ตอนที่แล้วจบลงตรงอลัชชี อธิบายอภิธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้กลายเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา และภพชาติ
มิหนำซ้ำมันยังบังอาจดูถูกย่ำยีพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าตรัสรู้แล้วแต่ยังไม่รู้จักมาร
วันนี้มาดูความวิปริตบิดเบือนของมันต่อ
------------------------------------
ธัมมชโย :
เพราะการไม่รู้และได้ยินคำถามที่แปลก เป็นคำถามแรกที่เจอว่า
เมื่อบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วเนี่ย ท่านจะสู้กับเราหรือว่าโปรดสัตว์ตามธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าที่ผ่านมา
-----------------------------------
งง
คนที่เคารพเทิดทูนต่อพระพุทธเจ้าเขาจะไม่กล้าพูดเช่นนี้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เขาจะไม่กล้าจาบจ้วง เพราะละอายชั่วกลัวบาป
ทีนี้ลองมาตรวจสอบดูในพระไตรปิฎกกันหน่อยว่า พระตถาคตเจ้าเมื่อถูกมารถามแล้วจะต้องไปถามผู้อื่นหรือไม่
-----------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
โลกสูตร
[๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โลกตถาคตตรัสรู้แล้ว ตถาคตพรากจากโลกแล้ว
เหตุเกิดแห่งโลกตถาคตตรัสรู้แล้ว
เหตุเกิดแห่งโลกตถาคตละได้แล้ว
ความดับแห่งโลกตถาคตตรัสรู้แล้ว
ความดับแห่งโลกตถาคตกระทำให้แจ้งแล้ว
ปฏิปทาอันยังสัตว์ให้ถึงความดับแห่งโลก ตถาคตตรัสรู้แล้ว
ปฏิปทาอันยังสัตว์ให้ถึงความดับแห่งโลก ตถาคตให้เจริญแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปารมณ์ที่เห็นด้วยจักษุ สัททารมณ์ที่ฟังด้วยหู
คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ที่รู้ได้ด้วยทวารนั้นๆ
ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจของโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ของหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์
ตถาคตได้บรรลุแล้ว
เสาะแสวงหาแล้ว
ค้นคว้าแล้วด้วยใจ
ตถาคตตรัสรู้รูปารมณ์ที่เห็นได้ด้วยจักษุเป็นต้นนั้นโดยชอบ
เพราะฉะนั้น โลกจึงเรียกว่า ตถาคต
อนึ่งตถาคตย่อมตรัสรู้ซึ่งราตรีใด และย่อมยังราตรีใดให้ดับ
ตถาคตย่อมกล่าว ย่อมทักทาย ย่อมแสดงออกซึ่งคำใดในระหว่างนี้
คำนั้นทั้งหมดย่อมเป็นอย่างนั้นทีเดียว หาได้เป็นอย่างอื่นไม่
เพราะฉะนั้น โลกจึงเรียกว่า ตถาคต
ตถาคตมีปรกติกล่าวอย่างใด ทำอย่างนั้น ทำอย่างใด กล่าวอย่างนั้น
ด้วยประการฉะนี้ เพราะฉะนั้น โลกจึงเรียกว่า ตถาคต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์
เป็นผู้อันใครๆ ครอบงำไม่ได้ ผู้เห็นแจ้งโดยแท้ ยังอำนาจให้เป็นไป
เพราะฉะนั้น โลกจึงเรียกว่า ตถาคต ฯ
ผู้ใดรู้ยิ่งแล้วซึ่งโลกทั้งปวง รู้ตามเป็นจริงในโลกทั้งปวง
พรากไปจากโลกทั้งปวง ไม่มีกิเลสนอนเนื่องในสันดานในโลกทั้งปวง
ผู้นั้นแล เป็นธีรชนผู้ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้
ปลดเปลื้องกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งมวลเสียได้
เป็นผู้ถูกต้องนิพพานอันมีความสงบอย่างยิ่ง ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ
ผู้นี้เป็นพระขีณาสพผู้รู้แล้ว ไม่มีทุกข์ ตัดความสงสัยได้แล้ว
ถึงความสิ้นไปแห่งกรรมทั้งปวง
เป็นผู้หลุดพ้นเพราะความสิ้นไปแห่งอุปธิ
บุคคลนี้เป็นผู้มีโชค เป็นพุทธะ ชื่อว่าเป็นสีหะผู้ยอดเยี่ยม
ประกาศพรหมจักรให้แก่โลกทั้งเทวโลก
เพราะเหตุนั้น เทวดาและมนุษย์จึงถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ
มาประชุมกันนมัสการพระองค์ผู้เป็นใหญ่ ผู้ปราศจากความขลาด
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักนมัสการพระองค์ผู้เป็นใหญ่ ผู้ปราศจากความขลาด
กล่าวสรรเสริญว่า
เป็นผู้ฝึกตนประเสริฐกว่าบรรดาผู้ฝึกตนทั้งหลาย
เป็นฤาษีผู้สงบกว่าบรรดาผู้สงบทั้งหลาย
เป็นผู้พ้นชั้นเยี่ยมกว่าบรรดาผู้พ้นทั้งหลาย
เป็นผู้ข้ามฝั่งประเสริฐกว่าบรรดาผู้ข้ามฝั่งทั้งหลาย
ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก จะหาบุคคลเปรียบด้วยพระองค์ไม่มี ฯ
จบสูตรที่ ๓
-----------------------------------
เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงแสดงคุณสมบัติของพระสัพพัญญูให้โลกได้เห็นปานนี้ ดังปรากฎอยู่ในโลกสูตร
แล้วจักไม่รู้จักมาร ตอบปัญหามารไม่ได้กระนั้นหรือ
ทีนี้มาดูต่อว่ามารมาพบพระพุทธเจ้ากี่ครั้ง พบที่ไหน และสนทนากันด้วยเรื่องอะไร
มีคำถามถ่อยๆ เช่นอลัชชีกล่าวอ้างหรือไม่
-----------------------------------
(พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๔
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑. พุทธวรรค
๑. พุทธาปทาน อวิทูเรนิทานกถา)
มารมาผจญสิทธัตถกุมารที่ต้นศรีมหาโพธิ์
เพื่อมิให้สิทธัตถกุมารล่วงพ้นไปจากอำนาจของตน
จึงยกพลมารมาจู่โจม รวมทั้งบันดาลภัยพิบัติต่างๆ หวังจะฆ่าหรือขับไล่พระมหาบุรุษให้หนีไปเสียจากโพธิบัลลังก์
แต่ก็ไม่สำเร็จด้วยเพราะบารมี ๑๐ ทัศที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาแต่ยาวนาน
จึงทำให้มารและเสนามารต้องพ่ายแพ้ไป
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค)
สมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ พักอยู่ที่ต้นอชปาลนิโครธ
มารเข้ามาขอให้พระองค์จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด พระองค์ได้ทรงตรัสว่า
ดูก่อนมารผู้มีบาป ภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา
ผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ
ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว
ยังบอก แสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้
ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด
เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
ดูกรมารผู้มีบาป พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง
แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดามนุษย์ประกาศให้แพร่หลายดีแล้ว
เพียงใด เราจักไม่ปรินิพพานเพียงนั้น
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
มารสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑ ตโปกรรมสูตรที่ ๑, นาคสูตรที่ ๒, สุภสูตรที่ ๓)
ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ทรงประทับอยู่ที่ต้นอชปาลนิโครธ
มารหวังจะให้พระผู้มีพระภาคเจ้าหวาดกลัว ครั่นคร้าม
จึงได้เนรมิตเพศเป็นพระยาช้างใหญ่บ้าง จำแลงเป็นสิ่งที่งามบ้าง ไม่งามบ้าง
เข้าไปรุกรานองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
แต่ด้วยพุทธานุภาพ มารก็ไม่อาจเอาชนะได้จึงหลีกหนีไป
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
มารสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑ ปฐมปาสสูตรที่ ๔, ทุติยปาสสูตรที่ ๕)
ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี
มารผู้มีบาปก็ได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และกล่าวข่มขู่ว่าพระองค์จักไม่พ้นบ่วงของมารไปได้
พระองค์ตรัสตอบว่า เราเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงของมาร ท่านผู้เป็นที่เรากำจัดได้เสียแล้ว
มารเป็นทุกข์เสียใจว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ารู้จักเรา จึงได้หลีกหายไปทั้งสองครั้ง
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
มารสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑ สัปปสูตรที่ ๖)
สมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
ครั้งนั้น มารหวังจะให้พระผู้มีพระภาคเจ้าหวาดกลัว จึงได้นิรมิตแปลงเป็นพระยางูใหญ่
แต่ก็ไม่อาจทำให้พระพุทธองค์ทรงหวาดกลัวได้ มารจึงได้หลีกหายไป
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค)
สมัยหนึ่ง ในเวลา ๓ เดือนก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะปรินิพพาน ณ ปาวาลเจดีย์
มารก็ได้เข้ามากล่าวกับพระองค์ว่า ขอพระองค์จงปรินิพพานในบัดนี้เถิด
พระองค์ได้ทรงตรัสว่า
ดูก่อนมารผู้มีบาป ภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา
ผู้เป็นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ
ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว
ยังบอก แสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้
ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้ เพียงใด
เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯ
ดูกรมารผู้มีบาป พรหมจรรย์ของเรานี้จักยังไม่สมบูรณ์ กว้างขวาง
แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งเทวดามนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว
เพียงใด เราจักไม่ปรินิพพานเพียงนั้น
มารกล่าวตอบว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคสมบูรณ์แล้ว
กว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น
จนกระทั่งเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว
ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด
เมื่อมารกล่าวอย่างนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสตอบว่า
ดูกรมารผู้มีบาปท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด
ความปรินิพพานแห่งตถาคตจักมีในเวลาไม่ช้า โดยล่วงจากนี้ไปอีกสามเดือน ตถาคตก็จักปรินิพพาน
-----------------------------------
ในแต่ละครั้งที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ไม่มีมารตนไหนมาถามพระพุทธเจ้าว่า
“ท่านจะโปรดหรือจะปราบ” ดังคำโกหกของไอ้อลัชชีตัวนี้มันเลย
จุดมุ่งหมายที่มันกล้าบังอาจจาบจ้วงกล่าวตู่ ดูถูกเหยียดหยามพระพุทธเจ้า ก็เพราะมันต้องการยกตนขึ้นข่มพระพุทธเจ้า ยกวิชาธรรมกายของมันว่าสูงส่งกว่าพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้า
พุทธะอิสระ
[ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต]
ที่มา: https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154118324333446
=========================