ตอนที่แล้วอลัชชีต้นธาตุต้นธรรมแหกตาสาวกด้วยการย่ำยีดูถูกพระตถาคตเจ้า
มารมาถามว่าท่านจะโปรดหรือจะปราบ
แต่พระตถาคตเจ้าตอบไม่ได้
ซึ่งแท้จริงแล้ว มารมาขอเฝ้าพระตถาคตเจ้าในแต่ละครั้ง
ไม่มีครั้งไหนเลยที่มารถามว่า “จะโปรดหรือจะปราบ” ตามที่ไอ้อลัชชีวิปริตตนนี้โกหกบิดเบือน ย่ำยีพระตถาคตเจ้า
เรามาดูความวิปริตของอลัชชีต้นธาตุต้นธรรมตัวนี้กันต่อ
-------------------------------------------
ธัมมชโย :
มารให้เลือก คำถามนี้ใหม่สำหรับพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เป็นคำถามที่แปลก
ซึ่งท่านก็ไม่รู้เรื่อง ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับคำถามนี้
เพราะอัธยาศัยของท่านเป็นภาคโปรด แต่พอมาเจอแบบภาคปราบ ภาคถูกปราบ
ต้องถามกันยังงี้อ่ะนะ ปะทะกันยังงี้ก็ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นท่านต้องแสวงหาความรู้
-------------------------------------------
เรามาจับโกหกของไอ้อลัชชีต้นธาตุต้นธรรมในประเด็นที่ว่า
พระพุทธเจ้าไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจคำถามของมารจริงหรือ
เพื่อให้พุทธริษัทได้เข้าใจถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
ลองมาดูพระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการ
และบทพระพุทธมนต์ บทชัยมงคลคาถา
จะได้เห็นว่าสิ่งที่อลัชชีกล่าวจาบจ้วงพระพุทธเจ้าเท็จจริงอย่างไร
-------------------------------------------
พุทธคุณ ๙ คุณของพระพุทธเจ้า
อิติปิ โส ภควา แม้เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
๑. อรหํ - เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส ทำลายกำแพงแห่งสังสารวัฏได้แล้ว เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นต้น
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ – เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน - เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ
๔. สุคโต - เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองก็ได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระธรรมวินัยไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา
๕. โลกวิทู - เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตวโลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ - เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ - เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘. พุทฺโธ - เป็นผู้รู้ผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว คือ ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ถือกันมาผิดๆ ด้วย ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่ง เพราะไม่ติด ไม่หลง ไม่ห่วงกังวลในสิ่งใดๆ ไม่มีการคำนึงประโยชน์ส่วนตน เป็นต้น จึงมีพระทัยเบิกบาน บำเพ็ญพุทธกิจได้ถูกต้องบริบูรณ์ โดยถือธรรมเป็นประมาณ การที่ทรงพระคุณสมบูรณ์เช่นนี้ และทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้เรียบร้อยบริบูรณ์เช่นนี้ ย่อมอาศัยเหตุคือความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นและย่อมให้เกิดผลคือทำให้ทรงเบิกบาน ด้วย
๙. ภควา - ทรงเป็นผู้มีโชค คือ จะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ หรือ เป็นผู้จำแนกแจกธรรม
[ขอบคุณข้อมูลจาก:
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)]
-----------------------------------
ต่อด้วยพระพุทธานุภาพที่อยู่ในบทเจริญมนต์พาหุงมหากา
-----------------------------------
บทชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา)
พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นจอมของนักปราชญ์ ทรงชนะพญามารพร้อมด้วยเสนา ซึ่งเนรมิตแขนได้ตั้งพัน มีมือถืออาวุธครบทั้งพันมือ ขี่ช้างคิรีเมขล์ ส่งเสียงสนั่นน่ากลัว ทรงชนะด้วยธรรมวิธีมีทานบารมี เป็นต้น และด้วยเดชะของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะอาฬวกยักษ์ผู้โหดร้ายบ้าคลั่ง น่าสพึงกลัว ซึ่งต่อสู้กับพระองค์ ตลอดทั้งคืนรุนแรงยิ่งกว่าพญามาร จนละพยศร้ายได้สิ้น ด้วยขันติธรรมวิธีอันพระองค์ได้ฝึกไว้ดีแล้ว และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญาช้าง ชื่อ นาฬาคิรี ซึ่งกำลังตกมันจัด ทารุณโหดร้ายยิ่งนัก ดุจไฟป่าจักราวุธและสายฟ้า ด้วยพระเมตตาธรรม และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะมหาโจร ชื่อ องคุลีมาล ในมือถือดาบเงื้อง่าโหดร้ายทารุณยิ่ง วิ่งไล่ตามพระองค์ห่างออกไปเรื่อย ๆ เป็นระยะทางถึง ๓ โยชน์ ด้วยทรงบันดาลมโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะคำกล่าวใส่ร้ายท่ามกลางชุมชน ของนางจิญจมาณวิกา ผู้ผูกท่อนไม้ซ่อนไว้ที่ท้องแสร้งทำเป็นหญิงมีครรภ์ ด้วยความจริง ด้วยความสงบเยือกเย็นด้วยวิธีสมาธิอันงาม และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะสัจจกนิครนถ์ ผู้เชิดชูลัทธิของตนว่าจริงแท้อย่างเลิศลอย ราวกับชูธงขึ้นฟ้า ผู้มุ่งโต้วาทะกับพระองค์ ด้วยพระปัญญาอันเป็นเลิศดุจประทีปอันโชติช่วง ด้วยเทศนาญาณวิถี และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญานาคชื่อนันโทปนันทะ ผู้หลงผิดและมีฤทธิ์มาก ด้วยทรงแนะนำวิธี และ อิทธิฤทธิ์แก่พระโมคคัลลานะ พระเถระภุชงค์ พุทธบุตร ให้ไปปราบจนเชื่อง และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่พวกท่าน
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพรหม ชื่อ ท้าวพกะ ผู้รัดรึงทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดไว้แนบแน่น โดยสำคัญผิดว่าตนบริสุทธิ์มีฤทธิ์รุ่งโรจน์ด้วยวิธีวางยาอันวิเศษ คือ เทศนาญาณ และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
แม้นรชนใดไม่เกียจคร้าน สวดก็ดี ระลึกก็ดี ซึ่งพุทธชัยมงคลคาถา ๘ บทนี้ ทุกวัน ย่อมเป็นเหตุให้พ้นอุปัทวอันตรายทั้งปวง นรชนผู้มีปัญญาย่อมถึงซึ่งความสุขสูงสุดแล สิวโมกข์นฤพานอันเป็นเอกันตบรมสุข
-----------------------------------
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงมีพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ เห็นปานนี้
จักเป็นไปได้หรือที่จะตอบคำถามของมารไม่ได้
เขียนมาถึงตรงนี้แล้วทำให้รู้สึกว่า ไอ้อลัชชีตัวพ่อตนนี้มันช่างบังอาจนัก
มันกล้าจาบจ้วงดูถูกเหยียดหยามพระสัพพัญญุตญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า (ญาณคือความเป็นพระสัพพัญญู, พระปรีชาญาณหยั่งรู้สิ่งทั้งปวง ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต)
ซึ่งพระองค์ทรงได้รับขนานพระนามจากพรหม มาร เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายว่า
“พระพิชิตมาร”
-----------------------------------
ดังที่ปรากฏหลักฐานจากพระไตรปิฎกที่ได้เคยยกมาเทียบให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบแล้ว
จะเห็นว่า มารมาพบพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่ก่อนตรัสรู้จนถึงปรินิพพาน ไม่มีครั้งใดเลยที่มารมาถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ท่านจะโปรดหรือจะปราบ”
มีแต่อลัชชีต้นธาตุต้นธรรมมันปั้นเรื่องขึ้นมาแหกตาสาวกมันเองทั้งนั้น
นอกจากจะย่ำยีพระธรรมวินัยแล้ว มันยังย่ำยีพระพุทธเจ้าซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เห็นๆ กันอย่างนี้แล้ว พวกทาสผู้ซื่อสัตย์ยังทำเป็นหูหนวกตาบอด หลงเชื่อบูชามันอยู่ได้อีกกระนั้นหรือ
หากคิดจะยอมรับไอ้อลัชชีชั่วตัวนี้เป็นศาสดาล่ะก็
ขอแนะนำให้แยกไปใช้นามว่า “ศาสนาซาตานพญามาร” จะเท่ห์กว่านะ อ่ะจ๊ะ
อย่ามาเกาะพระพุทธศาสนา พระธรรมวินัยหากินอยู่เลย
จะบ่อนทำลายพระธรรมวินัยไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่ามันบาปมาก
เป็นโทษทั้งโลกนี้และโลกหน้า รวมทั้งโลกต่อ ๆ ไป
ข้อสังเกต ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าอลัชชีตัวพ่อนี้มันจะยกเอาพระธรรมบางส่วนมาแปรสภาพตามความคิดของมัน
จนทำลายหลักการแท้ของพระธรรมวินัย ให้ผู้คนเข้าใจพระธรรมวินัยไปในทางที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากสัจธรรมความจริง
ตัวอย่างเช่นกรณีอธิบายพระธรรม ๗ คัมภีร์ ในบทพระสังคิณีคาถา ที่เป็นนามธรรมล้วน ๆ ให้กลายเป็นรูปธรรมอย่างหน้าด้าน ๆ
ทั้งที่พระไตรปิฎกได้แยกแยะเอาไว้ชัดเจนว่านี่คือวินัยปิฎก ที่เกี่ยวกับระเบียบวินัย ซึ่งมีทั้งข้อห้ามและข้ออนุญาต
นี่คือสุตตันตปิฎก ที่เกี่ยวกับสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา สิ่งของ
ทั้ง ๒ ปิฎกนี้จัดเป็นประเภทรูปธรรม
นี่คืออภิธรรมปิฎกที่เกี่ยวกับจิต เจตสิก รูป นิพพาน และสภาวธรรมล้วน ๆ จัดเป็นนามธรรมอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับรูปธรรมใด ๆ เลย
แต่ไอ้อลัชชีต้นธาตุต้นธรรมมันก็อธิบายอภิธรรมให้กลายเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา และสิ่งของ ชาติภพ ตามอารมณ์ความวิปริตของมัน
จนทำให้สาวกทาสทั้งหลายเข้าใจไขว้เขวในพระสัทธรรมอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ ที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้านำไปโปรดพระพุทธมารดาในดาวดึงส์เทวโลก
อย่างนี้ไม่เรียกว่าบิดเบือน ย่ำยี แล้วจะเรียกว่าอะไร
อธิบายขนาดนี้แล้วยังไม่มีสติปัญญาใคร่ครวญ ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรแล้ว
พุทธะอิสระ
[ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต]
ที่มา: https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154123495353446