คนพุทธไทยต้องอ่าน ตอนที่แล้วจบลงตรงที่ฉันนำคำอธิบายเรื่องนิโรธที่มีอยู่ในหลักพระธรรมวินัย ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงสั่งสอนเอาไว้ ๕ ระดับ

ซึ่งท่านเจ้าคุณประยุทธ์แห่งวัดญาณเวศกวัน นครปฐม ได้กรุณาเรียบเรียงรวบรวมเอาไว้ในหนังสือ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม

อีกทั้งยังได้นำเอาคำอธิบาย ความหมายของคำว่า ทุกขนิโรธะและทุกขนิโรธะคามีนิปฏิปทา ในอริยสัจจ์ ๔ และกิจหรือหน้าที่ของอริยสัจจ์ทั้ง ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มาให้ท่านทั้งหลายได้ศึกษา

เพื่อเปรียบเทียบกับคำสอนอันวิปริตของเจ้าลัทธิอลัชชีต้นธาตุต้นธรรม ว่าแตกต่างผิดเพี้ยนกันขนาดไหน

วันนี้มาดูความวิปริตของมันต่อ
—————————————-

ธัมมชโย:

ก็เข้านิโรธ ก็หยุดนิ่ง คือดับหายแว๊บไปสู่อีกมิติที่ละเอียดกว่า แล้วเข้าสู่อายตนะนิพพาน

และก็จะเข้าไปถามพระพุทธเจ้า ด้วยการหยุดนิ่งอยู่ภายใน

กระดิกจิตนิดหนึ่งเนี่ย ตำแหน่งแห่งความสำเร็จ แห่งความบริสุทธิ์เท่านั้น

ก็จะรู้เรื่องรู้ราวได้คำตอบออกมา
—————————————-

ประเด็นที่ต้องพิสูจน์คือคำว่า
– พอเข้านิโรธก็หยุดนิ่ง คือหายแว๊บไปสู่อีกมิติหนึ่งจริงไหม
– แล้วเข้าสู่อายตนะนิพพาน มีจริงหรือเปล่า
– ด้วยการหยุดนิ่งอยู่ภายใน
– การหยุดนิ่งภายในสามารถเข้าไปถามพระพุทธเจ้าได้จริงหรือ
– อะไรคือตำแหน่งแห่งความสำเร็จ ตำแหน่งแห่งความบริสุทธิ์ มีสอนอยู่ในพระธรรมวินัยนี้หรือไม่
—————————————-

คำว่า อีกมิติหนึ่ง ไม่มีในพระไตรปิฎก

คำว่า อายตนะนิพพาน ไม่มีในพระไตรปิฎก

ด้วยการหยุดนิ่งภายในเป็นแต่เพียงแค่อารมณ์ฌาน ๔ มีอุเบกขาธรรม คือการวางเฉย และเอกกัคคตารมณ์ คือการมีอารมณ์เป็นหนึ่ง

ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนแก่พระจุนทะว่าแม้สมาบัติ ๘ มิอาจขัดเกลากิเลสได้ เป็นแต่เพียงแค่อารมณ์เป็นสุขสงบขณะหนึ่งเท่านั้น

การหยุดนิ่งภายในดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเป็นแต่เพียงอารมณ์สมาธิ เท่านั้น หาได้เป็นการตรัสรู้ธรรมใดๆ ไม่ และจะไปถามพระพุทธเจ้าองค์ไหน

ตำแหน่งแห่งความสำเร็จตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกไม่มี

มีแต่เพราะมีปัญญา จึงเห็นทุกข์

เพราะมีปัญญา จึงรู้เหตุเกิดทุกข์

เพราะมีปัญญา จึงรู้ทางดับทุกข

และเพราะมีปัญญา จึงรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

พุทธะอิสระ

[ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต]

ที่มา: http://issaradhamtv.com/8831