ถาม:
สังคมทุกเพศทุกวัย กำลังจมปลักอยู่ในพายุแห่งอารมณ์ อยากทราบว่าในพระพุทธศาสนามีหลักอะไร ที่นำมาพิจารณากำจัดพายุแห่งอารมณ์ดังกล่าวนี้หรือไม่ ?
ตอบ:
ในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดา ทรงจำแนกอารมณ์แห่งหมู่สัตว์เอาไว้ ๖ ชนิด ที่เรียกว่า จริต ๖ อันได้แก่
ราคะจริต พวกที่ชื่นชอบในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ที่เรียกว่ากามคุณทั้ง ๕
โทสะจริต พวกที่มักจะหงุดหงิดโมโหฉุนเฉียว อาฆาตพยาบาท เคืองแค้น
โมหะจริต พวกที่มีความหลง โง่ งมงาย ปล่อยชีวิตให้จมอยู่ในปลักแห่งอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งที่เป็นฝ่ายอกุศลนานๆ
วิตกจริต ผู้ที่วิตกกังวลไปกับทุกสิ่ง ทั้งที่ยังมาไม่ถึง และที่ผ่านไปแล้ว
ศรัทธาจริต ผู้ที่มีความเชื่อง่าย ใครมาพูด มาบอกอะไร ก็เชื่อเขาไปหมด ไม่ชอบคิด ไม่ชอบวิเคราะห์ ไม่ชอบสืบสาวหาเหตุ
พุทธิจริต ผู้ที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ มักจะชอบตั้งข้อสังเกต และตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่ตนสงสัย จนบางครั้งเพราะความสงสัยมาก เลยกลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต เรียกว่า เรื่องง่ายๆ ก็ทำให้มันยากขึ้น
อารมณ์ทั้ง ๖ นี้มีอยู่ในหมู่สัตว์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ว่า สัตว์ตนใดจะมีอารมณ์อะไรนำหน้ามากกว่า
ถาม:
ในยุคนี้ อารมณ์ที่เห็นๆ กันอยู่ในสังคมปัจจุบัน จัดเป็นอารมณ์ประเภทใด ?
ตอบ:
โทสะกับโมหะ ความโกรธและความหลง เป็นตัวต้นเหตุให้ก่อปัญหา เราท่านทั้งหลายจึงเห็นข่าวคนกลุ่มนี้ ยกพวกไปตีกันกับคนกลุ่มโน้น
หรือไม่ก็แสดงกิริยาป่าเถื่อน รุนแรง เข้าทำร้าย ทำลายกัน แม้แต่พ่อแม่ก็ถูกลูกในใส้ทำร้าย บางรายถึงตาย ดังข่าวที่ปรากฏ
เหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากพายุแห่งอารมณ์โกรธและความหลงผิดทั้งนั้น
แต่มิใช่จะมีแค่สองอารมณ์นี้เท่านั้นที่สร้างปัญหา แม้อารมณ์อื่นก็สร้างปัญหาได้ ส่วนจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอารมณ์ที่เกิดในคนผู้นั้น
 
พุทธะอิสระ