Buddharaksa Isaratham:
หลวงปู่เจ้าคะ แบบนี้เรียกบวชเอาตัวรอดมั้ยคะ? ถ้าพระรีวิวสินค้าแบบนี้ได้ ต่อไปชาวบ้านก็ไม่ต้องใส่บาตรเพราะหากินเองได้ ภาษีก็ไม่เสีย แต่ถ้าพระทำแบบนี้ไม่ได้ทำไมมหาเถรฯ ถึงไม่ตักเตือนจับสึกไปเลยคะ อยู่ให้เสื่อมเสียศรัทธาต่อพระศาสนาทำไม??
ถาม:
หลวงปู่เจ้าค่ะ แบบนี้เรียกเอาตัวรอดมั้ยค่ะ ?
ตอบ:
คุณถามฉันว่า แบบนี้เอาตัวรอดมั้ย เหรอ
เขาเรียกว่า ทุมมังกุ ผู้ไม่ละอาย มักมาก เห็นแก่ลาภ ไม่สำนึกถึงคุณพระบรมศาสดา กล้าแม้จะล่วงละเมิดหลักการของพระธรรมวินัย
พระบรมศาสดาทรงเปรียบนักบวชพวกนี้ดุจดังหนอนขี้ ที่ไต่ลงจากชายจีวรของพระพุทธองค์ เพื่อไปกัดกินกองอาจม ที่ผูกชาวโลกให้ตกเป็นทาสอยู่ในอำนาจอาสวะ
ถาม:
ถ้าพระรีวิวสินค้าแบบนี้ได้ ต่อไปชาวบ้านก็ไม่ต้องใส่บาตร เพราะหากินเองได้ ?
ตอบ:
นี่แหละคือต้นฉบับ ของผู้ทำลายตระกูลสงฆ์อย่างแท้จริงล่ะ เขาแค่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินเท่านั้น
ถาม:
ภาษีก็ไม่เสีย ?
ตอบ:
เรื่องภาษีที่คุณบอกว่า เขาไม่เสียภาษี ฉันได้ยินมาว่า รายได้จากการรีวิวขายสินค้า ภาครัฐเขามีมาตรการในการเก็บภาษีรีวิวขายของอยู่แล้ว แต่ถ้าคนห่มเหลืองพวกนี้ไม่ยอมจ่ายภาษี ก็เท่ากับโกงภาษี
งานนี้คงต้องเปิดศาลสงฆ์ พิจารณาว่าต้องอาบัติ ความผิดฐานโกงภาษี ปรับเป็นปาราชิกหรือไม่
ถาม:
ทำไมมหาเถรไม่ตักเตือน จับสึกไปเลย ?
ตอบ:
โถ โถ จะไปเอาสาระอะไรกับสมาคมพรหมเทพ
พวกเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความถูกผิด ดีชั่ว ที่เกิดในสังฆมณฑลดอก
ไม่เช่นนั้นจะปล่อยให้อดีตกรรมการมหาเถร ทุจริตจนติดคุกเหรอ
ที่พูดนี่มิใช้เพื่อทำลายศรัทธาขององค์กรปกครองสงฆ์ แต่อยากให้องค์กรปกครองสงฆ์ลงมาจากพรหมโลก มาดูดำดูดีพฤติกรรมของพวกอลัชชีกระทำกันในเวลานี้บ้าง ไม่ว่าจะดูดวง ลงนะหน้าทอง กินหมูกระทะ ปีนกำแพงโรงแรมหนีผัวเขามาตามเมียคืน
หรืออีกสารพัดคดีที่ซุกอยู่ใต้พรม โดยที่บรรดาองค์พรหมทั้งหลาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือไม่ก็ไม่กล้าพอที่จะชี้ถูกชี้ผิดให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นธรรม อะไรเป็นวินัย และอะไรมิใช้ธรรม มิใช้วินัย
สังคมไทยไม่เคยเห็นบทบาทของผู้บริหาร ผู้ปกครองจากสมาคมพรหมพวกนี้ชัดเจนเลยสักเรื่อง เอาแต่รับซอง แต่ผิดก็ไม่รู้
สังคมไทยมีผู้ปกครองสงฆ์อ่อนแอและไม่กล้า แบบนี้แหละ
เราท่านทั้งหลายจึงได้พบเห็นอลัชชีทุมมังกุ และเปรตอาศัยผ้าเหลืองกินทุกวี่ทุกวันไงล่ะ
พุทธะอิสระ