(ใช้ในการอบรมวิถีจิตครั้งที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1-2 ตุลาคม 2559)
บทขัดธัมมะนิยามะสุตตัง
ยัง เว นิพพานะญาณัสสะ ญานัง ปุพเพ ปะวัตตะเต
ตัสเสวะ วิสะยีภูตา ยายัง ธัมมะนิยามะตา
อะนิจจะตา ทุกขะตะ จะ สัพเพสัง จะ อะนัตตะตา
ตัสสา ปะกาสะกัง สุตตังยัง สัมพุทเธนะ ภาสิตัง
สาธูนัง ญาณะจาเรนะ ยะถา พุทเธนะ เทสิตัง
โยนิโส ปะฏิปัตยัตถัง ตัง สุตตันตัง ภะณามะเส ฯ
กฎ ธรรมชาติที่กำหนดแน่นอน สำหรับสรรพสัตว์ที่ว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เหล่านี้เป็นวิสัยแห่งผู้ได้ญาณหยั่งรู้พระนิพพาน ที่มีมาแล้วในกาลก่อนควรรู้ พวกเราทั้งหลายจงร่วมกันสวดพระสูตรนี้ อันเป็นการประกาศสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานเอาไว้แก่เวไนยนิกรทั้งปวง เพื่อทรงไว้ซึ่งญาณอันพิเศษแก่เหล่าสาธุชน เพื่อประโยชน์ในการที่จะนำไปปฏิบัติ โดยอุบายอันแยบคายในการต่อไปเทอญ
เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเมฯ ตัตระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติฯ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุงฯ ภะคะวา เอตะทะโวจะ
ข้าพเจ้า (พระอานนท์เถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณ ประทับอยู่ที่พระอารามที่สร้างถวายโดยอนาถปิณฑิกมหาเศรษฐี ชื่อเชตวัน ครั้งนั้น พระพุทธองค์ตรัสเรียกพระภิกษุทั้งหลายมาเข้าเฝ้า เมื่อภิกษุทั้งหลายรับทราบ ได้มาเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ได้ตรัสธรรมนิยาม ดังต่อไปนี้
อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง ฐิตา วะ สา ธาตุ ธัมมัฏฐิตะตา ธัมมะนิยามะตา สัพเพ สังขารา อะนิจจาติฯ ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ อะภิสะเมติ อะภิสัมพุชฌิตวา อะภิสะเมตวา อาจิกขะติ เทเสติ ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ วิวะระติ วิภะชะติ อุตตานีกะโรติ สัพเพ สังขารา อะนิจจาติฯ
อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง ฐิตา วะ สา ธาตุ ธัมมัฏฐิตะตา ธัมมะนิยามะตา สัพเพ สังขารา ทุกขาติฯ ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ อะภิสะเมติ อะภิสัมพุชฌิตวา อะภิสะเมตวา อาจิกขะติ เทเสติ ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ วิวะระติ วิภะชะติ อุตตานีกะโรติ สัพเพ สังขารา ทุกขาติฯ
อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง ฐิตา วะ สา ธาตุ ธัมมัฏฐิตะตา ธัมมะนิยามะตา สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติฯ ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ อะภิสะเมติ อะภิสัมพุชฌิตวา อะภิสะเมตวา อาจิกขะติ เทเสติ ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ วิวะระติ วิภะชะติ อุตตานีกะโรติ สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติฯ
คำแปล
ภิกษุ ทั้งหลาย ทั้งที่พระตถาคต และพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ธาตุคือสิ่งที่ทรงตัวเองอยู่ได้อันนั้น ดำรงอยู่ได้โดยธรรมดาของมันอย่างนั้น สิ่งที่ถูกกำหนดมาตามธรรมดาของมันว่า จะเป็นอย่างนั้น
พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นตถาคต ตรัสรู้ธาตุนั้น ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่า
สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา
ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้ว จึงนำมาบอกกล่าว นำมาแสดง บัญญัติตั้งไว้ เปิดเผยให้ทราบ
จำแนกแยกแยะ ทำให้เข้าใจง่ายว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา”
อิทะมะโว จะ ภะคะวาฯ อัตตะมะนา เต ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุนติฯ
ครั้ง พระพุทธองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณ ได้ตรัสแสดงดังกล่าวมานี้ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นมีความซาบซึ้ง ยินดีเพลิดเพลินพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
จบ ธัมมนิยามสูตร