วันนี้หลังจากนำอาหารไปเลี้ยงพี่น้องที่มาร่วมงานพระศพพ่อทั้งวัน

กลับมาถึงวัดดึก ๔ ทุ่มกว่าร่วม ๕ ทุ่ม

เห็นทหารตำรวจมาตั้งด่านตรวจความปลอดภัยอยู่หน้าวัดกันเต็มไปหมด รู้สึกผิดแปลกไปจากปกติที่มีแค่ ๔-๕ คน

จึงสั่งให้เจ้าแสบจอดรถหน้าประตูวัดแล้วเปิดกระจกสอบถามสารวัตรปราบปรามจึงได้รู้ว่า

มีคำสั่งให้มาตั้งด่านรักษาความปลอดภัยหลังจากมีข่าวว่าจะมีการวางระเบิด ๔๐ จุด ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งวัดอ้อน้อยและพุทธะอิสระก็คงอยู่ในเป้าหมายนั้นด้วย (อันนี้เป็นข่าวไม่ได้กรอง โปรดกรุณาอย่าตกใจ)

ฉันจึงสอบถามว่ามีกำลังพลเท่าไหร่ ได้รับรายงานว่า ๑๒ นาย เลยถามว่าได้กินอะไรกันบ้างแล้วหรือยัง ได้รับคำตอบว่ายัง

ฉันจึงสั่งให้เจ้าแสบกับเจ้าวาริน ว่าหลังจากส่งฉันที่กุฏิแล้วให้ออกไปตลาดจัดหาซื้อก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ และกาแฟเครื่องดื่มมาแจกให้เจ้าหน้าที่พวกนี้ด้วย

เมื่อถึงกุฏิดูเวลา ๔ ทุ่มครึ่งพอดี จึงจัดแจงสรงน้ำสรงท่า เตรียมตัวสวดมนต์ทำวัตร

พร้อมทั้งตั้งใจว่า วันนี้จะนอนให้นานหน่อย คือตื่น ๖ โมงเช้า เพราะปกติต้องตื่นตี ๓ ครึ่ง ไม่ก็ตี ๔

เหตุที่วันนี้ขอนอนนานหน่อยเพราะรุ่งเช้าไม่ได้เดินทางไปเลี้ยงอาหารที่สนามหลวง เพราะท่านชัยณรงค์และบริวารของท่าน รวมทั้งพี่น้องพันธมิตร ได้อาสาเข้ามาขัดตาทัพ รับเลี้ยงอาหารทั้งวัน

เพื่อให้ทีมงานของฉันได้พักผ่อน จะได้เอาแรงไว้ลุยต่อในวันเสาร์อาทิตย์ และจันทร์ ซึ่งจะมีพี่น้องประชาชนมาร่วมงานพ่อกันจำนวนมาก

พอตื่นเข้าขึ้นมา พลันหูได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทำให้หวนระลึกนึกถึงพ่อ หน้าอกหน้าใจก็ให้ตีบตันน้ำตาไหล สะอื้นขึ้นมาซะงั้น

จึงได้รวบรวมสติเตือนตนเองว่า ประโยชน์อันใดที่เราจะมานอนร้องไห้สะอึกสะอื้นถึงพ่ออยู่ ทำไมเราไม่ลุกขึ้นไปทำอาหารไปเลี้ยงในงานของพ่อที่สนามหลวง จะได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดพระศพของพ่อด้วย

ฉันจึงรีบลุกทำภารกิจส่วนตัว เสร็จแล้วจึงออกเดินเข้าไปโรงครัว เห็นอีไฝและแม่ครัวจิตอาสา ๔-๕ คน นั่งทำโน่นทำนี่ ฉันจึงสั่งอีไฝระดมเรียกพรรคพวกมาช่วยแกงบวชฟักทอง และทำหมี่ผัดขี้เมาไปเลี้ยงพี่น้องที่มาร่วมงานศพพ่อในช่วงเย็น

และให้หมวดกุดแถลงโทรไปหาพระชัยณรงค์ว่า ให้เขาทำอาหารเลี้ยงจนถึงภาคบ่าย ส่วนตอนช่วงเย็นๆ ฉันและลูกหลานจะไปเลี้ยงอาหารเอง

วันนี้ตอนเย็นพบกันที่เต็นท์เก้านะจ๊ะ

พุทธะอิสระ