนาถาของโรงพยาบาลศิริราช
หรือไม่ก็นำขึ้นทูลเกล้าถวายเพื่อสนับสนุนในโครงการที่พ่อได้ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน
ซึ่งในแต่ละครั้งก็ได้เงินเป็นแสนขึ้นทุกครั้ง ซึ่งลูกก็จำไม่ได้แล้วว่ากี่แสนกี่ล้าน แต่ทุกครั้งทุกเดือนที่ลูกนำพาพี่น้องไปเจริญมนต์ถวายพ่อ ลูกจักทำอยู่เช่นนี้เสมอมา
จวบจนกระทั่งวันที่ ๙ ตุลาคม ลูกสั่งให้ชูใจ เลขามูลนิธิไปทำเรื่องขออนุญาตสำนักพระราชวังและโรงพยาบาลศิริราช เพื่อขอใช้สถานที่นำพาพี่น้องไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายพ่อในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลาบ่ายโมงเช่นเคย
เช้าวันที่ ๑๓ ตุลาคม ลูกและบริวารนำข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยชุด และปัจจัยที่ลูกบิณฑบาตได้ในช่วงเข้าพรรษา และล็อกเก็ตรูปของพ่อและสมเด็จพระสังฆราชที่ฉายพระรูปคู่กัน ไปแจกเป็นขวัญกำลังใจให้แก่พี่น้องจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ.บางบาล และ อ.เสนา จนกระทั่ง ๓ โมงเย็น
พอลูกเดินทางกลับมา คุณปราโมทย์ นาครทรรพ โทรมาบอกลูกว่าพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว
ลูกก็ยังไม่เชื่อหู ยังได้พูดไปว่า คงจะยังหรอก แต่ในหัวใจลูกเริ่มกังวลห่วงพ่อ รีบให้คนโทรไปบอกชูใจว่า ลองโทรไปพูดกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังและโรงพยาบาลศิริราชทีซิว่า จะขอเลื่อนเวลาในการเจริญมนต์ถวายพ่อมาเป็นเย็นนี้ได้ไหม พร้อมสั่งให้เจ้าแสบรีบขับรถกลับวัด
พอมาถึงวัดได้ฟังข่าวจากสื่อว่า พ่อสวรรคตแล้ว ทำให้ลูกต้องหยุดหายใจไปขณะหนึ่ง
น้ำตาแห่งความสูญเสียอาลัยรักพ่อ มันได้ไหลพรากออกมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ขณะที่ลูกกำลังสรงน้ำเพื่อเตรียมตัวเดินทางโรงพยาบาลศิริราชเพื่อไปเฝ้าพระศพพ่อ
ก่อนที่ลูกจะเดินทางไปโรงพยาบาลศิริราช ลูกได้นำพระเณรในวัดเจริญมนต์ถวายพ่อในโบสถ์ พร้อมประกาศว่า พ่อได้สวรรคตแล้ว ขอให้พระเณรช่วยกันเจริญมนต์น้อมส่งพ่อสู่สวรรคาลัย ทั้งยังให้ตีกองฆ้องระฆัง ๙ จบ เป็นการส่งเสด็จ
แล้วลูกก็รีบกราบพระออกมาจากโบสถ์ มาเจออีอ้วนมันเดินร้องไห้มากราบลูกหน้าโบสถ์ ทั้งที่ลูกก็น้ำตาไหล แต่ลูกก็ยังสั่งมันไปว่า อย่าเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ไม่ได้ประโยชน์
มึงรีบกลับไปเรียกพี่น้องแม่ครัวให้ช่วยกันทำอาหารไปแจกพี่น้องที่มาไว้อาลัยแด่พระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช ๕,๐๐๐ ให้ได้ภายในคืนนี้ และทำต่อไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า
ขณะที่ลูกเดินทางมาถึงสะพานอรุณอัมรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเขากั้นประตูทางเข้าออกไว้ทุกด้าน ไม่ให้รถเข้าไปยังโรงพยาบาลศิริราช ลูกจึงให้เข้าแสบคนขับรถประสานไปยังเจ้าแป๊ะ ให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รถพุทธะอิสระจะเข้าไปเฝ้าพระศพพ่อเพื่อไปสวดมนต์ เป็นเพื่อนพระศพอยู่ทั้งคืน ขอให้เปิดทางให้ด้วย
เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้รถเข้ามาจนถึงหน้าโรงพยาบาลประตู ๕
พอลูกลงมาจากรถก็มีพี่น้องไทยหลายร้อยคนยืนออรอที่จะเข้าไปภายในโรงพยาบาลเพื่อถวายความเคารพและไว้อาลัยต่อพ่อ ซึ่งมิอาจเข้าไปในโรงพยาบาลได้เพราะมีเจ้าหน้าที่กันถวายอารักขาพระศพพ่ออยู่
ลูกลงจากรถมายืนอยู่หน้าทางเข้า เจ้าณรงฤทธิ์ที่ทำงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และลูกหลานหลายคนจึงเข้ามากราบพร้อมกับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า
ลูกยืนอยู่หน้าปากทางเข้าพร้อมอธิษฐานถึงบารมีของพ่อว่า หากลูกมีบุญจะได้เข้าไปเฝ้าพระศพตลอดคืนได้จริงแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ได้กรุณาอนุญาตให้ลูกและผู้ติดตามเข้าไปสวดมนต์ถวายเป็นเพื่อนพระศพของพ่อตลอดรุ่งด้วยเถิด
๑๐ กว่านาทีต่อมา เลขาของผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชได้ลงมารับลูกพร้อมแจ้งว่า ท่านผู้อำนวยการให้มารับหลวงปู่เข้าไปภายใต้อาคารศิริราชร้อยปี
ลูกจึงได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อพ่อเป็นครั้งสุดท้าย
คืนวันที่ ๑๓ ลูกและพี่น้องได้ตั้งใจเจริญมนต์ถวายพ่อเป็นครั้งสุดท้ายจนตลอดรุ่ง ลูกได้อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชจนถึงเวลาน้อมส่งพระศพของพ่อเสด็จสู่พระบรมมหาราชวัง
ลูกถึงได้กลับมาวัดพร้อมทั้งได้สั่งให้ลูกหลานของลูกมาช่วยกันทำอาหารไปแจกจ่ายให้พี่น้องไทยที่เดินทางมาไว้อาลัยงานพระศพของพ่อจะต้องไม่อดอยาก ไม่กระหาย
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ จนถึงวันนี้ลูกก็ยังให้ทำอาหารเลี้ยงพี่น้องไทยที่มาร่วมงานพระศพพ่อจนกว่าถึงวันออกพระเมรุ
พ่อจ๋า ขอให้ลูกทำหน้าที่ของลูกกตัญญู เพื่อมอบถวายพ่อเป็นครั้งสุดท้ายให้สุดชีวิต เต็มที่และบริบูรณ์
ขณะที่ลูกไปทำอาหารเลี้ยงผู้ที่มางานพ่อ ลูกได้สั่งให้มูลนิธิประกาศรับสมัครผู้มีศรัทธาบวชพระเณรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อเป็นเวลา ๑ เดือนด้วย
พ่อจ๋า ขณะที่ลูกตั้งใจทำหน้าที่ของลูกกตัญญูต่อพ่อของแผ่นดินอยู่นี้ ก็ยังมีพี่น้องไทยบางคนไม่เข้าใจ พยายามจะยัดเยียดความชั่วร้ายให้ลูกล้มเลิกการแสดงความกตัญญูต่อพ่อ แต่ไม่ว่าเสียงตำหนิติด่าใดๆ ก็มิอาจทำลายความตั้งใจที่ลูกจักทำดีเพื่อพ่อให้ลดน้อยลงไปได้
ต่อให้พวกเขามาฆ่าลูกให้ตายลูกก็จะไม่หยุดทำเพื่อพ่อ เพราะลูกเชื่อมั่นในวิถีที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เธอจงยังประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านด้วยความประไม่ประมาทเถิด”
และวิถีนี้ พ่อได้ทำต้นแบบให้ลูกได้ดูมาตลอดพระชนม์ชีพของพ่อ ลูกจะขอน้อมรับนำมาทำจนกว่าชีวิตจะหายไม่
ผลบุญกุศลใดๆ ที่พวกลูกได้สร้างสมมาดีแล้ว ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะมีต่อไปในอนาคต จงเป็นพละปัจจัย ส่งผลให้พ่อได้รับแต่สิ่งดี สิ่งที่เลิศ สิ่งที่ประเสริฐ ตามที่พ่อปรารถนา
ลูกให้สัญญาว่า ชีวิตนี้จะถวายเป็นพลีต่อแผ่นดินและพระธรรมวินัย จนกว่าจะหมดลมหายใจ
พุทธะอิสระ